บทที่ 1288 ในที่สุดก็มาแล้ว โดย Ink Stone_Fantasy
เหมียวอี้พูดไม่ออก สองคนนี้ตั้งใจเบียดตำแหน่งคนอื่นเพื่อมาที่นี่ทำไม?
เซี่ยโห้วหลงเฉิงเขายังพอเข้าใจได้ เพราะอาจจะยังคิดถึงหวงฝู่จวินโหรวอยู่ มาที่จวนแม่ทัพภาคตงหัวก็จะได้อยู่ใกล้กับที่นี่แล้ว ไปมาก็สะดวกเหมือนกัน พอนึกขึ้นได้ว่าหมีควายนั่นจะมาตามจีบหวงฝู่จวินโหรว ในใจเหมียวอี้ก็มีความรู้สึกหลายอย่างปนกัน เขาเพิ่งจะตัดสัมพันธ์กับหวงฝู่ไป เหมือนว่าเขาจะไม่มีสิทธิ์ยุ่งแล้ว
ไม่ต้องคิดเรื่องนี้แล้ว คิดแล้ววุ่นวายใจ
แต่จ้านหรูอี้จะถ่อมาที่นี่ทำไม? คงไม่ได้ตั้งใจมาคิดบัญชีกับข้าจริงๆ หรอกใช่มั้ย? เหมียวอี้ยังคงจดจำคำพูดโหดร้ายที่จ้านหรูอี้เอ่ยออกมาในปีนั้น มีความเป็นไปได้สูงมาก
เรื่องที่นี่ยังไม่จบ ก็มีศัตรูเข้ามาประสมโรงอีกแล้ว เหมียวอี้ปวดหัวมาก
หารู้ไม่ว่าคนที่ปวดหัวจริงๆ คือปี้เยว่ฮูหยินที่ตัวอยู่ในแดนอเวจี ตอนนี้ราชินีสวรรค์ควบคุมระบบของตลาดสวรรค์ ถ้าเซี่ยโห้วหลงเฉิงจะมานางจะปฏิเสธได้เหรอ? ส่วนจ้านหรูอี้ก็เป็นหลานสาวของอ๋องสวรรค์อิ๋ง ไม่ว่ายังไงท่านโหวเทียนหยวนก็ต้องช่วยเตรียมการให้ฮูหยินของตัวเอง พอตระกูลอิ๋งมีคำสั่ง จางฮั่นฟางกับหลิ่วกุ้ยผิงก็เป็นฝ่ายหลีกทางให้เอง ปี้เยว่ฮูหยินจะอ้างเหตุผลอะไรไปหยุดยั้งได้
ก็ได้! คนหนึ่งก็มีอาหญิงเป็นราชินีสวรรค์ ส่วนอีกคนก็เป็นหลานนอกของอ๋องสวรรค์ ปี้เยว่ฮูหยินที่หลบอยู่ในถ้ำคิดไปคิดมาแล้วปวดหัว ตอนแรกไม่ง่ายเลยกว่าจะไล่โค่วเหวินหลานกับเซี่ยโห้วหลงเฉิงไปได้ ตอนนี้มีมาอีกแล้ว ก่อนหน้านี้ราชินีสวรรค์ยังไม่ควบคุมอำนาจของตลาดสวรรค์ และถึงแม้โค่วเหวินหลานจะมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่หนุนหลัง แต่กลับมายุ่งกับทางนี้ไม่ได้ ตอนนี้ราชินีสวรรค์ควบคุมตลาดสวรรค์แล้ว และท่านโหวเทียนหยวนก็เป็นลูกน้องใต้บังคับบัญชาอ๋องสวรรค์อิ๋งอีก เซี่ยโห้วหลงเฉิงกับจ้านหรูอี้มาที่นี่แล้วจะให้นางจัดการอย่างไร ทั้งยังมีหนิวโหย่วเต๋อที่ใจกล้าขยันก่อเรื่องอีก
แต่พอลองเปลี่ยนมุมมองความคิด นางก็รู้สึกว่าตัวเองอาจจะกังวลโดยใช่เหตุ จะรอดชีวิตกลับไปได้รึเปล่าก็ยังไม่รู้เลย จะปกป้องตำแหน่งแม่ทัพภาคตลาดสวรรค์ได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย รักษาได้แล้วก็ยังต้องหาทางเปลี่ยนไปเป็นแม่ทัพภาคในอาณาเขตของท่านโหวเทียนหยวนอีก หลุดพ้นจากตัวซวยทั้งสามนี้ให้ได้…
ในห้องพักบนโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ชายวัยกลางคนไร้หนวดที่หน้าตาธรรมดาคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ริมหน้าต่าง เอามือไขว้หลังมองผู้คนที่สัญจรไปมาบนถนน
พอประตูห้องเปิดออก สตรีวัยกลางคนสวยเพริศพริ้งที่สวมชุดลายอวดเรือนร่างที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งก็เดินเข้ามา หลังจากปิดประตูแล้ว สีหน้าที่ผ่อนคลายก็เปลี่ยนเป็นเคารพยำเกรงทันที หลังจากเดินมาทำความเคารพด้านหลังชายวัยกลางคน ก็ถ่ายทอดเสียงบอกว่า “นายท่าน ด้านนอกตำหนักคุ้มเมืองมีคนแอบจับตาดูอยู่ไม่น้อยจริงๆ ผู้น้อยเดินอ้อมตำหนักคุ้มเมืองรอบหนึ่ง ก็พบว่ามีสายตาจับจ้องมาที่ข้าน้อยเงียบๆ ทันที เกรงว่าถ้าใครเข้าใกล้ตำหนักคุ้มเมือง ก็จะกลายเป็นเป้าหมายให้คนสงสัยทั้งหมด ไม่มีทางส่งข้อความไปข้างในได้เลย ต่อให้ฝืนลงมือพังเข้าไป แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าเขาอยู่ในตำหนักคุ้มเมืองหรือไม่ ต้องใช้แผนสองค่ะ”
“ไกลหรือไม่ไกล?” ชายวัยกลางคนถามเสียงเรียบ
“ไม่ไกล เดินไปถนนเดียวก็ถึงแล้วค่ะ คนที่เข้าไปสำรวจเส้นทางก่อนหน้านี้ยืนยันแล้วว่าเถ้าแก่เนี้ยอยู่ข้างใน” สตรีวัยกลางคนตอบ
ชายวัยกลางคนยื่นมือไปปิดหน้าต่าง แล้วหันตัวเดินออกไป สตรีวัยกลางคนเดินตามหลังออกไปทันที
พอออกจากประตูมา สีหน้าเคารพยำเกรงของฮูหยินก็เปลี่ยนเป็นผ่อนคลายอีกครั้ง อิงแอบข้างกายชายวัยกลางคน แค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นสามีภรรยากัน
พอลงมาชั้นล่าง ตอนจะออกจากประตูโรงเตี๊ยม พนักงานในโรงเตี๊ยมก็ถามกลั้วหัวเราะว่า”คู่รักคู่นี้จะออกไปเดินเล่นหรือขอรับ?”
“ออกไปเดินเล่น!” สตรีวัยกลางคนหันกลับมาป้องปากหัวเราะ แล้วเดินออกจากประตูไปพร้อมกัน
ที่หัวถนนมีคนสัญจรไปมา มองไม่ออกเลยสักนิดว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนเพิ่งเกิดคดีนองเลือดตัดหัวคนแปดพันกว่าคน
พอเดินมาถึงถนนสายหนึ่ง สองสามีภรรยาก็หยุดอยู่หน้าร้านโฉมเมฆา แล้วเงยหน้ามองแผ่นป้ายบนไม้วงกบประตูพร้อมกัน สตรีวัยกลางคนดึงแขนเสื้อของชายวัยกลางคน พร้อมกล่าวออดอ้อดว่า “นายท่าน ได้ยินว่าเครื่องประดับที่นี่สวยมากเลย ข้าอยากได้ค่ะ”
พนักงานตรงประตูเข้ามาต้อนรับด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้าทันที “ฮูหยิน ท่านช่างตามีแววจริงๆ เครื่องประดับร้านโฉมเมฆาของพวกเราล้วนเป็นที่กล่าวขาน ฮูหยินไม่ซื้อก็ไม่เป็นไร แต่เข้ามาดูก่อนได้ขอรับ”
ชายวัยกลางคนพยักหน้าเบาๆ แล้วสองสามีภรรยาก็เดินเข้าไปข้างในด้วยกัน
ด้วยการนำทางของพนักงาน พอสตรีวัยกลางคนชุดลายดอกเดินมาตรงหน้าตู้สินค้าหลังหนึ่ง นางก็ตาลุกวาวทันที ชี้ไปที่ปิ่นปักผมอันหนึ่งพร้อมบอกว่า “นายท่าน อันนี้สวยจัง ข้าอยากได้ค่ะ!”
ชายวัยกลางคนพยักหน้า “ซื้อสิ”
พอเลี้ยวมาที่หน้าตู้สินค้าอีกหลังหนึ่ง สตรีวัยกลางคนก็กล่าวอย่างตื่นเต้นประหลาดใจอีกว่า “นายท่าน อันนี้ดูดี ข้าอยากได้ค่ะ!”
“ซื้อ!”
“นายท่าน ข้าอยากได้อันนี้!”
“ซื้อ!”
เมื่อมีลูกค้าที่ร่ำรวยมาเยือน ก็มีพนักงานร้านสองคนมาคอยอยู่เป็นเพื่อนทันที ประจบประแจงเยินยอไม่หยุด กล่าวชมประมาณว่านางตาถึง
หลังจากช้อนเครื่องประดับไปหลายสิบชิ้นในชั่วอึดใจเดียว สตรีวัยกลางคนก็เหลียวซ้ายแลขวา จากนั้นส่ายหน้าเบาๆ เหมือนจะไม่ค่อยพอใจอันที่เหลือแล้ว นางหันกลับมาถามว่า “พนักงาน ข้าได้ยินว่าในมือเถ้าแก่เนี้ยของพวกเจ้ามีเครื่องประดับดีๆ ที่ยังไม่นำออกมาวางขาย ทำไมไม่เชิญให้เถ้าแก่เนี้ยของพวกเจ้านำออกมาดูล่ะ หรือ่วากลัวพวกเราจะจ่ายไม่ไหว?”
“ท่านรอก่อนนะ!” พนักงานพยักหน้าโค้งเอว แล้ววิ่งไปที่ลานบ้านด้านหลังทันที
เมื่อได้ยินว่ามีลูกค้าผู้ร่ำรวยมาเยือน เถ้าแก่เนี้ยก็ย่อมนำเชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์โผล่หน้าออกมาอยู่แล้ว
พอเจอหน้ากัน สตรีวัยกลางคนก็กล่าวชมทันที “ช่างเป็นเถ้าแก่เนี้ยสวยจริงๆ”
ชายวัยกลางคนมองสำรวจเถ้าแก่เนี้ยศีรษะจดเท้าแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก
“ฮูหยินต่างหากค่ะที่สวย!” เถ้าแก่เนี้ยยิ้มอย่างเป็นกันเอง แล้วหันตัวมายื่นมือเชิญ “เชิญลูกค้าทั้งสองท่านมานั่งในห้องสวนตัวค่ะ”
หลังจากนำลูกค้าเข้ามานั่งในห้องที่สะอาดหรูหรา เชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ก็ยกน้ำชาหอมมาวาง
“ไม่ดื่มน้ำชาแล้ว” สตรีวัยกลางคนโบกมือ แล้วกล่าวเหมือนอดใจรอไม่ไหว “ในยินว่าในมือเถ้าแก่เนี้ยยังมีเครื่องประดับที่สวยกว่า รีบนำออกมาดูเร็ว”
พอเถ้าแก่เนี้ยพยักหน้าเบาๆ เชียนเอ๋อร์ก็นำกล่องขนาดใหญ่ใบหนึ่งออกมาทันที นำมาวางไว้บนโต๊ะ พอกล่องใบแรกเปิดออก เครื่องประดับศีรษะอันงดงามประณีตที่แขวนอยู่บนนั้นก็เผยออกมาชิ้นแล้วชิ้นเล่าทันที
ชายวัยกลางคนลุกขึ้นแล้วเอามือข้างหนึ่งไขว้หลังยืนดูอยู่ข้างโต๊ะ
“เป็นงานที่เก็บรายละเอียดได้ดีมาก สวยจริงๆ!” สตรีวัยกลางคนที่พลิกดูสองรายการพลันยกแขนเสื้อขึ้นมา พอเช็ดตรงหว่างคิ้วตัวเอง ก็เผยสัญลักษณ์พลังอิทธิฤทธิ์รูปวิหครุ้งตัวหนึ่งออกมาออกมาทันที
เถ้าแก่เนี้ยที่อยู่ตรงข้ามหยุดชะงักสายตาทันที เชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ข้างหลังตกใจจนตาค้างอ้าปากกว้าง นักพรตบงกชกลายที่มีพลังอิทธิฤทธิ์อนันตภาพ!
“ถ้าพวกเจ้าสามคนไม่อยากตาย ก็ทำตัวดีๆ หน่อย” สตรีวัยกลางคนเปลี่ยนเป็นถ่ายทอดเสียงแล้ว
เมื่อกล่าวคำนี้ออกมา เจตนาไม่เป็นมิตรของผู้ที่มาก็เปิดเผยอย่างไม่ต้องสงสัย พวกเถ้าแก่เนี้ยที่กำลังตกใจเอียงหน้ามองไปทางชายวัยกลางคน ท่านั้นกำลังเอามือข้างเดียวไขว้หลังอยู่ข้างๆ มองไม่เห็นเบาะแสใดๆ จากสีหน้า
เถ้าแก่เนี้ยคิดไม่ตกนิดหน่อย ไม่รู้ว่าตัวเองไปยั่วโมโหยอดฝีมือระดับนี้ตั้งแต่เมื่อไร เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นยอดฝีมือระดับนี้ ก่อนหน้านี้แค่เคยได้ยินจากปากเหมียวอี้เท่านั้น และรู้ด้วยวว่าถ้าอีกฝ่ายต้องการจะฆ่าพวกนางสามคน ก็ง่ายเหมือนบี้มดตายตัวเดียวเท่านั้น นางย่อมไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
นอกม่านไข่มุกที่ห้อยอยู่ตรงประตู มีพนักงานที่เดินผ่านมองเข้ามาในนี้แวบหนึ่ง จุดประสงค์ก็เพราะกลัวว่าจะมีอะไรผิดพลาด แต่พวกเถ้าแก่เนี้ยไม่กล้าเปล่งเสียงซี้ซั้ว เพราะสำหรับพวกนาง วรยุทธ์ของสตรีวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้าสูงจนน่ากลัวมากจริงๆ
“ไม่ทราบว่าทั้งสองท่านมาด้วยธุระอะไรคะ เหมือนผู้น้อยจะไม่ได้ล่วงเกินทั้งสองท่านหรอกใช่มั้ยคะ?” เถ้าแก่เนี้ยถ่ายทอดเสียงถาม
สตรีวัยกลางคนพลิกดูแผงรายการที่แขวนเครื่องประดับไว้เต็ม พลางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ได้ยนิว่าก่อนหน้านี้เถ้าแก่เนี้ยได้รับความโปรดปรานจากนายท่านหนิวโหย่วเต๋อ คาดว่าในมือเถ้าแก่เนี้ยคงจะมีระฆังดาราที่เอาไว้ใช้ติดต่อกับหนิวโหย่วเต๋อ ดังนั้นจึงอยากจะรบกวนให้เถ้าแก่เนี้ยติดต่อผู้บัญชาการใหญ่หนิวสักหน่อย เชิญเขามาสักรอบ”
เถ้าแก่เนี้ยหัวใจเต้นตึกตัก ที่แท้ก็พุ่งเป้ามาที่ผู้ชายของตัวเอง จึงส่ายหน้าเบาๆ พร้อมบอกว่า “ตอนนี้ไม่มีเสน่ห์แบบนั้นแล้วค่ะ ล้วนเป็นเรื่องสมัยที่ผู้บัญชาการใหญ่หนิวเป็นผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออกในปีนั้น พอตอนหลังได้เป็นผู้บัญชาการใหญ่ ก็ตัดขาดการติดต่อกับข้า คิดว่าคงกลัวผู้หญิงที่มีสามีแล้วอย่างข้าจะส่งผลกระทบต่ออนาคตของเขา เป็นเรื่องที่รู้กันทั้งตลาดสวรรค์ แล้วอีกอย่าง ข้าก็ไม่ได้ติดต่อกับเขานานแล้ว เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้เขาเพิ่งโดนลอบสังหาร จู่ๆ ถ้าข้าติดต่อเขาไป ก็เกรงว่าจะทำให้เขาสงสัย อาจจะเชิญเขาออกมาไม่ได้จริงๆ เออใช่ ทั้งสองท่านมาหาผู้บัญชาการใหญ่ด้วยธุระอะไรคะ?”
สตรีวัยกลางคนได้ยินแล้วขมวดคิ้ว ขณะกำลังจะพูด ใครจะคิดว่าจู่ๆ ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างกันจะบอกว่า “ช่างเป็นเถ้าแก่เนี้ยที่รอบคอบ ถ้าเปลี่ยนเป็นคนทั่วไป ก็คงจะกลัวตายจนรีบติดต่อให้โดยไม่สนว่าจะเชิญออกมาได้หรือไม่ แต่เจ้ายังพร่ำบ่นพูดมากช่วยคิดแทนพวกเรา ช่วยให้เขาหลบเลี่ยง ดูออกเลยว่าเจ้ากับหนิวโหย่วเต๋อมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา สงสัยจะไม่ต้องไปหาคนอื่นให้ช่วยเหลือแล้วล่ะ เป็นเจ้านี่แหละ! แต่ที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล ส่งของให้นาง!”
เถ้าแก่เนี้ยแอบตกใจ สังเกตได้ทันทีว่าผู้ที่มาไม่ธรรมดา ตัวเองพูดจาปกติมาก แต่อีกฝ่ายยังตัดสินได้ว่าตัวเองกับเหมียวอี้มีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา ผู้ที่มาไม่ได้หลอกตบตาได้ง่ายๆ ขนาดนั้น
สตรีวัยกลางคนทำสีหน้าเหมือนเข้าใจกระจ่างในฉับพลัน มองไปที่ชายวัยกลางคนด้วยแววตานับถือแวบหนึ่ง แล้วหยิบระฆังดาราออกมาสองอัน แบ่งลงตราอิทธิฤทธิ์ของตัวเองไว้บนนั้น แล้วผลักไปตรงหน้าเถ้าแก่เนี้ย “ให้หนิวโหย่วเต๋อส่งคนมาเอาระฆังดาราสองอันนี้ไป ให้เขาลงตราอิทธิฤทธิ์ไว้แล้วส่งกลับมาหนึ่งอัน พวกเราจะติดต่อกับเขาเอง ไม่ได้วางแผนร้ายอะไรกับเขาหรอก และไม่ต้องให้เจ้าสิ้นเปลืองความคิดอะไรด้วย จำไว้ว่าอย่าเล่นตุกติกอะไรเด็ดขาด ถ้าข้าจะสังหารพวกเจ้าก็ง่ายก็เหมือนพลิกฝ่ามือ!”
เถ้าแก่เนี้ยกล่าวอย่างแปลกใจว่า “ข้าส่งคนไปโดยตรงก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่เหรอ? แบบนี้จะไม่ต้องต้องไปกลับหลายรอบ ชีวิตข้าอยู่ในมือพวกท่านแล้ว จะได้ไม่ต้องกังวลด้วยว่าข้าจะเล่นตุกติกอะไร”
“ไม่ต้อง! ให้เขาส่งคนมาเอาไป ” สตรีวัยกลางคนกล่าว
พวกเขาไม่มีทางบอกสาเหตุให้เถ้าแก่เนี้ยรู้ ตอนนี้ที่นอกตำหนักคุ้มเมืองมีคนจับตาดูเต็มไปหมด ไม่ว่าคนนอกที่ไหนเข้าไปก็ล้วนถูกจับจ้อง ดีไม่ดีอาจจะมีคนตามมาที่นี่ก็ได้ มีเพียงการให้คนในตำหนักคุ้มเมืองเข้าออกเท่านั้นถึงจะเป็นปกติที่สุด
เถ้าแก่เนี้ยเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบระฆังดาราออกมา ขณะกำลังจะติดต่อเหมียวอี้ สตรีวัยกลางคนก็เตือนอีกครั้ง “อย่าบอกสถานการณ์ของที่นี่ให้เขารู้ แค่บอกว่าเจ้ามีธุระ แค่ให้เขาส่งคนมาเอาระฆังดาราไปก็พอ! อย่าเล่นตุกติกอะไรเชียว ไม่อย่างนั้นเจ้าต้องรับผิดชอบผลที่ตามมา!”
ถึงอย่างไรพวกเขาก็ยังไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างเถ้าแก่เนี้ยกับเหมียวอี้ พอเถ้าแก่เนี้ยติดต่อเหมียวอี้ได้ ก็บอกสถานการณ์ที่นี่ให้รู้ทันที แต่กลับไม่ได้บอกว่าตัวเองกำลังโดนขู่เอาชีวิต เพียงให้เหมียวอี้เตรียมใจไว้แต่เนิ่นๆ
ที่ตำหนักคุ้มเมือง เหมียวอี้ที่กำลังนอนเอนกายอยู่บนเก้าอี้ตกใจจนลุกขึ้นทันที เดินไปเดินมาอย่างร้อนใจอยู่ที่เดิม เถ้าแก่เนี้ยอาจจะยังไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร แต่เขาที่อยู่ใจกลางของอันตรายกลับรู้ดีอยู่แก่ใจ เพราะเขารอมาตลอด!
นักพรตพลังอิทธิฤทธิ์อนันตภาพ! สงสัยคนบงการหลังฉากจะปรากฏตัวแล้ว มือสังหารก่อนหน้านี้คงเป็นคนที่ผู้มีอำนาจบางคนของตำหนักสวรรค์ส่งมาจริงๆ ให้ตนส่งคนไปเอาระฆังดารา ท่าทางหยางชิ่งจะเดาถูกแล้วว่าอีกฝ่ายจะมาเจรจากับตน ในที่สุดก็มาแล้ว!
เขารู้ทันทีว่าเถ้าแก่เนี้ยอยู่ในอันตรายแล้ว ไม่ว่าจะเจรจาสำเร็จหรือไม่ อีกฝ่ายก็คงไม่ให้คนรู้เรื่องนี้เยอะเกินไป คาดว่าคงคิดหาทางสกัดหลังเรียบร้อยแล้ว!
เหมียวอี้เขย่าระฆังดาราตอบว่า : น้องชิว เจ้าทำให้พวกเขาสงบลงให้ได้ก่อน อย่าทำอะไรซี้ซั้วเด็ดขาด ข้าจะไปเดี๋ยวนี้
เถ้าแก่เนี้ยแอบกระวนกระวาย : เจ้าอย่ามาที่นี่ ถ้าเจ้าปรากฏตัว ทุกคนก็จะอยู่ในอันตราย ข้าสงสัยว่าพวกเขาจะเกี่ยวข้องกับเรื่องลอบสังหารครั้งก่อน
ที่แท้นางก็สงสัยเหมือนกัน! เหมียวอี้บอกว่า : เจ้าไม่ต้องห่วง ข้ารอพวกเขามาก่อน มีวิธีการรับมือตั้งนานแล้ว เจ้าคุมพวกเข้าไว้ก่อน…
หลังจากสั่งเสร็จแล้ว เขาก็กำระฆังดาราแล้วมองซ้ายมองขวา แล้วก็พลิกตัวกระโดลงบ่อน้ำข้างๆ ไปที่ร้านโฉมเมฆาผ่านทางใต้ดินโดยตรง
…………………………