ตอนที่ 1099 ข้าชอบเจ้า แล้วก็ทุกคนด้วย โดย Ink Stone_Fantasy
วันถัดมาหลังพิธีศพ ข่าวๆ หนึ่งที่ส่งมาจากเมืองเนเวอร์วินเทอร์ได้ทำเอาทั้งทีมก่อสร้างพากันแตกตื่นขึ้นมา
ฝ่าบาททรงเตรียมงานพบญาติให้กับพวกเขา คนงานทุกคนที่ทำงานมาเป็นเวลาสามเดือนจะได้รับวันหยุดพิเศษหนึ่งวัน และในวันนั้นก็จะได้ใช้เวลาอันมีค่ากับญาติตัวเองที่เดินทางมาจากเมืองเนเวอร์วินเทอร์ ณ สถานีปลายทางป่าเร้นลับ
คำสั่งที่มีเมตตาเช่นนี้ ทำเอาเหล่าคนงานรู้สึกซาบซึ้งอย่างมาก ในตอนที่ทุกคนทราบข่าว เสียงตะโกนทรงพระเจริญก็ดังกึงก้องไปทั่วทุกที่ แม้แต่เรี่ยวแรงในการทำงานก็มีเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
เขี้ยวงูเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
ความจริงในตอนที่หัวหน้ามาหาเขา เขามองดูรายชื่อผู้ติดต่อที่อยู่ในมือด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
ตรงท้ายช่องที่เป็นชื่อของเขา ชื่อของเปเปอร์ทำเอาหัวสมองเขากลายเป็นสีขาวโพลนจนหมด
“เฮ้ย สรุปเจ้าเห็นด้วยกับชื่อนี้ไหม?” เขี้ยวงูยังจำภาพหัวหน้าที่มาพูดเร่งเขาอย่างหงุดหงิดได้อย่างชัดเจน หรือพูดอีกอย่างก็คือทุกรายละเอียดตั้งแต่ที่ได้เห็นใบรายชื่อไปจนถึงตอนเซ็นชื่อล้วนแต่ถูกเขาถูกจำเอาไว้อย่างละเอียด ทุกครั้งที่นึกถึงมัน เขามักจะยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว “บอกไว้ก่อนนะ ถ้าเจ้าไม่เห็นด้วย เจ้าก็เขียนชื่อใหม่ลงไปได้ ทางสำนักบริหารเขาก็จะไปสอบถามอีกที แต่ถ้าถูกปฏิเสธมา วันหยุดของเจ้าก็จะถูกยกเลิกนะ”
เพื่อจะหลักเลี่ยงเรื่องยุ่งยาก หัวหน้าคนงานก็ย่อมต้องอยากให้ทุกอย่างจัดการเรียบร้อยภายในครั้งเดียว แต่เขี้ยวงูรู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองในเวลานี้
ทำไมเขาต้องไม่เห็นด้วยด้วยล่ะ ตอนนี้เขาแทบอยากจะกอดเจ้าหน้าที่ที่ทำรายชื่อนี้ขึ้นมาแล้วหอมแก้มแรงๆ ซักฟอดหนึ่ง
“ข้าเห็นด้วย เห็นด้วย 100% เลย!”
“อะไรเนี่ย ในเมื่อเห็นด้วยก็รีบๆ พูดออกมาสิ มัวยืนบื้ออยู่ทำไม” หัวหน้ากรอกตาใส่เขา กระทั่งเขี้ยวงูเซ็นชื่อเสร็จเรียบร้อย เขาจึงเดินไปหาคนต่อไป
ส่วนเขี้ยวงูนั้นยังยืนงงอยู่กับที่ สายตาเหม่อมองดูมือที่กำปากกา
กระทั่งถึงตอนนี้ เขาก็ยังมีความคิดที่ว่า ‘ถ้านี่เป็นความฝัน ก็ขอให้เขาอย่าได้ตื่นขึ้นมาเลย’
นี่ไม่เหมือนกับเวลาที่เขาเจอเปเปอร์อยู่ในเมืองเนเวอร์วินเทอร์ ตอนนั้นเขาไม่กล้าที่จะเข้าไปทัก ด้วยเพราะกลัวว่าจะถูกเธอปฏิเสธกลับมา อีกฝ่ายเป็นสมาชิกของสโมสรแม่มด ยิ่งไปกว่านั้นทั้งการแต่งตัวและราศีก็ไม่ใช่เด็กสาวที่อ่อนแอในอดีตคนนั้นแล้ว ถ้าเปเปอร์ไม่อยากติดต่อกับโจรใต้ดินอีก การปรากฏตัวของเขามีแต่จะทำให้เธอลำบากใจเปล่าๆ
แต่การที่ชื่อของเปเปอร์ปรากฏอยู่บนรายชื่อนั้นแสดงให้เห็นว่าทางสำนักบริหารได้ไปสอบถามความเห็นของเธอมาแล้ว และเธอก็ตอบตกลงการเยี่ยมในครั้งนี้
สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดไม่เกิดขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังมีโอกาสที่จะได้อยู่กับอีกฝ่ายตามลำพังด้วย สำหรับเขี้ยวงูแล้ว ไม่มีเรื่องไหนที่จะทำให้เขาสุขใจได้มากกว่านี้แล้ว!
ในวันเวลาหลังจากนั้น เขาตั้งหน้าตั้งตารอคอยด้วยความร้อนใจและความตื่นเต้น
เนื่องจากคนที่มาเยี่ยมมีจำนวนเยอะมาก ส่วนความสามารถในการขนส่งของรถไฟนั้นมีจำกัด เมื่อเอาพวกสิ่งของที่ต้องขนออกไปแล้ว เที่ยวๆ หนึ่งก็ขนคนได้แค่ร้อยกว่าคนเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ถึงแม้จะเป็นกลุ่มแรกที่อยู่ในรายชื่อ ก็ต้องรออีกหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้นกว่าจะได้เจอหน้ากัน
“เจ้าหนู วันนี้ถึงตาเจ้าแล้วเหรอ?”
“แต่งตัวซะเรียบร้อยขนาดนี้ ไปเจอผู้หญิงใช่เปล่า?”
“อย่าเพลินจนลืมเวลาล่ะ!”
เขี้ยวงูวิ่งหน้าแดงออกมาจากประตูท่ามกลางเสียงแซวของเพื่อนคนงาน
กระทั่งขึ้นมาบนรถไฟ เขาถึงถอนหายใจยาวๆ ออก ไม่ว่ายังไง เขาก็จะได้เจอกับเปเปอร์ในอีกสองชั่วโมงหลังจากนี้
ภายในขบวนรถไฟมีเสียงประกาศเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องระวังในการเยี่ยม อย่างเช่นห้ามออกไปนอกเขตเฝ้าระวังของสถานีสุดท้ายของป่าเร้นลับ เวลาในการเยี่ยมจะหมดลงในเวลาสองทุ่ม ห้ามเลยเวลาที่กำหนด ทันทีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน ให้ปฏิบัติตามคำสั่งของกองทัพที่หนึ่งทันที แต่ว่าเขี้ยวงูเคยฟังข้อบังคับเหล่านี้จากคนงานคนอื่นมาหลายครั้งจนจำขึ้นใจแล้ว
หลังเสียงหวูดดังขึ้น ในที่สุดรถไฟก็ค่อยๆ เคลื่อนเขาสู่สถานีสุดท้ายของป่าเร้นลับ
“ลงจากรถ ตั้งแถว อย่าเบียดกัน!” คนที่วิ่งไปวิ่งมาบนสถานีตะโกนเสียงดัง “นี่ไม่ใช่การซื้อกับข้าว ไม่ต้องห่วง ได้กันทุกคน!”
ในกลุ่มคนมีเสียงหัวเราะดังขึ้นมาทันที
เขี้ยวงูรู้สึกหัวใจของตัวเองเต้นแรง
ยิ่งเขาพยายามควบคุม มันก็ยิ่งเต้นแรงกว่าเดิม
ภายในหัวเขาจินตนาการภาพตอนที่เขาเจอกับเปเปอร์เอาไว้นับไม่ถ้วน แถมเขายังเคยทำการซักซ้อมซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง แต่เมื่อเวลานี้มาถึงจริงๆ เขากลับรู้สึกปากคอแห้งผาก ทำอะไรเงอะๆ เงิ่นๆ เหมือนกับนกพิราบตัวหนึ่ง
แต่ในตอนที่สาวน้อยหน้าตาน่ารักปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา เขี้ยวงูพบว่าสิ่งที่เขาจินตนาการเอาไว้พลันหายไปจนะหมด เขาพูดอะไรไม่ออกนอกจากยิ้มแห้งๆ ออกไป
“ที่แท้เเจ้าอยู่ที่เขตเนเวอร์วินเทอร์เหรอเนี่ย ดีจังเลย!” เด็กสาวยิ้มพร้อมวิ่งเหยาะๆ เข้ามา ก่อนจะกุมมือของเขาเอาไว้ เธอไม่มีการลังเล แล้วก็ไม่มีทีท่ารังเกียจ ช่วงเวลาที่ห่างเหินกันไปสองปีละลายหายไปด้วยการยิ้มเพียงครั้งเดียว ทุกอย่างเหมือนกลายเป็นอดีต
วินาทีนั้นเอง เขี้ยวงูรู้สึกว่าการที่ตัวเองมาทำงานที่เมืองเนเวอร์วินเทอร์นั้นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องจริงๆ
….
“อย่างนั้น เจ้ากลับตัวไปทำงานอยู่ที่เขตลองซองได้ไม่นาน ก็เดินทางมาที่นี่เหรอ?”
ทั้งสองคนค่อยๆ เดินคุยกันอยู่ในป่า ที่ตรงนี้ไม่เหมือนกับตรงสถานีที่มีเสียงหนวกหู ที่นี่เงียบสงบกว่ามาก บรรยากาศมีความเป็นส่วนตัว เธอที่ไม่ได้เจอเขามานานเหมือนมีคำพูดมากมายที่อยากจะพูดออกมา เหมือนกับเธออยากจะเติมเต็มช่องว่างในช่วงนี้ที่ขาดหายไป ส่วนเขี้ยวงูนั้นก็ตอบทุกๆ คำถามที่เธอถามมา เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนที่เหมือนเป็นหัวหน้ากับลูกน้องแล้ว ตอนนี้ทั้งสองคนเหมือนกลายเป็นเพื่อนกันมากกว่า
“อื้อ พวกโจรใต้ดินถูกกำจัดจนหมด ตรงลานเมืองเองก็มีประกาศจ้างงานเยอะแยะมากมาย ถ้ายังใช้ชีวิตเหมือนเมื่อก่อนอีก ช้าเร็วคงต้องถูกจับเข้าคุกแน่” เขี้ยวงูพยักหน้า “ข้ากับไทเกอร์คลอว์ก็เลยตกลงมาจะมาทำงานที่เนเวอร์วินเทอร์ เพราะที่นี่ได้ค่าจ้างสูงกว่า แล้วก็…”
แล้วก็จะได้อยู่ใกล้ๆ เจ้าด้วย แต่ว่าคำพูดนี้เขาได้แค่คิดอยู่ในใจเท่านั้น
“มิน่าข้าถึงหาพวกเจ้าไม่เจอ ที่แท้พวกเจ้าไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว” เปเปอร์ทอดถอนใจออกมา
“เจ้ากลับไป…ที่ลองซองเหรอ?”
“วานคนอื่นไปน่ะ” เด็กหญิงค่อยๆ พูด “หลังรู้ว่าพวกโจรใต้ดินถูกขุดรากถอนโคน ข้าถึงรู้ว่าพวกเจ้าออกไปจากดินแดนตะวันตกแล้ว”
“อย่างนี้…นี่เอง”
“แต่ในเมื่อเจ้ามาที่เนเวอร์วินเทอร์แล้ว ทำไมถึงไม่มาหาข้าล่ะ?” เปเปอร์ถามกลับ
“เอ่อ เรื่องนี้…พูดไปแล้วเรื่องมันยาวน่ะ” เขี้ยวงูกระแอม “ตอนนี้ข้ากับไทเกอร์คลอว์ไม่มีอะไรเลย พวกข้าต้องทำงานกันทั้งวันทั้งคืนเพื่อที่จะได้มีที่ซุกหัวนอนเป็นหลักเป็นแหล่ง ก็เลยลืมไปน่ะ”
ข้ออ้างอันนี้แม้แต่เขายังรู้สึกว่าดูงี่เง่าเลย ลืมไปทีเดียวสองปี แล้วอย่างนี้มันจะต่างกับจำไม่ได้ตรงไหนล่ะ? เพียงแต่เขาไม่อาจพูดเรื่องขายหน้าอย่างเช่นว่าไม่กล้าที่จะเข้าไปทักหรือหลบหน้าเวลาเจออีกฝ่ายออกไปได้เด็ดขาด
โชคดีที่เปเปอร์ไม่ได้ซักไซ้อะไร “ข้าก็เหมือนกัน ตอนที่เพิ่งมาถึงเมืองเนเวอร์วินเทอร์ใหม่ๆ ก็ยุ่งทั้งวันจนหัวหมุน ต้องช่วยคนงานทำให้ซีเมนต์มันแข็งตัวเร็วขึ้น เป็นผู้ช่วยให้ท่านอกาธา แล้วก็ต้องไปช่วยสร้างของประหลาดๆ ที่โรงงาน” เธอกางนิ้วมือออกมานับ “ฝ่าบาทตรัสว่าความสามารถของข้าสามารถเร่งความเร็วในการเกิดปฏิกิริยาและเพิ่มระดับพลังงานพันธะได้ ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าพระองค์ทรงรู้ได้ยังไง เพราะจากที่เขียนเอาไว้ในหนังสือ อนุภาคพวกนั้นมันเล็กกว่าเมล็ดงาเสียอีก เจ้านึกภาพออกไหม? ถ้ามองอะตอมเป็นโรงละครลองซอง นิวเคลียสของมันก็จะเล็กกว่าวอลนัทเสียอีก…”
หลังฟังสิ่งที่ตัวเองไม่มีทางเข้าใจจนจบ เขี้ยวงูก็ได้แต่พยักหน้าออกมา มีอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่งที่เขาสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของอีกฝ่าย แล้วก็ความแตกต่างของพวกเขาสองคน แต่ที่มากกว่านั้นคือสายตาของเขานั้นหยุดอยู่ที่รอยยิ้มของอีกฝ่าย สายตาที่ส่องประกายคู่นั้น ขนตาที่งอนขึ้นเล็กน้อย แล้วก็จมูกที่เรียวเล็ก ริมฝีปากที่ขยับขึ้นลง…ทุกอย่างช่างน่าหลงใหลเสียจริง
เขารู้สึกได้ถึงความปรารถนาภายในใจ
“เออใช่” หลังพูดถึงเรื่องตัวเองจบ เปเปอร์ก็เปลี่ยนประเด็น “หลังรู้ว่าเจ้าอยู่ที่เมืองเนเวอร์วินเทอร์ ข้าก็วานให้อาจารย์บุ๊คช่วยหาข้อมูลให้หน่อย ข้าถึงได้รู้ว่าพวกซันฟลาวเวอร์ก็มาที่นี่ด้วยเหมือนกัน ดีจังเลย ต่อไปทุกคนก็จะได้มาเจอกันบ่อยๆ แล้ว…”
เขี้ยวงูไม่ได้ฟังคำพูดของอีกฝ่าย ภายในหัวของเขาเวลานี้ถูกความคิดหนึ่งครอบงำอยู่
ดังนั้นเขาจึงพูดมันออกไป
“ข้าชอบเจ้า เปเปอร์!”
หลังพูดออกไปแล้ว เขาถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
ความรู้สึกกังวลอย่างที่ยากจะบรรยายได้รัดร่างกายเขาเอาไว้ใน หัวใจเขาเหมือนจะกระเด็นหลุดออกมา
มีอยู่ชั่วแวบหนึ่งที่เขารู้สึกเสียใจที่ตัวเองทำอะไรวู่วาม
แต่เขากลับคาดไม่ถึงว่าเขาจะได้รับคำตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
เปเปอร์ยิ้มขึ้นมา “ข้าก็ชอบเจ้าเหมือนกัน แล้วก็ทุกคนด้วย”
……………………………………………………..