บทที่ 657 ลูกหลานล้วนมีวาสนาของตนเอง

Mars เจ้าสงครามครองโลก

Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 657 ลูกหลานล้วนมีวาสนาของตนเอง
หลี่เย็นหรานมองหลี่เฟิงด้วยสายตาเย้ยหยันและกล่าวว่า “ในสายตาของคุณพ่อแล้ว ผลประโยชน์สำคัญมากใช่ไหม? คุณพ่อแค่ต้องการให้หนูไปยั่วยวนคนเหล่านั้น? ไม่เคยคิดว่าหนูต้องการอะไร? และไม่เคยคิดถึงความสุขของหนู?”

หลี่เฟิงกล่าวด้วยความหงุดหงิด “ลูกกำลังพูดเหลวไหลอะไร ถ้าไม่มีเงินแล้วลูกจะสามารถใช้ชีวิตแบบลูกคุณหนูได้เหรอ? ความสุขมันมีประโยชน์เหรอ? ถ้ามีเงินแล้ว ยังจะกลัวว่าไม่มีความสุขอีกเหรอ? เอาล่ะ ลูกไปพักผ่อนเถอะ หลังจากไปต่างประเทศแล้ว สร้างเส้นสายให้มาก ๆ”

หลังจากพูดจบ หลี่เฟิงก็ไม่มองลูกสาวอีก หันหลังแล้วเดินจากไป

หลี่เย็นหรานนั่งกอดเข่าและร้องไห้อย่างสติแตก

อีกฝั่งหนึ่ง หลี่กั๋วหรงมองหลี่หลาน และถามด้วยความอ่อนแรงว่า “ซีเอ๋อร์และเซิ่งเทียนหย่ากันแล้วใช่ไหม?”

หลี่หลานกล่าวความผิดหวังที่ไม่ได้ดังที่คาดหวัง “หย่าเรียบร้อยแล้ว หนูสนับสนุนให้ซีเอ๋อร์หย่า !ไอ้สัตว์เดรัจฉานเย่เซิ่งเทียน เขาไม่มีแม้กระทั่งความยับยั้งชั่งใจ หนูผิดหวังในตัวเขาจริง ๆ หนูถือว่าเขาเป็นลูกชาย แล้วเขาล่ะ? เขาตอบแทนหนูแบบนี้เหรอ!”

หลี่กั๋วหรงรู้ว่าหวางซีไม่สามารถให้อภัยเย่เซิ่งเทียนในระยะเวลาอันสั้นได้ ดังนั้นเขาจึงกล่าวว่า “ทำไมลูกยังเป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่ เด็กสองคนนั้นมีความรักต่อกัน อีกอย่างมันเป็นความเข้าใจผิด พ่อเชื่อว่าเย่เซิ่งเทียนไม่ใช่คนแบบนั้น”

หลี่หลานกล่าวเยาะเย้ย “พูดแบบนั้นแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว เป็นเพราะเขาไม่มีความยับยั้งชั่งใจ? คุณพ่อ อย่าโทษว่าหนูพูดจาไม่น่าฟัง ถ้าตอนนั้นคุณพ่อไม่หลงเจี่ยงหมิ่น ตระกูลหลี่ก็จะไม่กลายเป็นแบบนี้ คุณพ่ออย่าเข้ามายุ่งเรื่องนี้เลย เย่เซิ่งเทียนยังเป็นเด็กเหรอ? เพื่อเขาแล้วซีเอ๋อร์สูญเสียไปเท่าไหร่แล้ว? และเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่รู้เรื่องพวกนี้?”
หลี่กั๋วหรงถอนหายใจ เขาไม่สามารถพูดหักล้างได้ ตอนนี้เขารู้สึกผิดและโทษตัวเอง
ความโกลาหลวุ่นวายในตระกูลหลี่ตอนนี้ เขาก็มีส่วนผิดเช่นกัน
หลี่หลานรู้สึกว่าคำพูดของตนเองแรงเล็กน้อย ดังนั้นเธอจึงมีสีหน้าอ่อน และกล่าวว่า “คุณพ่อ ลูกหลานล้วนมีวาสนาของตนเอง คุณพ่ออย่ากังวลมาก นี่เวลาผ่านไปแค่เพียงไม่นาน แต่คุณพ่อแก่ขึ้นมาก คุณพ่อพักผ่อนดูแลสุขภาพเถอะ ผลของซุปยาต่ออายุไม่เลว ก่อนหน้านั้นซีเอ๋อร์ได้สั่งผลิตชุดใหญ่แล้ว ทดลองใช้แล้วมีผลไม่เลว และเตรียมพร้อมที่จะเข้าสู่ตลาดแล้ว แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ไม่มีโอกาสแล้ว ด้วยนิสัยที่อ่อนแอของพี่ใหญ่และคนอื่น ๆ หนูคิดว่าพวกเขาคงจะยกให้ตระกูลซ่งเพื่อขออภัยจากพวกเขา”

หลี่กั๋วหรงกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าโศก “ตอนนี้พ่อเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ และไม่มีใครฟังคำพูดของพ่อแล้ว พวกคุณจัดการเองเถอะ พ่อรักซือซือ พ่อหวังว่าพวกคุณจะทำเรื่องอะไรก็คิดถึงซือซือให้มาก เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่ซือซือจะเดินออกมาจากเงามืดนั้นได้ อย่าทำร้ายเธออีก”

หลี่หลานถอนหายใจและกล่าวว่า “คุณพ่อ วางใจเถอะ มันจะไม่ส่งผลกระทบต่อซือซือ”

เมื่อเห็นว่าหลี่หลานไม่เต็มใจที่จะพูดถึงเย่เซิ่งเทียนอีก หลี่กั๋วหรงถอนหายใจ การตายของเพื่อนเก่าอย่างพ่อบ้านโจง ทำให้เขาได้รับความสะเทือนใจไม่น้อย ช่วงนี้เกิดเรื่องกับตระกูลหลี่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้เขาเหนื่อยล้าทั้งใจและกาย

เขารู้ว่าหลี่กั๋วเหว่ยจากบ้านสอง หลี่กั๋วเฉียงจากบ้านสาม และหลี่เซิ่งจากญาติสายย่อย พวกเขาสามคนต้องใช้โอกาสนี้โจมตีอย่างแน่นอน

เรื่องของตระกูลหลี่ไม่จบง่าย ๆ

ช่างมันเถอะ ลูกหลานล้วนมีวาสนาของตนเอง แล้วแต่พวกเขาเถอะ

เมื่อหลี่หลานกลับถึงบ้าน ซือซือขยี้ตาแล้ววิ่งออกมา เธอถามด้วยความไม่พอใจว่า “คุณยาย คุณพ่ออยู่ที่ไหน? วันนี้หนูไม่เห็นคุณพ่อทั้งวันเลย”

เวรกรรมจริง ๆ

เรื่องที่ผู้ใหญ่ทำ คนที่ได้รับผลกระทบที่สุดคือเด็ก

หลี่หลานถอนหายใจ กอดซือซือด้วยความปวดใจและกล่าวว่า “พ่อของหนูไปทำงานต่างเมือง อีกสักพักก็จะกลับมาแล้ว พรุ่งนี้พวกเรากลับบ้านดีไหม?”

ซือซือกะพริบตาแล้วถามว่า แล้วคุณทวดจะกลับไปกับพวกเราไหม? คุณทวดมีนิทานจะเล่าให้หนูฟังมากมาย หนูชอบฟังนิทานที่คุณทวดเล่ามากที่สุดเลย”

หลี่หลานครุ่นคิด พาคุณท่านไปด้วยก็เป็นเรื่องดี เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะเห็นคนในตระกูลพวกนั้น แล้วทำให้คุณท่านจะโมโหอีก เธอจึงกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นพวกเรากลับไปพร้อมกับคุณทวด แล้วให้คุณทวดเล่านิทานให้หนูฟังทุกวันดีไหม?”

“ดีค่ะ ดีค่ะ”

ซือซือกะพริบตาและกล่าวว่า “คุณยาย หนูจะเล่าเรื่องที่น่าเศร้าให้คุณยายฟัง สมุดการบ้านปิดภาคเรียนฤดูร้อนของหนูมันเหงามาก มันก็เลยวิ่งออกไปเล่นข้างนอกแล้ว”

หลี่หลาน “……”

ทันทีที่เธอได้ยินการบ้านปิดภาคเรียนฤดูร้อน หลี่หลานก็เริ่มปวดหัวอีกครั้ง

ไม่ทำการบ้าน ครอบครัวปรองดอง แต่เมื่อทำการบ้าน ก็จะเกิดความโกลาหลวุ่นวาย

หลี่หลานกล่าวด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ “ไม่เป็นไร ยายจะให้คนไปซื้อที่เหมือนกันมาอีกหนึ่งเล่ม”

ซือซือตกตะลึง เกาศีรษะด้วยสีหน้าขมขื่นและทำท่าเหมือนจะร้องไห้ “คุณยาย หนูยังเป็นเด็ก วัยของหนูไม่ควรรับความกดดันมากขนาดนั้น เด็ก ๆ ต้องเล่นถึงจะสามารถพัฒนาทางสติปัญญาได้”

หลี่หลานกล่าวด้วยความหงุดหงิด “อีกสักครู่หนูบอกแม่ของหนูเองน่ะ”

ซือซือร้องไห้ออกมา “คุณยายเป็นคนไม่ดี คุณยายเป็นคุณยายตัวปลอม หนูจะไปหาคุณยายตัวจริง”