ตอนที่ 622 รับปากศิษย์น้อง

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 622

รับปากศิษย์น้อง

“พี่หลิงหนาน ไม่ต้องไปสนใจพวกนั้นหรอกนะ”เซี่ยจินเย่เดินตามหนี่หลิงหนานเข้าไปในที่พักของเหล่าศิษย์สำนักเหยี่ยวทะเลทราย ส่วนฟงเป่านั้นเดินเข้าไปรับข้าวของเครื่องใช้จากศิษย์สำนักเกราะทองแทนเพราะเห็นว่าศิษย์คนอื่นๆมีท่าทีไม่อยากเข้าไปใกล้ชายทั้ง 8 คนที่นำของมาให้

“เจ้าน่ะ เป็นศิษย์สำนักเหยี่ยวทะเลทรายเหมือนกันสินะ”ชายคนหนึ่งใน 8 คนพูดขณะยื่นของไปให้ฟงเป่า แต่ฟงเป่าไม่ทราบจะตอบอย่างไรดีพวกมันก็เห็นอยู่ว่าตนสวมเครื่องแบบของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายแล้วจะมาถามอะไรอีก

“ยัยนั่นใช้อะไรเข้าแลกเพื่อให้ได้เข้าสำนักล่ะ คราวก่อนถึงกับบอกว่าจะยกสมบัติของบ้านตัวเองให้หากให้ช่วยเข้าสำนักได้”ชายคนเดิมพูดพลางหัวเราะออกมาน้อยๆ ในอาณาจักรที่ไม่รับผู้หญิงเป็นศิษย์นั้นการที่หนี่หลิงหนานพยายามอย่างหนักเพื่อจะเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณเป็นเรื่องลำบากมาก สำนักเกราะทองเป็นสำนักเดียวที่ตั้งอยู่ในเมืองแห่งนี้ แม้บ้านของหนี่หลิงหนานจะไม่ร่ำรวยนัก แต่นางก็โชคดีที่มีพลังวิญญาณมหาศาลติดตัวมาตั้งแต่เด็ก ทำให้ครอบครัวของนางดีใจมาก แถมยังพยายามส่งนางเข้าเป็นศิษย์ของสำนักฝึกฝนวิญญาณอีกด้วย แต่ก็อย่างที่ได้ยิน ต่อให้หนี่หลิงหนานก้มหัวขอร้องหรือยอมมอบสมบัติประจำตระกูลให้ก็ไม่ได้รับโอกาสอะไรเลย

“นางใช้ความสามารถเข้าแลก”ฟงเป่าตอบด้วยท่าทีแข็งกระด้าง พูดเช่นนั้นออกมาหากไม่ใช่เพราะมีเป้าหมายล้อเลียนหนี่หลิงหนานแล้วจะอะไรอีก สำนักของหลินเฟยนั้นไม่ได้กีดกันเพศ และไม่ได้รับอะไรแลกเปลี่ยนเพื่อให้ได้เข้าสำนักเสียหน่อย

“หึอย่าพูดให้ขำเลย ผู้หญิงมันจะไปแข็งแกร่งได้ยังไง ต่อให้พลังวิญญาณเยอะแค่ไหนก็ยังอ่อนแออยู่ดี”ชายคนเดิมพูดพลางหันไปหัวเราะกับพวกของตน เพราะแต่เดิมร่างกายของผู้หญิงนั้นอ่อนแอกว่าผู้ชาย ต่อให้มีพลังวิญญาณเข้าช่วยก็ไม่ทำให้ความต่างนั้นลดลง แต่นั่นไม่ได้รวมกับสิ่งที่หลินเฟยสอน การใช้งานพลังวิญญาณนั้นเปลี่ยนแปลงได้ตามทักษะวิชา กระบี่เกลียวสมุทรของหนี่หลิงหนานนั้นเป็นวิชาใช้พลังวิญญาณและพลังธาตุเป็นหลัก ไม่ว่าหญิงหรือชายก็สามารถแข็งแกร่งได้เหมือนกัน ส่วนวิชากระจกภูตพรายของเซี่ยจินเย่นั้นเน้นการยืมแรงอีกฝ่ายเน้นความอ่อนหยุ่นเป็นหลัก ยิ่งใช้โดยผู้หญิงที่ร่างกายยืดหยุ่นกว่าผู้ชายยิ่งได้ผลดีเสียด้วยซ้ำ เรื่องผู้หญิงจะอ่อนแอกว่าผู้ชายฟงเป่าที่ฝึกกับพวกนางมาหลายเดือนไม่เคยคิดเช่นนั้นเลย

“ข้าเชื่อว่าพี่หลิงหนานแข็งแกร่งกว่าพวกเจ้าเสียอีก ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าคงได้ลงประลองกับนางแล้ว”ฟงเป่าตอบพลางหันหลังเดินเอาของไปมอบให้เหล่าศิษย์ในสำนัก ไม่ว่าพวกมันจะคิดอย่างไร แต่ความจริงก็คือยามนี้หนี่หลิงหนานเป็นตัวแทนของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายเข้าร่วมการประลอง แต่ชายทั้ง 8 ที่เคยดูถูกนางเอาไว้กลับเป็นแค่เด็กขนของ คำตอบนี้ของฟงเป่าทำเอาชายทั้ง 8 รู้สึกเจ็บใจไม่น้อยเลย

.

.

“เป็นการประลองใหญ่ไม่น้อยเลยนะขอรับ สำนักลำดับสูงๆมากันหลายสำนักเลย”หลังจากนำของไปแจกจ่ายทุกห้องจนเสร็จแล้ว ฟงเป่าก็เดินเข้ามาที่ห้องของหนี่หลิงหนานและเซี่ยจินเย่ที่อาศัยอยู่ร่วมกัน สำนักเกราะทองแม้จะเป็นสำนักลำดับที่ 27 แต่ก็ได้รับเงินทุนจากราชสำนักเช่นกัน แถมการประลองที่จัดขึ้นยังได้รับความนิยมอย่างมากทำให้เงินหมุนเวียนในสำนักดีทีเดียว เพราะแบบนั้นบ้านพักของศิษย์สำนักต่างๆที่มาเข้าร่วมการประลองเลยดูดีตามไปด้วย ยิ่งเป็นสำนักใหญ่ๆอย่าง 10 อันดับแรกนั้นยิ่งถูกต้อนรับอย่างดีเลยทีเดียว

“เมื่อครู่เจ้าได้ยินแล้วสินะ”แทนที่จะตอบรับคำพูดของฟงเป่า หนี่หลิงหนานที่นั่งเล่นอยู่บนเก้าอี้หน้าบ้านรับรองก็เอ่ยถามฟงเป่าขึ้นมาตามตรง เมื่อครู่ก่อนนางเดินจากมาพวกมันก็พูดเรื่องที่นางคุกเข่าขอร้องเพื่อเข้าสำนักเกราะทองไปแล้วเสียด้วย

“ขอรับ ข้าได้ยินแล้ว”ฟงเป่าตอบพลางนั่งลงตรงข้ามหนี่หลิงหนาน เรื่องที่นางโดนดูถูกขนาดไหนและยากลำบากขนาดไหนกว่าจะได้เข้าสำนักนั้นฟงเป่าได้ยินมาหมดแล้ว

“นั่นล่ะเรื่องที่ข้าบอกว่าเป็นความแค้นของข้า เจ้าคงหัวเราะข้าแน่ๆที่เล่าเสียใหญ่โตทั้งๆที่มันก็แค่โดนเจ้าพวกนั้นดูถูกเท่านั้นเอง”หนี่หลิงหนานยิ้มเจื่อนๆออกมาพลางหัวเราะเบาๆเหมือนจะทำให้บรรยากาศดีขึ้น

“ไม่หรอกขอรับ ข้าเองก็ไม่เคยโดนเหยียดหยามแถมยังกีดกันขนาดนั้นมาก่อน และข้าก็เชื่อว่าพี่หลิงหนานต้องโกรธแค้นเจ้าพวกนั้นมากแน่ๆ”ฟงเป่าว่าพลางนำแร่ชิ้นหนึ่งออกมาจากมิติของตนเอง มันคือแร่ที่ฟงเป่าเอาให้หลินเฟยดูก่อนหน้านี้นั่นเอง

“พี่หลิงหนาน ท่านบอกว่าอยากจะล้างแค้นสินะขอรับ”ฟงเป่าถามด้วยท่าทีจริงจังก่อนจะกำก้อนแร่ในมือแน่น

“ใช่ ข้าจะแข็งแกร่งขึ้นแล้วทำให้เจ้าพวกนั้นเป็นตัวตลกให้ดู”หนี่หลิงหนานพยักหน้าช้าๆด้วยท่าทีจริงจัง แม้เวลานี้จะเร็วไปหน่อย แต่หนี่หลิงหนานก็กลับมาแล้ว และพลังของนางตอนนี้ก็เหนือกว่าเจ้าพวกนั้นขึ้นไปอีก

“งั้นวันประลอง ท่านต้องชนะให้ได้นะขอรับ รับรองว่าเจ้าพวกนั้นต้องหน้าแตกแน่ๆหากพี่ชนะการประลองได้”ฟงเป่าว่าพลางยื่นแร่ที่ตนเองถืออยู่ให้หนี่หลิงหนานได้เห็น

“ข้าไม่ได้มีชื่อร่วมลงประลองเลยทำอะไรไม่ได้ แต่ข้าจะสร้างกระบี่ให้ท่านขอรับ รับรองว่ามันต้องดีกว่ากระบี่ที่ยืมมาจากสำนักแน่ๆ”ฟงเป่ายิ้มออกมาพลางมองหนี่หลิงหนานด้วยท่าทีจริงจัง ตอนแรกมันกะจะเก็บเรื่องกระบี่เป็นความลับก่อนจะให้หนี่หลิงหนานก่อนเริ่มประลอง แต่เพราะโมโหกับเจ้าพวกนั้นฟงเป่าเลยอยากจะร่วมมือกับหนี่หลิงหนานหักหน้าพวกนั้นให้หนักมันจึงตัดสินใจบอกเรื่องนี้กับหนี่หลิงหนานเพื่อประกาศตัวเข้าช่วยอย่างเต็มตัว

“ข้าเองก็จะพยายามอีกคนนะ”อยู่ๆที่ด้านข้างของฟงเป่าก็ปรากฏเสียงของเซี่ยจินเย่ขึ้นมาเสียอย่างนั้น นางนั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่แรกแล้วแต่ทั้งสองทำไมคุยกันเหมือนนางไม่ได้อยู่ตรงนี้กันไม่ทราบ

“ซะ เซี่ยจินเย่ก็ด้วย พยายามเข้านะ”ฟงเป่ายิ้มเจื่อนๆออกมาพลางหันไปให้กำลังใจเซี่ยจินเย่บ้าง ถึงนางจะไม่ได้เอ่ยขอก็เถอะ

“ศิษย์พี่แล้วพวกเราล่ะเจ้าคะ”หันไปให้กำลังใจเซี่ยจินเย่ไม่ทันไร เสียงของศิษย์หญิงร่วมสำนักอีก 5 คนก็ดังมาจากข้างหลังฟงเป่าเสียอย่างนั้น ทำเอาฟงเป่าได้แต่ยิ้มเจื่อนๆออกมา

“พวกเจ้าเองก็ต้องทำได้อยู่แล้วไม่ใช่หรือ”ฟงเป่าว่าพลางหัวเราะเบาๆออกมา พริบตานั้นเหล่าสาวๆทั้ง 5 คนก็ปล่อยพลังอสูรออกมาพลางหันไปยิ้มให้กันและกันด้วยท่าทีเหมือนรู้กัน ด้วยการหลอมรวมแก่นอสูรรวมถึงยาและวิชาฝึกฝนพลังที่หลินเฟยมอบให้ ทำให้สาวๆทั้ง 5 แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก ในด้านพลังวิญญาณและพลังอสูรพวกนางแทบจะเทียบเท่ากับพวกฟงเป่าเลยทีเดียว จะต่างกันก็ตรงที่วิชาและไหวพริบของแต่ละคนเท่านั้น

“น่าอิจฉาศิษย์พี่หลิงหนานจริงๆ พวกข้ามีคนใช้กระบี่ตั้ง 3 คน แต่ศิษย์พี่ฟงเป่าทำกระบี่ให้แค่ท่านคนเดียว แบบนี้มันลำเอียงไม่ใช่หรือเจ้าคะ”ศิษย์หญิงคนหนึ่งพูดพลางหัวเราะออกมาน้อยๆ

“ถึงข้าจะไม่ใช้กระบี่แต่ข้าก็ใช้อาวุธเหมือนกันนะเจ้าคะ ข้าเองก็อยากได้ทวนเล่มใหม่บ้างจัง”ศิษย์หญิงอีกคนว่าพลางทำสีหน้าน้อยใจออกมาทำเอาฟงเป่าทำตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าจริงๆแล้วพวกนางเพียงหยอกล้อตนเองเท่านั้น

“ขะ เข้าใจแล้ว ข้าจะสร้างอาวุธให้พวกเจ้าด้วย ถึงจะไม่เท่าของพี่หลิงหนานแต่ข้าจะสร้างอาวุธดีๆให้นะ”ฟงเป่าว่าพลางมองก้อนแร่ในมือ แร่ชิ้นนี้เป็นหัวใจหลักของอาวุธที่ฟงเป่าจะสร้างแต่มันดันหามาได้แค่ชิ้นเดียวนี่สิ หากทำอาวุธชิ้นอื่นโดยมีไม่มีแร่ชิ้นนี้คุณภาพก็คงตกไปด้วยไม่มากก็น้อย

“นั่นสิ พวกเราจะไปเท่ากับศิษย์พี่หลิงหนานได้ยังไงกันละ”ศิษย์หญิงคนแรกตอบด้วยท่าทีน้อยใจแบบไม่เนียนก่อนจะหันไปหัวเราะกับสหายของตนด้วยท่าทีสนุกสนาน พวกนางแค่จะแซวฟงเป่าเท่านั้น แต่หากอีกฝ่ายจะสร้างอาวุธให้พวกนางก็ยินดีรับเช่นกัน

.

.

.

“นังนั่นน่าโมโหชะมัด”ขณะเดียวกับเหล่าชายทั้ง 8 ผู้เป็นคนรู้จักของหนี่หลิงหนานก็เดินกลับเข้าไปในส่วนของศิษย์สำนักเกราะทองด้วยท่าทีโมโหอย่างมาก นอกจากหนี่หลิงหนานจะเก่งขึ้นมากแล้วพวกตนยังทำอะไรไม่ได้อีกต่างหาก เพราะการประลองคราวนี้พวกตนไม่ได้ลงประลองด้วยแม้แต่คนเดียว

“พวกเจ้าโมโหอะไรกัน”ดูเหมือนเสียงของชายคนนั้นจะดังไปหน่อยทำให้ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่อยู่ในชุดของสำนักเกราะทองเช่นกันถามขึ้นมาจากด้านข้าง

“ศิษย์พี่ สวัสดีขอรับ”ยังไม่ทันตอบคำถามชายทั้ง 8 ก็รีบประสานมือให้ชายตรงหน้าเสียก่อน ระบบศิษย์ของสำนักเกราะทองนั้นก็ไม่ต่างจากสำนักอื่นๆเท่าไหร่ มีศิษย์นอก ศิษย์ใน ศิษย์ของอาวุโส รองเจ้าสำนัก และเจ้าสำนักเช่นเดียวกัน และชายที่ทั้ง 8 มาเจอเข้าพอดีผู้นี้ก็คือศิษย์เพียงคนเดียวของเจ้าสำนักนั่นเอง

“เจ้ายังไม่ตอบคำถามข้าเลย ตกลงใครทำให้พวกเจ้าโมโหกันแน่”ศิษย์ของเจ้าสำนักเกราะทองถามพลางจ้องมองศิษย์น้องของตนเองด้วยท่าทีไม่พอใจ ปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยๆเพราะมีสำนักหลายสำนักมารวมตัวกัน บางสำนักก็ไม่ให้เกียรติสำนักเกราะทองแม้จะเป็นเจ้าภาพก็ตาม ไม่แปลกที่จะมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งเพราะศิษย์สำนักอื่น

“ท่านจำผู้หญิงที่มาคุกเข่าหน้าสำนักเราเมื่อหลายเดือนก่อนได้หรือไม่ขอรับ”ชายคนที่เอ่ยปากล้อเลียนหนี่หลิงหนานต่อหน้าฟงเป่าพูดด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ เพราะไม่ทราบว่าศิษย์พี่ของตนจะทำเช่นไร

“ผู้หญิงตัวเปื้อนฝุ่นคนนั้นนะหรือ นางทำไมกัน”ศิษย์ของเจ้าสำนักเกราะทองพยักหน้าช้าๆ เพราะก่อนหน้านี้หนี่หลิงหนานมาก้มหัวขอร้องเพื่อจะเข้าสำนักเกือบทุกวัน ทำเอาศิษย์หลายๆคนเอือมระอากับนางมาก และทำให้ตัวศิษย์ของเจ้าสำนักจำนางได้ไม่ยากเลย

“นางได้เข้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายที่เปิดรับศิษย์หญิงเข้าสำนักเมื่อไม่กี่เดือนก่อนขอรับ พอนางอยู่สำนักสูงกว่าแถมยังได้ลงประลองก็พูดจาอวดดีใส่พวกเราขอรับ แถมยังดูถูกสำนักเราต่างๆนาๆอีกต่างหาก”ชายหนุ่มเล่าด้วยท่าทีเจ็บใจ แถมเพื่อนๆอีก 7 คนก็พากันช่วยสนับสนุนคำพูดของชายคนนั้นแถมยังเพิ่มเติมเรื่องราวสรรหาคำด่าที่บอกว่าหนี่หลิงหนานพูดออกมาอีกต่างหาก

“พวกข้าเข้าไม่ได้เข้าประลองด้วยก็เลยสั่งสอนนางไม่ได้ขอรับ ข้าถึงได้โมโหมากที่โดนดูถูกสำนักแต่ทำอะไรไม่ได้”ยิ่งเล่าก็ยิ่งเหมือนแสดงละคร ชายหนุ่มทำอย่างกับตนเองเป็นผู้ถูกหนี่หลิงหนานว่ากล่าวไม่มีผิด แถมยังลากเอาชื่อสำนักมาเกี่ยวโยงกันอีกต่างหาก

“หึ….สำนักเหยี่ยวทะเลทรายแล้วไง ข้าจะสั่งสอนให้หลาบจำเอง”ศิษย์ของเจ้าสำนักกำหมัดแน่นด้วยความโมโห แต่เดิมมันก็รำคาญหนี่หลิงหนานที่มาเกะกะทางเข้าสำนักอยู่แล้ว ยิ่งพอรู้ว่านางดูถูกสำนักของตนเช่นนี้ก็ยิ่งเดือดดาล หากได้เจอนางในการประลองรับรองว่ามันจะเล่นงานนางให้หลาบจำเลยทีเดียว