บทที่ 1617 ภัยพิบัติใหญ่

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

บทที่ 1617 ภัยพิบัติใหญ่

 

แก่นแท้อสูรวิญญาณขนาดเท่าไข่ไก่สีน้ำเงินเข้มร่วงหล่นลงบนภูเขาตงฮัน

 

หลังจากอสูรวิญญาณตาย ศพของพวกมันจะกลายเป็นควันกระจายหายไปและทิ้งไว้เพียงแก่นแท้อสูรวิญญาณเท่านั้น

 

แก่นแท้อสูรวิญญาณเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ พวกมันคือทรัพยากรอมตะระดับสูง

 

แก่นแท้อสูรวิญญาณของอสูรวิญญาณธรรมดามีขนาดเท่าเมล็ดข้าว แก่นแท้อสูรวิญญาณระดับหกมีขนาดเท่าไข่ไก่ แก่นแท้อสูรวิญญาณระดับเจ็ดมีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย ขณะที่แก่นแท้อสูรวิญญาณระดับแปดมีขนาดเท่ารถม้า

 

หลังจากพูดคุยเพียงรอบเดียว ตระกูลฟางก็ตกลงให้ความร่วมมือกับฟางหยวนโดยลอบส่งมอบแก่นแท้อสูรวิญญาณให้เขาเป็นจํานวนมาก แก่นแท้อสูรวิญญาณส่วนใหญ่เป็นแก่นแท้อสูรวิญญาณระดับหก มีแก่นแท้อสูรวิญญาณระดับเจ็ดเพียงเล็กน้อย สําหรับแก่นแท้อสูรวิญญาณระดับแปด ไม่มีแม้แต่ชิ้นเดียว

 

ฟางหยวนมีแก่นแท้อสูรวิญญาณระดับแปดสองชิ้น แต่เขาต้องการเก็บพวกมันไว้และจะไม่ใช้พวกมันเพื่อสร้างวิญญาณความเด็ดเดี่ยว

 

ทรัพยากรอมตะระดับแปดมักถูกใช้ในการหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปดหรือใช้สร้างค่ายกลวิญญาณอมตะขนาดใหญ่ การใช้พวกมันเพื่อผลิตวิญญาณความเด็ดเดียวจะทําให้พวกมันสูญเสียคุณค่าที่แท้จริง

 

ภูเขาตงฮันที่ได้รับแก่นแท้อสูรวิญญาณผลิตผลึกตงฮันออกมาอย่างรวดเร็ว

 

ฟางหยวนพยักหน้าเมื่อเห็นฉากนี้ “ด้วยสิ่งนี้ข้าจะสามารถกลับไปบ่มเพาะจิตวิญญาณได้อีกครั้ง”

 

รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณสําคัญกับฟางหยวนมาก

 

การกดขี่ทาสพึ่งพารากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ ยิ่งรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณแข็งแกร่งเท่าใด ฟางหยวนก็ยิ่งกดขี่ทาสได้มากเท่านั้น

 

ราชันภูตใช้รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ ท่าไม้ตายอมตะผลาญวิญญาณระเบิดโชคก็ใช้รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ นอกจากนี้ยังมีท่าไม้ตาอมตะนําวิญญาณสู่ความฝัน ฟางหยวนศึกษาท่าไม้ตายนี้อย่างละเอียดแล้วและพบว่าหากรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของผู้ใช้สูงกว่าเป้าหมาย โอกาสประสบความสําเร็จจะเพิ่มขึ้น

 

ฟางหยวนใช้ชื่อของเขาโดยตรงในจดหมายและละทิ้งชื่อชวนจิน แต่คําตอบของตระกูลฟางก็ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขา

 

ฟางหยวนเพียงผู้เดียวไม่สามารถยึดครองอาณาเขตของพวกเขา อย่างมากที่สุดเขาก็ทําได้เพียงปล้นสะดมทรัพยากรบางส่วน แต่กองกําลังใหญ่อื่นๆแตกต่างออกไป พวกเขาสามารถฉกชิงอาณาเขตและยึดครองแหล่งทรัพยากรด้วยการส่งกองทัพของพวกเขาออกมา

 

ภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสําหรับตระกูลฟางไม่ใช่ฟางหยวนแต่เป็นกองกําลังฝ่ายธรรมะของทะเลทรายตะวันตกที่กําลังจ้องมองพวกเขาด้วยความโล

 

“ยิ่งไปกว่านั้นทะเลทรายตะวันตกยังค่อนข้างพิเศษ ผู้อมตะของทะเลทรายตะวันตกมีความประนีประนอมมากที่สุดในห้าภูมิภาค”

 

นี่ไม่ใช่เพราะพวกเขาเป็นคนอ่อนโยนแต่เป็นเพราะสภาพแวดล้อม

 

แตกต่างจากภูมิภาคอื่น ทะเลทรายตะวันตกเต็มไปด้วยทะเลทราย หากโอเอซิสถูกทําลายในการต่อสู้ พวกเขาจะไม่เหลือรากฐานสําหรับการอยู่รอดและจะพังพินาศไปพร้อมกัน โอเอซิสแต่ละแห่งผลิตทรัพยากรที่แตกต่างกัน ผู้ใช้วิญญาณต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อชดเชยสิ่งที่พวกเขาขาด ขบวนสินค้าต้องเดินทางไกลท่ามกลางอันตราย ดังนั้นพวกเขาจึงต้องสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน

 

ด้วยเหตุนี้ผู้ใช้วิญญาณของทะเลทรายตะวันตกจึงค่อนข้างประนีประนอมเพื่อความอยู่รอด

 

เมื่อผู้ใช้วิญญาณกลายเป็นผู้อมตะ นิสัยการประนีประนอมก็ยังอยู่และกลายเป็นธรรมชาติของผู้อมตะของทะเลทรายตะวันตกไปในที่สุด

 

ในชีวิตแรกของฟางหยวน เขาเคยท่องเที่ยวไปรอบๆทะเลทรายตะวันตก เขาตระหนักถึงธรรมชาติของผู้คนในทะเลทรายตะวันตกเป็นอย่างดี

 

หากฟางหยวน ตะของทะเลทรายตะวันตก กองกําลังฝ่ายธรรมะของทะเลทรายตะวันตกจะประนีประนอมเร็วกว่าภาคใต้

 

หากฟางหยวนจับตัวผู้อมตะภาคเหนือ มันจะเป็นสถานการณ์ที่แตกต่างออกไป คนเหนือมักเป็นคนกล้าและไม่กลัวตาย พวกเขาอาจคิดว่ามันน่าอับอาย ขณะที่ฟางหยนวนจะรู้สึกปวดหัวกับเชลยมากขึ้น

 

วันต่อมาฟางหยวนกลับไปบ่มเพาะจิตวิญญาณของเขาอีกครั้งขณะที่เขายังรีดไถกองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้และค้นวิญญาณของเชลยต่อไป

 

เป้าหมายของการค้นวิญญาณในครั้งนี้คือเซี่ยชา

 

แม้มันจะค่อนข้างยุ่งยากในการค้นวิญญาณของนาง แต่เขาไม่ขาดความอดทน เวลาในมิติช่องว่างจักรพรรดิเดินเร็วมาก ภายใต้ความพยายามอย่างต่อเนื่อง เขาก็ได้รับกําไรในที่สุด

 

ในไม่ช้าท่าไม้ตายอมตะของเซี่ยชาก็ถูกฟางหยวนปล้นไป

 

เซี่ยซาคิดค้นท่าไม้ตายอมตะสองชุดที่ใช้วิญญาณฤดูใบไม้ผลิ วิญญาณฤดูร้อน วิญญาณฤดูใบไม้ร่วง และวิญญาณฤดูหนาวเป็นแกนกลาง ท่าไม้ตายอมตะแต่ละชุดมีสี่ท่า

 

ท่าไม้ตายอมตะชุดแรกใช้สําหรับการต่อสู้ มันประกอบด้วย กรรไกรฤดูใบไม้ผลิ พัดฤดูร้อน สัมผัสแห่งฤดูใบไม้ร่วง และเสื้อคลุมฤดูหนาว

 

ท่ามกลางพวกมัน ท่าไม้ตายอมตะกรรไกรฤดูใบไม้ผลิและพัดฤดูร้อนเป็นท่าไม้ตายอมตะสายโจมตีระดับแปด

 

ท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งฤดูใบไม้ร่วงเป็นท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบ สิ่งนี้สามารถเติมเต็มจุดอ่อนของฟางหยวนได้เป็นอย่างดี

 

สําหรับท่าไม้ตายอมตะเสื้อคลุมฤดูหนาว มันเป็นท่าไม้ตายอมตะสายป้องกัน

 

ท่าไม้ตายอมตะชุดที่สองใช้สําหรับจัดการมิติช่องว่างได้แก่ ท่าไม้ตายอมตะเพาะปลูกฤดูใบไม้ผลิ ไถพรวนฤดูร้อน เก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วง และกักตุนฤดูหนาว

 

ทุกท่าไม้ตายล้วนแยลยลและลึกซึ้ง ส่วนที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือหลังจากใช้ทั้งสี่ท่า ผลลัพธ์จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก

 

นอกจากนี้ยังมีท่าไม้ตายอมตะอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นท่าไม้ตายอมตะสายรักษาหรือสายเคลื่อนไหว ทั้งหมดล้วนงดงามและมีประโยชน์ แต่พวกมันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับท่าไม้ตายอมตะสองชุดแรก

 

ในความเป็นจริงการคิดค้นท่าไม้ตายอมตะเป็นกระบวนการที่ยากลําบากมาก ผู้อมตะจําเป็นต้องมีพรสวรรค์และมีความสามารถที่เพียงพอ

 

อสูรสายฟ้าของภาคกลางใช้เวลาเกือบสามปีกับการปิดประตูฝึกตนก่อนจะสามารถคิดค้นท่าไม้ตายอมตะเทพสายฟ้าและนั่นคือหลังจากที่เขาใช้เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะเทพโลหิตเป็นข้อมูลอ้างอิง

 

ภายใต้สถานการณ์ปกติ โดยปราศจากความช่วยเหลือใดๆเกี่ยวกับเส้นทางแห่งปัญญา ผู้อมตะต้องใช้เวลาอย่างน้อยห้าถึงหกปีในการอนุมานและกําหนดแนวทางของท่าไม้ตายอมตะ

 

การเลือกวิญญาณอมตะที่เหมาะสมก็ไม่ใช่เรื่องง่าย มีตัวเลือกมามาย กระทั่งท่าไม้ตายอมตะจะถูกคิดค้นขึ้น แต่มันอาจไร้ประโยชน์ในทางปฏิบัติและไม่สามารถใช้งานได้หากผลข้างเคียงรุนแรงเกินไป หลังจากเสร็จสิ้นการคิดค้นท่าไม้ตายอมตะ พวกเขายังต้องทดสอบและปรับปรุงมันซ้ำแล้วซ้ำอีก

 

ห้าถึงหกปีคือเวลาที่ผู้อมตะต้องจดจ่ออยู่กับการคิดค้นท่าไม้ตายอมตะเพียงอย่างเดียวโดยไม่ทําสิ่งอื่น

 

หากผู้อมตะมีข้อมูลอ้างอิงหรือมรดกจากคนรุ่นก่อน พวกเขาจะสามารถลดระยะเวลาลงได้

 

แต่เวลาที่ใช้ยังนับปี

 

ฟางหยวนสามารถคิดค้นท่าไม้ตายอมตะได้อย่างง่ายดายเพราะเขามีแสงแห่งปัญญา หลังจากทั้งหมดวิญญาณสติปัญญาเป็นวิญญาณอมตะระดับเก้า มันไม่สามารถถูกมองข้าม นอกจากนี้ยังมีเหตุผลอีกประการ นั่นคือเขามีความสําเร็จในหลายเส้นทาง

 

ท่าไม้ตายอมตะและวิญญาณอมตะสามารถเสริมความแข็งแกร่งในแง่ของเส้นทางแห่งกาลเวลาให้กับฟางหยวนได้เป็นอย่างมาก ความก้าวหน้านี้เหมือนกับการปะทุขึ้นของภูเขาไฟ

 

อย่างไรก็ตามฟางหยวนยังเผชิญหน้ากับปัญหาที่ค่อนข้างน่าอึดอัดใจ

 

“วิญญาณอมตะฤดูใบไม้ผลิและวิญญาณอมตะฤดูร้อนเป็นวิญญาณอมตะระดับแปด พวกมันใช้พลังงานอมตะระดับแปด ข้าเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด ข้าไม่มีคุณสมบัติที่จะใช้พวกมัน”

 

ดังนั้นข้าจึงต้องก้าวเข้าสู่ระดับแปด!”

 

“ด้วยวิธีนี้ไม่เพียงข้าจะสามารถใช้วิญญาณอมตะฤดูใบไม้ผลิและวิญญาณอมตะฤดูร้อนแต่ข้ายังสามารถใช้วิญญาณอมตะดาบแห่งปัญญา

 

ฟางหยวนเริ่มพิจารณาถึงการก้าวเข้าสู่ระดับแปด

 

หลายวันต่อมาการอนุมานของเขาก็เสร็จสิ้น

 

การก้าวเข้าสู่ระดับแปดของเขาจําเป็นต้องผ่านภัยพิบัติใหญ่สามครั้ง ภัยพิบัติใหญ่จะทรงพลังขึ้นในแต่ละครั้ง

 

ปัจจุบันฟางหยวนอยู่ไม่ไกลจากภัยพิบัติใหญ่ครั้งที่สามซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย

 

ภัยคุกคามของภัยพิบัติใหญ่ไม่สูงมากนักสําหรับเขา

 

แม้เจตจํานงสวรรค์จะเพิ่มพลังอํานาจของมันจนถึงขีดสุด แต่ฟางหยวนสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะเผยความลับสวรรค์เพื่อเตรียมตัวรับมือ

 

สิ่งที่ฟางหยวนกังวลไม่ใช่ภัยพิบัติใหญ่แต่เป็นภัยพิบัติมนุษย์

 

ในการเผชิญหน้ากับภัยพิบัติใหญ่ เขาต้องวางมิติช่องว่างลงและเชื่อมต่อกับโลกภายนอกเพื่อดูดกลืนปราณสวรรค์พิภพ

 

ในเวลานั้นตําแหน่งของเขาจะถูกเปิดเผยโดยตรงต่อเจตจํานงสวรรค์ ขณะเดียวกันผู้อมตะคนอื่นๆก็มีโอกาสประสบความสําเร็จในการอนุมานตําแหน่งของเขามากขึ้น

 

วังสวรรค์จะไม่ปล่อยโอกาสนี้หลุดลอยไป มีความเป็นไปได้สูงมากที่พวกเขาจะประเมินระดับการบ่มเพาะของฟางหยวนไว้แล้ว

 

หากฟางหยวนเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่ภาคใต้ เมื่อผู้อมตะภาคใต้ล่วงรู้ข้อมูล พวกเขาจะรีบมาฆ่าฟางหยวน แม้เชลยจะยังอยู่กับเขาก็ตาม

 

หากพวกเขาสามารถกําจัดฟางหยวน พวกเขาจะไม่พบปัญหาอีกในอนาคต ในระยะยาวผลประโยชน์ที่พวกเขาได้รับจะยิ่งใหญ่กว่า

 

ธุรกิจปลามังกรของฟางหยวนถูกขัดขวางโดยวังสวรรค์ รายได้ของเขาลดลงอย่างมาก สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าวิ่งสวรรค์สามารถค้นวิญญาณของเทพปีศาจจิตวิญญาณ เมื่อเวลาผ่านไปวังสวรรค์จะได้รับข้อมูลเพิ่มมากขึ้น มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณจะมีประโยชน์และคุณค่าต่อฟางหยวนน้อยลง

 

“ตอนนี้วังสวรรค์เป็นศัตรูหลักของข้า กุญแจสําคัญในการต่อสู้กับวังสวรรค์คือวิญญาณชะตากรรม

 

“หากวังสวรรค์สามารถฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรมได้อย่างสมบูรณ์ ข้าจะไม่มีโอกาสชนะอีกต่อไป หากข้าสามารถทําลายวิญญาณชะตากรรม ข้าจะสามารถต่อสู้กับพวกเขาต่อไป”

 

“กุญแจสําคัญในการทําลายวิญญาณชะตากรรมอยู่ในมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง”

 

ฟางหยวนอนุมานแล้วว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่มรดกของเทพปีศาจบัวแดงจะมีวิธีทําลายวิญญาณชะตากรรม

 

เพื่อรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง ข้าต้องต่อสู้กับวังสวรรค์ในสายธารแห่งกาลเวลา ข้าจะสามารถผ่าแนวป้องกันของพวกเขาได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับภัยพิบัติใหญ่ครั้งนี้

 

“หากข้าผ่านมันไปได้ ข้าจะกลายเป็นผู้อมตะระดับแปดและสามารถใช้วิญญาณอมตะระดับแปด พลังการต่อสู้ของข้าจะพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง ข้าจะมีโอกาสประสบความสําเร็จในสายธารแห่งกาลเวลา

 

“หากข้าไม่สามารถก้าวข้าม ข้าก็จะตาย ต่อให้ข้าบังเอิญรอดชีวิต แต่แผนการของข้าก็จะล้มเหลวต่อไปเป็นลูกโซ่ เว้นเพียงวังสวรรค์จะทําพลาดอย่างร้ายแรง มิฉะนั้นพวกเขาจะไม่ให้โอกาสข้ากลับมาอีก

 

ฟางหยวนตระหนักถึงสถานการณ์เป็นอย่างดี

 

สิ่งสําคัญในเวลานี้คือแผนการก้าวเข้าสู่ระดับแปด

 

วันต่อมานอกเหนือจากการบ่มเพาะจิตวิญญาณ การค้นวิญญาณของเซี่ยชา และการจัดการมิติช่องว่างจักรพรรดิ ฟางหยวนแบ่งเวลาไปสํารวจอาณาจักรแห่งความฝัน ฝึกฝนท่าไม้ตายใหม่ และพัฒนาท่าไม้ตายเดิม

 

มีความจําเป็นที่ต้องพัฒนาท่าไม้ตายเดิมโดยเฉพาะท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ มิฉะนั้นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณเหล่านั้นจะถูกตอบโต้หรือหยุดยั้งโดยวังสวรรค์อย่างรวดเร็ว

 

สําหรับท่าไม้ตายใหม่ ฟางหยวนฝึกวิธีใช้งานท่าไม้ตายอมตะของเซี่ยชาเป็นหลัก ปัจจุบันเขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด เขาสามารถฝึกท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดที่ใช้วิญญาณอมตะฤดูใบไม้ร่วงและวิญญาณอมตะฤดูหนาวเป็นแกนกลาง

 

โดยปกติผู้อมตะจะพบสองปัญหาใหญ่ในการฝึกฝนท่าไม้ตาย

 

หนึ่งคืออาการบาดเจ็บจากความล้มเหลว แต่ฟางหยวนมีร่างทารกอมตะที่ไม่มีปัญหาเรื่องความขัดแย้งระหว่างพลังงานแห่งเต๋ นอกจากนี้เขายังมีวิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้า ดังนั้นปัญหานี้จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่

 

สองคือพลังงานอมตะ หากพลังงานอมตะถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาต้องเปลี่ยนหินวิญญาณอมตะเป็นพลังงานอมตะ ก่อนหน้านี้ฟางหยวนขาดเงินทุน แต่ตอนนี้เขามีธุรกิจมากมายรวมถึงหินวิญญาณอมตะที่รีดไถมา ดังนั้นเขาจึงไม่มีปัญหาเรื่องเงินทุนเช่นกัน