จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “ให้คนของเจ้าถอยไป ไม่งั้นข้าคงไม่สามารถคุมแรงดาบในครั้งต่อไปได้แล้ว”
ศิษย์รองไม่กล้าต่อต้านจวินอู๋เสียอีกต่อไป อูจิ่วมีความสำคัญมากสำหรับวิญญาณมนุษย์ และในฐานะศิษย์คนหนึ่งของเขา ทั้งตำแหน่งและอำนาจที่เขาได้มาก็เป็นเพราะอูจิ่ว ถ้าอูจิ่วตายไป พวกเขาแย่แน่ หลังจากคิดอยู่หลายตลบ ศิษย์รองก็สั่งให้วิญญาณมนุษย์ถอยหลังไปหลายก้าว
“พวกเจ้าก็ถอยไปด้วย” จวินอู๋เสียหันหน้าไปมองวิญญาณมนุษย์และวิญญาณอาวุธที่ล้อมอยู่ด้านหลัง วิญญาณมนุษย์ย่อมไม่กล้าเคลื่อนไหวบุ่มบ่าม ได้แต่ถอยหลังกลับไป แต่วิญญาณอาวุธที่นำโดยดาบตัดวิญญาณดูเหมือนไม่เต็มใจจะถอย
จวินอู๋เสียจึงพูดขึ้นว่า “ถ้าอูจิ่วตาย วิญญาณอาวุธก็จะไม่มีวันได้ครอบครองหอคอยโยวหลิงไปตลอดชีวิต พวกเจ้าคิดให้ดีก็แล้วกัน”.novel-lucky.
ดาบตัดวิญญาณรู้สึกขัดแย้งในใจจนอยากตาย มันถือว่าตัวเองเป็นผู้มีอำนาจคนหนึ่งในโลกวิญญาณ มันเคยถูกเด็กสาวตัวเล็กๆข่มขู่ที่ไหนกัน? แต่ตอนนี้จวินอู๋เสียกำชะตากรรมของพวกมันเอาไว้
วิญญาณอาวุธยอมทำทุกอย่างเพื่อหอคอยโยวหลิง แม้จะรู้ว่าการสร้างหอคอยจำเป็นต้องใช้หมีวิญญาณเป็นเครื่องสังเวย พวกมันก็ยอมละทิ้งคุณธรรมและยืนอยู่ข้างเดียวกับอูจิ่ว เนื่องจากพวกมันเห็นหอคอยโยวหลิงสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
ดาบตัดวิญญาณนำเหล่าวิญญาณอาวุธถอยไปด้านข้างอย่างไม่เต็มใจ เปิดพื้นที่กว้างให้พวกจวินอู๋เสียที่อยู่ตรงกลาง
พื้นดินที่เพิ่งผ่านการต่อสู้อันดุเดือดมานั้นเละเทะเล็กน้อย ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าดินบนพื้นเริ่มสั่นสะเทือนโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน แต่ขอบข่ายการสั่นสะเทือนนั้นเล็กน้อยมาก และยังปกคลุมด้วยชั้นดินอ่อนนุ่ม จึงไม่รู้สึกอะไรชัดเจน นอกจากนั้น ความสนใจของวิญญาณทุกตนก็พุ่งไปที่จวินอู๋เสีย ใครจะไปสังเกตอะไรพวกนี้?
“เจ้าอยากให้ข้าปล่อยพวกเจ้าไป แต่ข้าไม่สามารถเชื่อใจพวกเจ้าได้ ข้าสัญญา ถ้าเจ้าปล่อยอาจารย์ข้า ข้าจะให้พวกเจ้าไปจากที่นี่อย่างปลอดภัย” ศิษย์รองพยายามช่วยอูจิ่วอีกครั้ง
แต่จวินอู๋เสียก็ยังเมินเขาต่อไป
ที่ด้านหลังสนามรบ ในที่สุดจงจงก็แกะสลักอักขระเสริมวิญญาณเสร็จ เมื่อมันเห็นกระแสพลังวิญญาณค่อยๆไหลจากวงอักขระเสริมวิญญาณเข้าสู่ร่างของน่าหลานเยว่ เติมเต็มวิญญาณที่อ่อนแอของน่าหลานเยว่อย่างช้าๆ จงจงก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก มันรับรู้ถึงสถานการณ์ที่อยู่ข้างหน้า แต่อาการของน่าหลานเยว่ทำให้มันออกไปไม่ได้ ตอนนี้น่าหลานเยว่อ่อนแอมาก หากถูกวิญญาณอาวุธหรือวิญญาณมนุษย์โจมตีแค่ครั้งเดียวก็ทำให้วิญญาณของเขาแตกสลายได้แล้ว จงจงจึงต้องคอยระวังอยู่ข้างๆเขาอย่างไม่มีทางเลือก
เสียงสะเทือนเล็กๆของดินทำให้จงจงไหวตัวขึ้นทันที มันเงยหน้าขึ้นมองไปข้างหน้า และพบว่าพื้นดินใต้ร่างของน่าหลานเยว่ถูกเถาวัลย์หลายเส้นดันขึ้นมา ก่อนที่จงจงจะทันได้รู้สึกกังวล มันก็เห็นดอกไม้สีม่วงเล็กๆบนเถาวัลย์พวกนั้น และจำได้ทันทีว่าเถาวัลย์พวกนั้นมาจากไหน มันเงยหน้าขึ้นมองไปยังเหล่าวิญญาณที่อยู่ข้างหน้า
ไกลออกไป จงจงเห็นตู๋เถิงยืนหันหลังให้ทุกคน และทำสัญญาณบอกให้มันเงียบ
หัวใจของจงจงเต้นแรง มันไม่กล้าส่งเสียงใดๆ ขณะที่เถาวัลย์ของตู๋เถิงค่อยๆม้วนพันรอบตัวน่าหลานเยว่และจงจง……
อีกด้านหนึ่ง ศิษย์รองก็กำลังจะบ้า เมื่อเห็นว่าอาจารย์ของตนถูกทรมานอยู่ใต้เท้าของจวินอู๋เสีย เขาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการกระโดดเข้าฉีกจวินอู๋เสียเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่……อูจิ่วยังคงอยู่ในมือของจวินอู๋เสีย ไม่ว่าในใจจะเกลียดชังเพียงใด เขาก็ไม่กล้ากระโดดออกไปและฉีกหน้ากากที่แสร้งเป็นมิตรกับจวินอู๋เสียในตอนนี้
จวินอู๋เสียพูดขึ้นว่า “เจ้าไม่เชื่อข้า ข้าก็ไม่เชื่อเจ้าเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้น……” จวินอู๋เสียพูดยังไม่จบ นางก็ยกเท้าขึ้นและเตะอูจิ่วที่นอนอยู่บนพื้นลอยกระเด็นออกไปทันที!