บทที่ 124 โดย Ink Stone_Romance
บทที่ 124 กลับมาอีกครั้ง (8)
เมื่อมาถึงสถานที่จัดงาน มันก็เป็นเหมือนที่ฉู่ซ่งบอก ปาร์ตี้นี้ต่างจากงานอื่นเล็กน้อย ผู้ที่มาร่วมงานยังคงแต่งตัวอย่างระมัดระวังแต่ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร เหมือนกับงานสังคมกลางคืนธรรมดาๆ ของมหาวิทยาลัย บางคนแต่งตัวตามสบายมาก บางคนกลับแต่งตัวอย่างมีสีสัน
แน่นอนว่ามีบางคนมองมาที่พวกเขา หญิงสาวสวมรองเท้าส้นสูงคนหนึ่งเดินมาทางพวกเขาด้วยท่าทีสบายๆ เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายคือ ฉู่ซ่ง บนใบหน้าเผยรอยยิ้มที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
“สวัสดี เนซี่ ไม่ทราบว่าชื่อของเธอคือ” บนตัวของหญิงสาวมีกลิ่นน้ำหอมฉุนแสบจมูก อี้เป่ยซีหลบไปด้านข้าง หญิงสาวที่ชื่อเนซี่แยกทั้งสองคนออกจากกันทันที อี้เป่ยซีเนื่องจากเสียสมดุลย์จึงโซเซสองสามก้าว จากนั้นแขนที่ทรงพลังและคุ้นเคยรับเธอไว้
“หาน?” หญิงสาวที่อยู่ด้านหลังลั่วจื่อหานเผยสีหน้าสงสัย มองดูไหล่ของลั่วจื่อหาน น้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย
ลั่วจื่อหานปล่อยอี้เป่ยซี ยิ้มขอโทษแล้วเดินไปหาหญิงสาว มองแขนเสื้อตัวเอง ขมวดคิ้ว “รู้แล้ว อย่าโกรธสิ”
หญิงสาวชำเลืองมองอี้เป่ยซี รู้สึกคุ้นตาอยู่บ้าง “สวัสดีจ้ะ” เธอเผยรอยยิ้มสดใส “ขอต้อนรับเธอเข้าสู่ปาร์ตี้ของฉัน ไม่สิ ปาร์ตี้ที่หานช่วยฉันต่างหาก” พูดพลางก็ดึงแขนของลั่วจื่อหาน อิงแอบแนบชิด รอยยิ้มแห่งความสุขเหลือคณาปรากฏบนใบหน้า
อี้เป่ยซีสังเกตเห็นความสัมพันธ์ที่สนิทชิดเชื้อระหว่างทั้งสองคน สังเกตเห็นลั่วจื่อหานที่แสดงอาการรังเกียจเมื่อสัมผัสตัวเธอ สังเกตคำพูดของหญิงสาวคนนั้น สังเกตเห็นรอยยิ้มที่มีความสุขของเธอ เธอกระตุกยิ้มมุมปาก “เมื่อกี้ขอโทษด้วย”
“ไม่เป็นไร หาน คุณอยากไปเปลี่ยนเสื้อหรือเปล่า?”
“ได้” ลั่วจื่อหานหยิกแก้มของเธอ เดินจากไปโดยไม่มองอี้เป่ยซีเลย อี้เป่ยซียิ้มให้กับหญิงสาวตรงหน้า หันกลับมาก็มองไม่เห็นเงาของฉู่ซ่งแล้ว
“อืม เธอใช่อี้เป่ยซีหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่ ฉันชื่อฉู่เซี่ย พี่สาวของฉู่ซ่ง”
เธอครุ่นคิด พยักหน้า “ยังไงก็ต้อนรับเธอนะ คือว่า หานไม่ชอบให้คนอื่นแตะต้องตัวเขา เธออย่าถือสาเลยนะ”
“ไม่หรอก ฉันขอไปหาน้องชายฉันก่อน แล้วเจอกัน”
“ได้ แล้วเจอกัน” หญิงสาวยิ้มให้เธอ หลังจากเธอหันหลับไปแล้วกลับเผยสีหน้าชั่วร้าย หลิงจื่อเซี่ยเดินออกมาจากด้านข้างช้าๆ
“ฉันบอกเธอแล้ว แต่ว่าเธอน่ะ ยังไงก็ไม่ฟัง”
“หึ หลิงจื่อเซี่ย เธออย่านึกว่าฉันจะถูกยั่วโมโหง่ายๆ แบบนั้น ห่วงตัวเองก่อนเถอะ ถ้าฉันรู้ว่าเธอกล้าแตะต้องของของฉันล่ะก็ อย่าหาว่าฉันไร้เมตตาล่ะ” พูดจบก็จากไปทันที แสดงอาการเหมือนอยากไปให้พ้น
หลิงจื่อเซี่ยกระทืบเท้าด้วยความโมโห ‘ทำไมกัน ทำไมจะหานักแสดง ลั่วจื่อหานก็ยังไม่เลือกเธอ เขาไม่ชอบเธอขนาดนั้นเลยเหรอ’
“แหม คุณหนูจื่อเซี่ย” ลู่เซิงเดินเข้าไปหาหลิงจื่อเซี่ยด้วยบุคลิกสง่างาม “มาถึงขั้นนี้แล้ว เธอยังลังเลอีกเหรอ?”
“ฉันไม่ทำเรื่องต่ำๆ พวกนี้หรอก”
ลู่เซิงหัวเราะเยาะเย้ย “งั้นฉันจะตั้งตารอทางเลือกอันสูงส่งของคุณ ตั้งตารอมากเลย” พูดจบก็จาก
หลิงจื่อเซี่ยไปยังสวนด้านหลัง แต่ถูกคนขวางไว้กะทันหัน
“เยี่ยจิ่ง ฉันรู้ว่าคุณจะมา”
“ไม่วางใจก็เลยตามผมมาเหรอ?” ลู่เยี่ยจิ่งจูบคอของเธอ ลู่เซิงอดไม่ไหวหัวเราะออกมา
“ฉันไม่ใช่อี้เป่ยซีสักหน่อย ถึงไม่เชื่อใจในตัวเองแบบนี้ ฉันก็แค่อยากช่วยคุณบ้าง”
สองแขนของลู่เยี่ยจิ่งรัดแน่น ทำเอาลู่เซิงหายใจไม่ออก
“เยี่ยจิ่ง คุณ คุณปล่อยนะ ปล่อยนะ”
ลู่เยี่ยจิ่งหัวเราะแผ่วเบาข้างหูของเธอ มือยังคงไม่ผ่อนแรง “ก่อนหน้านี้ผมพูดอะไร คุณอย่าลืมซะล่ะ เซิง”
“ฉันรู้ แต่ว่า คุณแสดงอาการโลเลมาตลอด ฉันก็แค่อยากช่วยคุณ”
ลู่เยี่ยจิ่งปล่อยเธอทันที ลู่เซิงหายใจหอบไม่หยุด มองเขาอย่างไม่พอใจ เขาหมุนตัวหันหน้าไปยังห้องที่สว่างไสว
“พูดมา คุณไปทำอะไรไว้ คุณก็รู้ต่อให้คุณไม่พูด ผมก็จะสืบเจอได้ทันที”
ลู่เซิงไม่มั่นใจมาก เล่าแผนการของตัวเองด้วยท่าทางหยิ่งยโสเล็กน้อย คนตรงหน้าสีหน้ามืดมนฉับพลัน
“คุณกลับไปซะ เรื่องน่าขายหน้าแบบนี้ คุณก็จะทำเหรอ?”
“คุณจะไปไหน”
“จะไปหยุดมันเดี๋ยวนี้” ลู่เซิงมองแผ่นหลังของเขาที่จากไปอย่างเร่งรีบ พบว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
อี้เป่ยซีอารมณ์เสียมาก อารมณ์เสียเหมือนกับไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เธอเดินหารอบหนึ่งก็ไม่เจอฉู่ซ่ง นั่งลงบนโซฟา เห็นเหล้าผลไม้สีสันสดใส กลืนน้ำลาย
‘มีคนบอกว่าเหล้าบรรเทาความทุกข์ได้ ตัวเองทุกข์ใจแบบนี้ ก็ควรจะดื่มเหล้า ดื่มไม่เยอะ แค่แก้วเดียว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร’ คิดพลางก็ยื่นมือไปหยิบของเหลวสีฟ้าใส ดื่มรวดเดียวหมด
‘อื้ม อร่อยจริงๆ’ เธอเลียปาก ขณะที่กำลังจะหยิบแก้วต่อไป ก็เหลือบเห็นเงาที่หน้าประตู เธอชักมือกลับทันที ก้าวเดินเบาๆ ต้องการจะจากไป ออกไปจากสายตาของผู้ชายคนนั้นเงียบๆ ขณะที่กำลังโล่งอกอยู่นั้น เสียงของคนนั้นก็ดังมาจากด้านหลัง
“คิดจะไปไหน”
ราวกับฟ้าผ่า อี้เป่ยซีรู้สึกว่าสมองงุนงงเล็กน้อย เธอมองลู่เยี่ยจิ่ง เบะปากอย่างไม่พอใจมาก “วันนี้ฉันอารมณ์ไม่ดี วันหลังค่อยคุยกัน” กลับหลังหันเดินไปข้างหน้า โซเซเล็กน้อย เธอเกาะราวด้วยความทรมาน ‘ดื่มไปแค่แก้วเดียว ทำไมถึงรู้สึกเวียนหัวนะ’
ลู่เยี่ยจิ่งเข้าไปใกล้เธอด้วยสีหน้าตึงเครียด อี้เป่ยซีก็ไม่รู้ว่าไปเอาแรงมาจากไหน ผลักเขาออกไปแล้ววิ่งขึ้นชั้นบนอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจอะไร เห็นประตูที่เปิดแย้มไว้ครึ่งหนึ่งก็พุ่งเข้าไปข้างในแล้วล็อคประตูทันที
‘เมื่อกี้ดื่มเหล้าอะไรไปกันแน่นะ เวียนหัวจังเลย เวียนหัวจังเลย’ อี้เป่ยซีเดินประคองผนังไปที่เตียง ล้มตัวลงนอนอย่างทรมาน
ลู่เยี่ยจิ่งคงไม่ได้ใส่อะไรลงไปในเหล้าหรอกนะ น่ารังเกียจ ไร้ยางอาย ต่ำช้า
เสียงน้ำในห้องน้ำหยุดแล้ว ลั่วจื่อหานออกมาจากห้องน้ำก็เห็นขาเรียวยาวอยู่บนเตียง มันพันเกี่ยวด้วยกันอย่างทรมาน
“ออกไปให้พ้น” น้ำเสียงเย็นยะเยือก ทำเอาอี้เป่ยซีตกใจจนกระโดดขึ้นมาจากเตียง เธอเห็นลั่วจื่อหานที่อยู่ตรงหน้า ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่า แม้ผ้าขนหนูสีขาวจะพันรอบส่วนที่สำคัญ แต่ว่ามันหละหลวมเป็นอย่างมาก ราวกับว่าเพียงออกแรงเล็กน้อยก็สามารถหลุดร่วงได้
เธออดไม่ได้กลืนน้ำลาย ‘แม่เจ้า ทำไมหุ่นของลั่วจื่อหานถึงได้ดีเพียงนี้ นี่ไม่ใช่การก่ออาชญากรรมหรอกหรือ’
เธอกุมขมับลุกขึ้นมาจากเตียง จากไป เมื่ออยู่หน้าประตูก็ส่ายหัวรุนแรง “ไม่ได้ ไม่ได้ ลู่เยี่ยจิ่ง ลู่เยี่ยจิ่งอยู่ข้างนอก ฉันออกไปไม่ได้”
ลั่วจื่อหานขมวดคิ้ว ใช้โทรศัพท์พื้นฐานโทรออกไป ไม่ช้า เสียงทะเลาะกันเลือนลางดังออกมาจากข้างนอก ลั่วจื่อหานที่นั่งอยู่บนโซฟาเอ่ยปากอีกครั้ง ยิ่งไร้ความเกรงใจกว่าคราวที่แล้ว “ตอนนี้ก็ออกไปได้แล้ว”
“อ่อ งั้นก็ขอบคุณนายนะ” อี้เป่ยซีก้มหน้า ไม่อยากจากไปทั้งแบบนี้ ขณะที่นึกข้ออ้างออกแล้วเงยหน้าก็เห็นลั่วจื่อนั่งอยู่บนโซฟา ศีรษะเต็มไปด้วยเหงื่อ ราวกับว่ากำลังอดกลั้นต่ออะไรบางอย่าง
“นายเป็นอะไรไป?” เธอเดินไปข้างหน้าสองสามก้าว
กลิ่นหอมของเด็กสาวที่อยู่ปลายจมูกชัดเจนยิ่งขึ้น ลั่วจื่อหานนึกสภาพของตัวเองออก เขาไล่เธอออกไปอย่างรุนแรงอีกครั้ง
อี้เป่ยซียิ่งเป็นห่วง เดินไปหาเขาอย่างร้อนรนโดยไม่สนใจอาการเวียนหัวของตัวเอง ไม่ทันระวังสะดุดขาโต๊ะล้มลงไปบนตัวของลั่วจื่อหานโดยตรง เธอเบิกตากว้าง เข้าใจถึงสาเหตุที่ลั่วจื่อหานเป็นแบบนี้แล้ว
————