อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1746 การจัดลำดับ
ชายหนุ่มผู้มาใหม่ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากจางเซวียน
เขางุนงงมากกับการกระทำของปรมาจารย์กลุ่มนี้
เหล่าปรมาจารย์จะไม่เชื่อถือในสิ่งเหนือธรรมชาติ และไม่ยึดมั่นในกฎแห่งกรรมด้วย แต่ปรมาจารย์กลุ่มนี้กลับทำการยื่นข้อเสนอที่คล้ายกับการบูชายัญของเผ่าพันธุ์ปีศาจ อีกอย่าง หากพิจารณาจากน้ำเสียงของพวกเขา ก็ดูเหมือนว่าทางออกน่าจะเชื่อมโยงกับสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ เมื่อทนความอยากรู้ไม่ไหว จางเซวียนจึงต้องบินไปหาเพื่อตั้งคำถาม
กระบี่เปลวเพลิงสีดำยกระดับวรยุทธขึ้นเป็นของล้ำค่าระดับนักปราชญ์โบราณแล้ว เขาสามารถปกป้องตัวเองได้ต่อให้ต้องเผชิญกับเผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณ ดังนั้นจึงไม่ต้องปกปิดตัวตนของตัวเองอีกต่อไป คราวนี้เขาเผชิญหน้ากับปรมาจารย์กลุ่มนั้นด้วยรูปลักษณ์เดิม
แต่ก็ดูเหมือนว่าปรมาจารย์ทั้งกลุ่มจะไม่รู้จักเขา พวกนั้นจ้องหน้าเขาอย่างระแวง ราวกับพยายามจะหยั่งเชิงว่าเขาเป็นศัตรูหรือไม่
จางเซวียนงงงันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะนึกได้
ปรมาจารย์ส่วนใหญ่ที่เดินทางเข้าสู่วิหารแห่งขงจื๊อมักเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของกลุ่มอำนาจหลักต่างๆที่เข้าสู่การปลีกวิเวกเพื่อรอคอยโอกาสในการฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์โบราณ
เมื่อละทิ้งทางโลกมาเนิ่นนาน พวกเขาจึงไม่รู้วีรกรรมต่างๆนานาที่จางเซวียนก่อขึ้นในทวีปแห่งปรมาจารย์ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เมื่อใช้เหตุผลนี้ ก็ไม่น่าแปลกที่คนเหล่านั้นจะไม่เคยได้ยินหรือรู้จักเขา
เมื่อเผชิญหน้ากับเหล่าปรมาจารย์ที่มีทีท่าหวาดระแวง จางเซวียนนำตราสัญลักษณ์ปรมาจารย์มาติดบนเสื้อคลุม ก่อนจะประสานมือและยิ้มให้ “ผมก็เป็นปรมาจารย์คนหนึ่งเหมือนกัน”
เมื่อเห็นตราสัญลักษณ์ปรมาจารย์ ทั้งกลุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็คือพันธมิตรคนหนึ่งของเรา แล้วทำไมถึงมาที่นี่ตามลำพังล่ะ?” ปรมาจารย์คนที่ได้ชัยชนะตั้งคำถาม
“ผมดื่มด่ำกับวรยุทธมากเกินไปและหลงลืมกาลเวลา กว่าจะรู้ตัว ทั้งกลุ่มที่ผมมาด้วยก็จากไปแล้ว” จางเซวียนตอบ
“เข้าใจแล้วล่ะ…มิติแห่งนี้มีศาสตร์ลับอันทรงพลังอยู่มากมาย พอเข้าใจได้ที่คุณหลงลืมกาลเวลาขณะพยายามฝึกฝนมัน แต่ผมก็ต้องขอบอกว่าช่างเป็นปาฏิหาริย์ที่วรยุทธของคุณไม่ถูกธาตุไฟเข้าแทรกเสียก่อนขณะที่พยายามฝึกฝนเทคนิคเหล่านี้ตามลำพัง” ปรมาจารย์ที่ได้ชัยชนะตั้งข้อสังเกต
หลังจากพูดคุยกันอีกครู่หนึ่ง จางเซวียนก็ได้รู้ว่าชื่อของอีกฝ่ายคือมู่ชู่ มาจาก 5 ธาตุแห่งตระกูลมู่
มู่ชู่คนนี้ปลีกวิเวกอยู่กว่า 300 ปี และออกจากการปลีกวิเวกมาเพราะการเปิดออกของวิหารแห่งขงจื๊อ ดังนั้นจึงไม่รู้ข่าวคราวและความเป็นไปต่างๆของโลก
ด้วยเหตุนี้ เมื่อจางเซวียนแนะนำตัวไปโดยใช้ชื่อจริง ก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากนักจากอีกฝ่าย
“ผมต้องขออภัยด้วยที่แอบดูก่อนหน้านี้ แต่ผมสังเกตเห็นว่าพวกคุณฝึกฝนกระบวนท่าต่างๆเพื่อยื่นข้อเสนอให้โขดหิน จากนั้นร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นบนโขดหินนั้น ไม่ทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”
หลังจากพูดคุยกันสักพักหนึ่งจนเริ่มคุ้นเคยกันแล้ว จางเซวียนก็เปิดเผยข้อสงสัยที่เกาะกุมหัวใจของเขาอยู่
“โขดหินในพงไพรโขดหินนี้คือของล้ำค่าที่เป็นมรดกตกทอดอันน่าทึ่ง มีศาสตร์ลับไร้เทียมทานอยู่มากมายบนโขดหินเหล่านั้น ผมเชื่อว่าตอนนี้คุณก็คงสังเกตเห็นแล้ว” มู่ชู่อธิบาย “ศาสตร์ลับเหล่านี้จะกระจายตัวกันไปตามโขดหินต่างๆในรูปแบบของการสุ่ม หากใครสักคนพยายามจะทำความเข้าใจศาสตร์ลับ ผู้นั้นจะต้องจัดเรียงลำดับและความทรงจำของเหล่าบรรพบุรุษที่ถูกปิดกั้นไว้ภายในโขดหินให้ได้ ทันทีที่เขาสร้างรูปแบบที่มีความสัมพันธ์กันกับเทคนิคการหายใจ ก็จะสามารถออกจากมิติแห่งนี้และเข้าสู่หอบริวารที่เชื่อมโยงกัน”
“เข้าสู่หอบริวารที่เชื่อมโยงกัน?” จางเซวียนถึงกับประหลาดใจเมื่อได้ยินคำพูดของมู่ชู่
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินปรมาจารย์ที่ถูกกักขังไว้ในมิติทั้ง 6 พูดอะไรแบบนี้
“ใช่ มีใครบางคนผ่านมิตินี้ไปได้สำเร็จแล้ว พวกเราน่ะถือว่าล้าหลัง จนป่านนี้ก็ยังทำไม่สำเร็จ” มู่ชู่พูดพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ
“คุณหมายความว่า…มีใครบางคนเข้าสู่หอบริวารแล้วหรือ? แล้วคุณรู้ชื่อของหอบริวารที่เชื่อมโยงกับมิติแห่งนี้หรือเปล่า?” จางเซวียนตั้งคำถาม
“ดูเหมือนมันจะมีชื่อว่าหอสงครามศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เก็บรายละเอียดของสงครามที่ปรมาจารย์ขงกับ 72 นักปราชญ์สู้รบกับเผ่าพันธุ์ปีศาจ อันที่จริง พงไพรโขดหินคือสถานที่เก็บงำศาสตร์ลับต่างๆที่คนเหล่านั้นทิ้งไว้ ผู้ที่เข้าสู่หอบริวารจะได้รับการถ่ายทอดมรดกตกทอดที่แท้จริงของพวกเขา ดังนั้น…พวกเราจึงทุ่มสุดตัวที่จะค้นหารูปแบบของโขดหินเหล่านี้ออกมาให้ได้ ในเมื่อคุณก็อยู่ที่นี่แล้ว ทำไมไม่มารวมกลุ่มกับเราล่ะ? ถ้าเราค้นหาการจัดลำดับของกระบวนท่าต่างๆจากโขดหินเหล่านี้ได้ ก็จะได้เข้าสู่หอบริวารเหมือนกับคนอื่นๆ” มู่ชู่พูด
คำพูดเหล่านั้นทำให้จางเซวียนพอเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ดูเหมือนกรรมวิธีในการเข้าสู่หอบริวารของมิติพงไพรโขดหินจะแตกต่างจากมิติอื่นๆมาก
ในมิติอื่นๆ หอบริวารจะอยู่บริเวณทางออก ทันทีที่จัดการเปิดรอยแยกของมิติและออกไปได้ ก็จะเข้าสู่อาณาบริเวณรอบนอกของหอบริวารที่เชื่อมโยงกันได้ทันที แต่สำหรับมิติพงไพรโขดหินนั้น นักรบจำเป็นจะต้องจัดลำดับของศาสตร์ลับที่ซุกซ่อนอยู่ระหว่างโขดหินเหล่านี้ให้ได้เสียก่อน
“ที่นี่มีโขดหินอยู่มากมาย คุณรู้ได้อย่างไรว่าควรจะสำรวจตรงไหน?” จางเซวียนตั้งคำถามต่อ
มีโขดหินอยู่อย่างน้อยก็เป็นหมื่นก้อนในพื้นที่บริเวณนี้ ไม่เหนื่อยตายเสียก่อนหรือกว่าจะจัดลำดับของกระบวนท่าต่างๆในโขดหินพวกนี้ได้?
“โขดหินเหล่านี้แบ่งออกเป็นหลายอาณาบริเวณ ศาสตร์ลับแต่ละศาสตร์จะอยู่ในแต่ละพื้นที่ โดยในแต่ละพื้นที่จะมีโขดหินกลุ่มหนึ่งที่มีผิวหน้าเรียบลื่น ราวกับมีใครสักคนนอนอยู่ในวงกลม โขดหินพวกนี้จะบรรจุเอาร่างของเหล่าบรรพบุรุษไว้ ทั้งหมดมีเป็นหมื่นก้อน แต่ราว 1,000 ก้อนเท่านั้นที่มีร่องรอยของศาสตร์ลับ สิ่งที่เราต้องทำก็คือตรวจสอบว่าการจัดลำดับของโขดหิน 1,000 ก้อนนี้มีรูปแบบอย่างไร” มู่ชู่อธิบาย
จางเซวียนพยักหน้ารับ
ระหว่างทางที่มาที่นี่ เขาสังเกตเห็นเช่นกันว่าไม่ใช่โขดหินทุกก้อนในมิติแห่งนี้ที่จะมีศาสตร์ลับซุกซ่อนอยู่ แต่เขามัวสนใจกับการค้นหาทางออกและไม่ได้ใส่ใจพวกมันมากนัก
ด้วยเหตุนี้ พื้นที่ที่เขาทำการตรวจสอบจึงมีอาณาบริเวณเล็กลง ภารกิจของเขาก็ลดปริมาณลงมาก
“ตอนนี้ไม่มีเวลาจะเสียแล้ว เริ่มศึกษาโขดหินกันเถอะ”
หลังจากหารือกันอีกครู่หนึ่ง มู่ชู่ก็เร่งทุกคนให้เริ่มทำงาน เขาชักดาบออกมาและสลักลงบนพื้นดิน ดูเหมือนกำลังพยายามทำความเข้าใจกระบวนท่าที่ได้เห็นจากโขดหิน
เห็นทั้งกลุ่มลงมือทำงานทันทีหลังจากเสร็จสิ้นการหารือ จางเซวียนกระโจนขึ้นไปบนโขดหินก้อนที่สูงที่สุดในบริเวณนั้นและสำรวจพื้นที่โดยรอบ
เป็นอย่างที่มู่ชู่บอกไว้ จางเซวียนพบหินที่มีผิวหน้าเรียบลื่นซึ่งกระจายตัวกันอย่างเป็นระเบียบอยู่รอบบริเวณนั้น เขากระโจนจากโขดหินก้อนหนึ่งไปยังอีกก้อนหนึ่งอย่างรวดเร็ว และพบว่ามีอยู่ราว 1,000 ก้อนที่บรรจุร่างของบรรพบุรุษเอาไว้
ข้อบกพร่อง*!*
แค่ใช้ความคิด โขดหินเหล่านั้นก็ถูกประมวลขึ้นเป็นหนังสือเล่มหนึ่งในหอสมุดเทียบฟ้า จางเซวียนชำเลืองมองการจัดลำดับหลายร้อยรูปแบบที่เหล่าปรมาจารย์คิดค้นขึ้นและจารึกไว้บนพื้นดิน
ฟึ่บ!
เขาประมวลข้อมูลเหล่านั้นเข้าด้วยกัน จากนั้นก็เปิดหนังสือดู
“ยังมีข้อบกพร่องตั้ง 47 ข้อ…”
จางเซวียนรีบศึกษาข้อบกพร่องทั้ง 47 ข้ออย่างรวดเร็วก่อนจะจัดลำดับของกระบวนท่าเสียใหม่เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องเหล่านั้น เมื่อตรวจสอบอีกครั้ง ข้อบกพร่องก็ลดลงเหลือ 45 ข้อ เขาต้องดำเนินกระบวนการเดิมซ้ำอีกกว่า 12 ครั้ง จนในที่สุดก็ปราศจากข้อบกพร่องอย่างสิ้นเชิง
“ผมคิดว่าการจัดลำดับแบบนี้เป็นแบบที่ถูกต้อง” จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหันกลับไปมองปรมาจารย์ทั้งกลุ่ม
ตอนนี้ มู่ชู่กับคนอื่นๆดูเหมือนจะสันนิษฐานการจัดลำดับที่ ‘ถูกต้อง’ ไว้อีกคนละรูปแบบ แล้วการโต้เถียงเผ็ดร้อนก็เกิดขึ้นในหมู่พวกเขาอีกครั้ง
“เลิกพูดจาเหลวไหลเลอะเทอะแล้วดวลกันดีกว่า ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเราก็คือผู้ที่จัดลำดับได้ถูกต้องที่สุด!” มู่ชู่พูดพร้อมกับโบกมือ
“ได้สิ”
ทุกคนพยักหน้ารับ
พวกเขากำลังจะเริ่มการดวล ก็พอดีกับที่จางเซวียนซึ่งเฝ้ามองสถานการณ์มาตลอดบินเข้าขวางแล้วพูดว่า “นี่…ผมพบการจัดลำดับที่ดูสมเหตุสมผลแล้วนะ ขอผมเข้าร่วมการดวลด้วยได้ไหม?”
“คุณไม่เห็นหรือไงว่าพวกเรากำลังหารือกันอย่างเคร่งเครียด? หยุดสร้างปัญหาและออกไปเสีย คุณเพิ่งมาถึงเมื่อครู่นี้เอง จะค้นพบอะไรได้? พวกเราอยู่ที่นี่มากว่า 18 ชั่วโมงแล้ว แต่ก็ยังไม่พบการจัดลำดับที่ถูกต้องเลย!” มู่ชู่ขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด
“เจ้าหนุ่ม รู้จักถ่อมเนื้อถ่อมตัวเสียบ้าง อย่าประเมินตัวเองสูงส่งเกินไปนัก ในเมื่อคุณเพิ่งมาถึง ก็ใช้เวลาเฝ้าดูและเรียนรู้ดีกว่าจะมัวโอ้อวดตัวเอง”
“พวกเราดวลกันเพื่อตัดสินว่าการจัดลำดับของใครถูกต้องที่สุด คุณควรหลบไปอยู่ข้างๆและพักผ่อนเสีย เราจะคุยกันเมื่อคุณเข้าใจแล้วว่าโขดหินเหล่านี้หมายถึงอะไร!”
“คุณก็รู้นี่ว่าโขดหินแต่ละก้อนแสดงถึงกระบวนท่าที่แตกต่างกัน ใช่ไหม? คุณแยกแยะมันออกมาได้กี่กระบวนท่าแล้วล่ะ? ถ้ายังทำแบบนั้นไม่ได้ การพยายามจัดลำดับมันก็ไม่มีประโยชน์หรอก”
…..
ปรมาจารย์คนอื่นๆโบกมือไล่จางเซวียนอย่างไม่แยแส
พวกเขาศึกษาโขดหินเหล่านี้มาเนิ่นนานแล้ว แต่ก็ยังไม่พบการจัดลำดับที่ถูกต้อง แล้วเจ้าหนุ่มที่เพิ่งมาถึงจะรู้ได้อย่างไร?
ความคิดที่ว่าอีกฝ่ายจะสามารถเรียนรู้การจัดลำดับที่ถูกต้องได้ภายในระยะเวลาอันสั้นเท่านี้ถือเป็นข้อสรุปที่เหลวไหลสิ้นดี!
“ผม…”
นึกไม่ถึงว่าจะถูกขับไล่ จางเซวียนส่ายหัวและถอนหายใจเฮือก
พูดก็พูดเถอะ ใช่ว่าเขาจะไม่เข้าใจปฏิกิริยาของคนอื่นๆ เพราะเขาเพิ่งมาถึงที่นี่ได้เพียง 5-6 นาทีเท่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่ปรมาจารย์ธรรมดาสามัญคนหนึ่งจะจดจำรูปแบบของโขดหินกว่าพันก้อนในพื้นที่นี้ได้ทั้งหมด นับประสาอะไรกับการจัดลำดับที่ถูกต้อง ไม่มีทางที่ใครสักคนจะเชื่อมโยงมันเข้ากับเทคนิคการต่อสู้ได้เลย!
“เลิกสนใจเขาเถอะ หารือกันต่อดีกว่า…”
เพราะไม่อยากเสียเวลากับคนที่ชอบเรียกร้องความสนใจ มู่ชู่รวบรวมฝูงชนอีกครั้งและเปิดการดวลโดยใช้การจัดลำดับที่พวกเขาสันนิษฐานไว้ แต่ยังไม่ทันจะเสร็จสิ้นการดวล ก็พลันรู้สึกว่ามีกระแสพลังงานระเบิดอยู่ไม่ห่างออกไปนัก
ยังไม่ทันที่พวกเขาจะรู้เนื้อรู้ตัว ชายหนุ่มได้ทำให้โขดหินที่มีผิวเรียบลื่นถูกเปิดใช้งาน ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นบนโขดหินนั้น