ตอนที่ 710 เจอกันในที่ที่เคยใช้ชีวิตมา (2)

อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!

ตอนที่ 710 เจอกันในที่ที่เคยใช้ชีวิตมา (2) โดย Ink Stone_Romance

เพิ่งลุกจากพื้นก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์กระหึ่มที่กำลังวิ่งมาในเขตสวนสุสานที่เธออยู่

เธอสะดุ้งและแทบจะหันกลับไปมองในทันที

เขตสวนนี้เป็นสวนที่เย่เซียวใช้เงินจำนวนมากซื้อมาเพื่อลูกน้องยี่สิบห้าคนนั่นโดยเฉพาะ ตอนนี้มีรถมาย่อมมาเพื่อกราบไหว้พวกเขา

ไป๋ซู่เย่หลงคิดว่าเป็นครอบครัวของหนึ่งในนั้นด้วยสัญชาตญาณ—เธอไม่มีหน้าจะเจอครอบครัวของพวกเขา ดังนั้นเลยเบี่ยงตัวหลบไปที่ด้านหลังของป้ายสุสานหนึ่ง

แต่พอโผล่หัวออกมาดูอย่างระมัดระวังนั้นเจ้าตัวกลับอึ้งค้างอยู่กับที่

คนที่มาไม่ใช่คนในครอบครัวของใครสักคน…

กลับเป็น…

เย่เซียว

ด้านหลังมีรถตามมาทั้งหมดแปดคัน

รถทุกคันมีผู้ชายตัวสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำทางการสี่คนลงมาโดยมีเย่เซียวเดินนำหน้าสุด หยูอันกับหลี่สือเดินขนาบข้างตามหลังเขา คนที่เหลือก็เดินตามหลังพวกเขาอีกที แต่ละคนล้วนมีสีหน้าเรียบขรึม

เธอเองก็ไม่เคยคิดว่าจะบังเอิญขนาดนี้ที่ว่าวันนี้เธอจะมาตรงกับวันกราบไหว้ของพวกเขาในทุกๆ ปี

ไป๋ซู่เย่พิงป้ายสุสานแถมยังเผลอกลั้นหายใจ เธอไม่อยากให้เย่เซียวรู้ว่าตนอยู่ที่นี่ การปรากฏตัวของเธอในเวลานี้ไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายเย่เซียวหรือลูกน้องทั้งหมดที่อยู่ด้านหลังเขาเป็นครั้งที่สอง แต่ในสายตาพวกเขาแล้วการกระทำของเธอในวันนี้คงเป็นเพียงการเสแสร้ง

……………………

เย่เซียวเดินมาก็เห็นดอกเดซี่สีขาวเหล่านั้นมาแต่ไกล เขาที่คอยระวังตัวและไหวพริบดีอยู่เสมอนั้นมุ่นคิ้วกวาดตามองรอบข้างที

หยูอันกล่าว “เมื่อกี้มีคนเคยมา!”

หลี่สือหยิบช่อดอกเดซี่ตรงหน้าขึ้นช่อหนึ่งตรวจดู“น่าจะเพิ่งมาไม่นาน ดอกยังสดอยู่เลย”

 “ใครจะมาวางดอกเดซี่หน้าป้ายสุสานทุกป้ายแบบนี้?” หยูอันเงียบไปอึดใจอย่างคิดไม่ตก

 “อาจจะเป็นคนในครอบครัวใครสักคนมาหรือเปล่า” หลี่สือวางดอกไม้กลับที่เดิมอย่างระมัดระวังอีกครั้ง

สายตาเย่เซียวจรดที่ดอกเดซี่เหล่านั้นโดยไม่พูดอะไรตั้งแต่ต้น กวาดสายตามองรอบสุสานแห่งนี้เงียบๆ อีกที เขารู้ว่ามีคนคนหนึ่งที่ชอบดอกเดซี่สีขาวมาก เพียงแต่จะเป็นเธอได้หรือ?

ที่นี่เป็นเมืองเยียวของประเทศ T ไม่ใช่ประเทศ S

……………………

นับสิบคนที่มาอย่างยิ่งใหญ่หลังโค้งคำนับกราบไหว้กันเสร็จก็จากไปอย่างยิ่งใหญ่ ไป๋ซู่เย่ได้ยินเสียงรถยนต์ค่อยๆ หายไปถึงถอนหายใจยาว แผ่นหลังยืนแนบชิดกับป้ายสุสานสูง แหงนหน้ามองพระอาทิตย์ที่เริ่มตกดินเพียงรู้สึกอ้างว้างจับใจ

ไม่ได้ทานอะไรก็กลับโรงแรม อาบน้ำสวมชุดคลุมอาบน้ำก่อนจะหยิบยานอนหลับจากกระเป๋ามา

แสงไฟข้างนอกเริ่มสว่าง เธอเทไวน์แดงให้ตัวเองหนึ่งแก้วนั่งลงบนพื้นพรมหน้าหน้าต่างติดพื้น เหม่อมองไปนอกหน้าต่าง

นี่เป็นห้องสวีทที่ความจริงเธอคุ้นเคยเสียยิ่งกว่าคุ้นเคย คงบังเอิญกระมัง!เมื่อก่อนเธอกับเย่เซียวจะมาพักห้องนี้เสมอเพราะที่นี่เหมาะกับการชมพลุดอกไม้ที่จะถูกจุดเหนือทะเลสัปดาห์ละครั้ง ขอแค่เย่เซียวอยู่เมืองเยียวก็จะพาเธอมาที่นี่ทุกสัปดาห์

เพียงแต่…

เกรงว่าต่อจากนี้คนที่เข้าพักห้องนี้คงเป็นเขากับน่าหลันแล้ว…

คิดถึงนี่หัวใจก็เริ่มเจ็บแปลบ เธอจิบไวน์อึกหนึ่ง แอลกอฮอล์ดีกรีสูงกลับให้ความอบอุ่นแก่หัวใจเธอไม่ได้…

ทันใดนั้นเองกริ่งหน้าประตูก็ถูกกดเสียงดัง

เธอคิดว่าเป็นไป๋หลางที่มาส่งอาหารเย็นให้ตนเลยวางแก้วไวน์กระชับชุดคลุมอาบน้ำบนตัวเดินเท้าเปล่าบนพื้นพรมไปเปิดประตูโดยไม่ได้คิดมาก

คนนอกประตูทำให้หัวเธอขาวโพลนชั่วขณะ

มือค้างอยู่ตรงด้ามจับประตูและไม่มีท่าทีต่อไป

ไม่ใช่ไป๋หลาง…

กลับเป็น เย่เซียว

เขา…มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?

 “ไม่คิดจะเชิญผมเข้าไปเหรอ?” คนที่พูดก่อนเป็นเขา เทียบกับความรู้สึกพลุ่งพล่านในใจเธอแล้วใบหน้าเขาคงความเรียบนิ่งไร้คลื่นอารมณ์เช่นเคย ราวกับว่าเขาไม่ตกใจสักนิดกับการปรากฏตัวของเธอที่นี่

นั่นสิ…บัตรเชิญนั่นมาถึงมือเธอได้ เขาย่อมต้องเดาได้ว่าเธออาจจะมา

หยุดความคิดไว้ เธอพยายามทำให้ตัวเองดูปกติหน่อย หลบข้างยิ้มให้เขาน้อยๆ “เชิญเข้ามา”

เย่เซียวก้าวขายาวเข้าห้องอย่างไม่เกรงใจ

เขาเดินตรงมาที่ริมหน้าต่างโดยยืนล้วงกระเป๋าสองข้าง สายตามองนอกหน้าต่างนิ่งทิ้งไว้ให้เธอเห็นเพียงแผ่นหลังเยือกเย็น

ไป๋ซู่เย่มองแผ่นหลังสูงตระหง่านนั่นนิ่ง แสงไฟหลากสีนอกหน้าต่างผสมผสานกับแสงไฟในห้อง สะท้อนรอบตัวเขาให้เป็นแสงสลัว ทำให้เจ้าตัวดูโดดเดี่ยวเล็กน้อย

คนที่ใกล้จะหมั้น จะโดดเดี่ยวได้อย่างไร?

ไป๋ซู่เย่คิดว่าตัวเองต้องตาฝาดไปแน่ๆ

จู่ๆ เย่เซียวกลับพูด “ไม่ว่าใช่ไหมถ้าผมจะสูบบุหรี่?”

 “…ไม่หรอก คุณสูบเถอะ” เดิมทีอยากจะบอกว่าสภาพร่างกายเขาทางที่ดีไม่ควรสูบ แต่พอออกจากปากกลับเปลี่ยนไป

เย่เซียวจุดบุหรี่คาบในปากแล้วสูบเข้าปอดแรงๆ สายตาของเขามองที่ทะเล ชั่ววูบหนึ่งที่ไป๋ซู่เย่คิดว่าเขาเองก็นึกถึงครั้งที่พวกเขาสองคนเคยมาดูพลุดอกไม้ที่นี่ ใช้เวลาร่วมกันคืนแล้วคืนเล่า…

ไป๋ซู่เย่เทไวน์อีกแก้วแล้วยืนริมหน้าต่างข้างเขา

 “คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่นี่?”

 “วันนี้ คนที่ไปสุสานคือคุณ?” ไม่ได้ตอบแต่กลับถามย้อน ซึ่งเป็นประโยคคำถามที่เป็นประโยคบอกเล่าเช่นกัน

 “…” ไป๋ซู่เย่ไม่ตอบ เย่เซียวเป็นคนฉลาด หลายเรื่องที่ปิดเขาไม่ได้ เขาหันหน้ามาจรดสายตาที่เธอ ไป๋ซู่เย่ก็หันข้างโดยอัตโนมัติ

สายตาของทั้งคู่สอดประสานกันทั้งอย่างนี้

ชั่วขณะที่หัวใจเธอบีบรัด ปวดหนึบ

หนึ่งเดือนสั้นๆ ที่ไม่ได้เจอ กลับรู้สึกเหมือนผ่านไปครึ่งศตวรรษ…

เห็นเพียงเย่เซียวดับบุหรี่ช้าๆ จากนั้นกล่าวเสียงเบา“ต่อจากนี้อย่าปรากฏตัวที่นั่นอีก”

 “…” เธอเงียบไปอึดใจ พยักหน้า“ไม่ไปแล้ว”

แววตาล้ำลึกของเขาจ้องเธอไม่ห่าง แต่ถัดจากนั้นจู่ๆ ยกแขนแตะนิ้วบนหน้าผากเธอ ทั้งที่ปลายนิ้วเขาเย็นเฉียบไร้ความอบอุ่นแต่วินาทีที่สัมผัสผิวเธอ เหมือนมีความอุ่นร้อนวาบผ่าน

ไป๋ซู่เย่เผลอหายใจติดขัดหัวใจเริ่มเต้นรัวเร็วอย่างควบคุมไม่อยู่ เธอคว้าข้อแขนเขาไว้เบาๆ แล้วมองเขาด้วยลมหายใจที่ผิดจังหวะ

เย่เซียวคล้ายเพิ่งรู้ตัวว่าตนทำอุกอาจไปแต่ไม่ได้ชักมือกลับ กลับหมุนข้อมือทีก็หลุดจากการกอบกุมเธอได้ ปลายนิ้วยาวปัดเศษผมที่ปรกตรงหน้าเธอออก แวบเดียวก็เห็นแผลสดใหม่ตรงหน้าผากของเธอ

 “เกิดอะไรขึ้น?” เขาถาม

คำสั้นๆ คล้ายก้านใบหลิวปัดทีเดียวก็ทำให้หัวใจที่ไม่สงบของเธอวุ่นกว่าเดิม

เธอกำแก้วไวน์แน่นขึ้น “เดินไม่ทันระวังแล้วโขกใส่”

สายตาทั้งคู่ของเย่เซียวราวมองทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง แค่นหัวเราะทีก่อนวางมือลง “ยี่สิบห้าชีวิต ก็ได้มาแค่คุณที่โขกหัวกราบไหว้”

……………………………