รูปลักษณ์ของนางไม่ต่างกับชิ้นหยกสมบูรณ์แบบนางงดงามมากเสียจนทำให้หลายคนหันมอง
เหล่ายอดฝีมือจากสำนักอื่นที่กำลังมองดูการต่อสู้นั้นก็ถูกความงามอันน่าตกใจของนางสะกดสายตา
นางยืนตระหง่านที่ขอบสนามรบที่ทั้งสองฝ่ายกำลังต่อสู้โดยมีกระบี่เย็นยะเยือกในมือดวงตาสดใสเปล่งประกายของนางจับตาดูทุกการเคลื่อนไหวของการต่อสู้
พลังกระบี่มหาศาลก่อให้เกิดบรรยากาศรุนแรงแม้หลายคนจะทึ่งในความงามก็ไร้คนเข้าใกล้นาง
ฟึ่บ!
ซือหยูบินไปข้างปิงหวูชิงทุกสายตาเคลื่อนมาหาซือหยู
ปิงหวูชิงเหลือบมองในแววตานั้นแอบดีใจแต่นางจ้องมองซือหยูด้วยความเย็นชา
“ทำไมเจ้าเพิ่งมา?”
แม้น้ำเสียงจะไม่เป็นมิตรพลังกระบี่รอบกายนางก็ลดลงเพื่อให้ซือหยูได้เข้าใกล้
“เกิดเรื่องตอนที่ข้าถูกย้ายเข้ามาข้าอยู่ใกล้จากพวกเจ้าแล้วมาถึงไม่ทันการ”
ซือหยูอธิบายสั้นๆ
“เจ้าไม่เข้าสู้เพราะปี้หลิงเทียนรึ?”
ปิงหวูชิงระแวงปี้หลิงเทียนมาก
“ใช่!นี่เป็นข้อตกลงของการต่อสู้ระหว่างสองฝ่าย ข้ากับปี้หลิงเทียนจะต้องไม่ร่วมสู้ด้วย!”
ปี้หลิงเทียนมีพลังเกินกว่าจะประเมินถ้าหากปิงหวูชิงใช้กายาวิญญาณก็มีเพียงจ้าวเทวะระดับเก้าที่จะต้านทานได้ หากทั้งสองร่วมต่อสู้ จำนวนความสูญเสียจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
“ปี้หลิงเทียนมีพลังมากกว่าข้าแต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมดินแดนมีดสวรรค์ถึงเสียคนไปมากก่อนจะมาถึงสวนวิชา พวกมันเหลือแค่สี่คน ปี้หลิงเทียนจึงเริ่มเอ่ยปากขอให้ข้ากับเขาไม่เข้าร่วมการต่อสู้ นี่อาจมีเป้าหมายเพื่อปกป้องคนที่เหลือรอดในดินแดนมีดสวรรค์”
ขณะปิงหวูชิงพูดดวงตาสดใสของนางมองซือหยูไม่กระพริบ
“พวกมันบอกว่าเจ้าขโมยบางอย่างของพวกมันไปแล้วเจ้าก็เป็นคนทำให้พวกมันล้มตาย เป็นจริงหรือไม่?”
ซือหยูขมวดคิ้วแน่นตอนที่เขาช่วยลู่จือยี่และชิงตำราหยาง เขาไม่ได้เปิดเผยตัวตนของตัวเอง มีเพียงสองคนในที่เกิดเหตุเท่านั้นที่รู้เรื่องซือหยู นั่นก็คือลู่จือยี่และกู้ไทซูที่มาถึงทีหลัง! กู้ไทซูจะต้องเป็นคนปล่อยข่าวว่าเขาเป็นคนก่อเรื่อง
กู้ไทซู!
ซือหยูเหลือบมองรอบๆ อย่างเย็นชา เขาเห็นคนตำหนักเมฆาม่วงในหมู่คนดูด้วย
กู้ไทซูยืนอยู่หน้าคนเหล่านั้นด้านข้างเขาคือลู่จือยี่ที่สีหน้าหม่นหมอง กู้ไทซูมองซือหยูและแสยะยิ้ม จิตสังหารปะทุออกมาเมื่อทั้งสองผสานสายตา
“ซือหยูเซี่ยน?”
ปิงหวูชิงมองตามซือหยูนางพบกู้ไทซูและลู่จือยี่ นางมองระหว่างเขาไปมาและเห็นลู่จือยี่ ความสงสัยเกิดขึ้นในแววตาราวหิมะของนาง
“เจ้ากำลังมองลู่จือยี่รึ?”
ซือหยูละสายตา
“เจ้าคิดมากไปแล้ว!แน่นอนว่าข้าขโมยบางอย่างมาจากพวกมีดสวรรค์ เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะข้า”
เขายืนอยู่ข้างลานรบโดยไม่สนใจจะเข้าร่วมการต่อสู้เขาเป็นห่วงแค่ปิงหวูชิงและเมื่อนางปลอดภัยดี เขาก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรไม่ใช่รึ?
ปึบ!
เสียงปิดตำราดังลั่นชัดแก่ทุกคนที่กำลังต่อสู้ทุกสายตามองไปยังต้นเสียงและเงียบลง
“ฮ่าๆๆๆๆ…”
เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นอย่างไม่ให้สัญญาณ ปี้หลิงเทียนยืนขึ้นช้า ๆ เขาปิดตำราม่อจือเต๋าด้วยมือเดียวและยิ้มมองซือหยู
“สหายเจ้ากำลังเป็นอันตรายแต่เจ้าไม่คิดจะยื่นมือเข้าช่วยหรือ? ซือหยูเซี่ยน!”
คำพูดของปี้หลิงเทียนทำให้ทั้งสองฝ่ายที่กำลังต่อสู้กันอย่างร้อนระอุหยุดนิ่งเฉียนเฟิงกับพรรคพวกทิ้งระยะห่างและมองเขาราวกับคมมีด
“ซือ!หยู! เซี่ยน!”
สายตาเฉียนเฟิงแดงก่ำเมื่อกัดฟันตะโกนชื่อซือหยูเขาเว้นวรรคในทุกคำพูด เหล่าคนตำหนักโลหิตเองก็ได้รู้ว่าซือหยูมาถึงแล้ว ทุกคนต่างโกรธแค้น
“เจ้ามันเศษขยะใช้ไม่ได้!” novel-lucky
ถังหลิงคือคนแรกที่ระเบิดความแค้นร่างของเขาชุ่มโชกไปด้วยเลือดและสภาพย่ำแย่เท่าที่เป็นได้ เขาเดินไปทางซือหยูและร้องคำราม
“เจ้าลากสำนักจมลงกับเจ้าถึงเพียงนี้สร้างความหายนะให้พวกเราโดยไม่รู้เรื่อง เจ้าจะสารภาพผิดหรือไม่?”
ซือหยูยักไหล่เขาพูดกับปี้หลิงเทียนที่ยิ้มแย้ม
“นั่นก็แค่สิ่งที่เจ้าเห็นพวกมันไม่เคยนับข้าเป็นสหายร่วมสำนักหรอกนะ”
คำพูดของเขาทำให้เหล่ายอดฝีมือตำหนักโลหิตโมโห
“เจ้ามันหน้าด้าน!เจ้าก่อเรื่องจนทุกคนเป็นอันตราย ไม่ใช่แค่ยืนนิ่งไม่เข้าช่วย เจ้ายังพูดจาถากถางสหายร่วมสำนักอีก!”
“พวกเราน่าจะทำให้มันไม่ผ่านงานชุมนุมเฟิงหยุนด้วยทุกอย่างที่มีเราจะได้ไม่ต้องถูกไล่ต้อนอยู่แบบนี้!”
“ข้าน่าจะรู้ว่าไอ้ซือหยูเซี่ยนมันไร้ค่า!มันโอหังทั้งที่แค่เก่งภาษาไม้! ข้าเสียใจยิ่งนัก!” ….
ซือหยูไม่สนใจ
“ฮ่าๆๆๆพวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้าทำดีกับข้าที่ให้ข้าได้มาแดนมณีงั้นเรอะ! ถ้าไม่มีข้า พวกเจ้าก็ตายกันไปหมดแล้ว พวกเจ้าจะมาเรียกร้องหาคุณธรรมอะไรกันตอนนี้?”
คำพูดของซือหยูทำให้ทุกคนพูดไม่ออกพวกเขาแก้ตัวไม่ได้เลย
ในงานชุมนุมเฟิงหยุนกู้ไทซูได้หนีไปเมื่อหุ่นเชิดอันน่าสะพรึงกลัวได้ปรากฏตัวขึ้นมา ถ้าหากไม่มีซือหยูเซี่ยน พวกเขาทุกคนก็คงจะถูกฝังทั้งเป็นในพื้นที่ลับเมฆาม่วงแล้ว
“เหลวไหล!ต่อให้ไม่มีเจ้า เหล่าเจ้าสำนักก็มาช่วยพวกข้าอยู่ดี!”
ถังหลิงสาวเท้ามาหาซือหยูด้วยความแค้นเต็มที่ความแค้นเดิมของเขายังคงอยู่ และตอนนี้ยังมีอีกเหตุผลให้เขาล้างแค้นซือหยู!
เขาถูกคัดทิ้งจากพื้นที่ลับเมฆาม่วงและสุดท้ายเขาก็ได้มาที่แดนมณีเพราะมีสิทธิ์ที่ว่างอยู่
ซือหยูราวกับเพิ่งสังเกตเห็นถังหลิงเขาพูดโดยไม่สนใจ
“ข้าว่าสำหรับคนล้มเหลวอย่างศิษย์พี่ถังที่ได้มาแดนมณี พวกเจ้าสำนักก็คงจะเข้ามาช่วยด้วยกระมัง?”
ถังหลิงโกรธแค้นจนแผลฉีก
“ไปลงนรกซะ!”
ฟึ่บ!
เมื่อถังหลิงอยู่ห่างจากซือหยูสิบศอกเขาชักกระบี่เล่มยักษ์ออกมาฟาดใส่ดั่งดาวตก เขาตั้งใจจะฟันซือหยูให้ขาดครึ่ง
แววตาสดใสของปิงหวูชิงเย็นชาขึ้นนางตะโกน
“ไสหัวไป!”
ทันใดนั้นฝีเท้าของถังหลิงหยุดลง เขากระเด็นราวกับถูกฟ้าผ่า เขาเกือบจะล้มลงไปกองกับพื้น มีพลังอ่อนๆ พยุงเขาจากด้านหลัง
“ศิษย์น้องปิงพวกเราเพียงแค่ลงโทษศิษย์น้องที่กระทำผิด ใยต้องทำร้ายพวกเราเล่า?”
เทียนหยูเดินเข้ามาช้าๆ จากด้านหลังถังหลิง
ปิงหวูชิงสีหน้าไร้อารมณ์
“ลงโทษรึ?เจ้าคิดว่าซือหยูเซี่ยนจะป้องกันตัวจากกระบี่ถังหลิงได้สินะ? ถ้ามันเป็นแค่การลงโทษ ข้าขอทำอย่างเดียวกันกับถังหลิงได้หรือไม่?”
ทุกคนที่คิดได้ย่อมเห็นอย่างชัดเจนว่าถังหลิงพยายามจะเอาชีวิตซือหยู
เพราะถังหลิงนั้นเป็นถึงจ้าวเทวะระดับแปดที่มีชื่อเสียงในด้านพลังการต่อสู้จากตำหนักโลหิตแต่ซือหยูเซี่ยนนั้นเป็นแค่ภูติระดับเก้าที่ไร้พลัง แค่เรื่องพลังอย่างเดียว ทั้งสองก็แตกต่างกันอย่างวัดไม่ได้แล้ว
เมื่อนางพูดจบปลายดัชนีของปิงหวูชิงแตะคมกระบี่ที่นางถือ แววตานางปล่อยพลังกระบี่ออกมา
เทียนหยูถอนหายใจแรง
“ก็ดี!ข้าอยากจะลิ้มรสสิ่งที่ศิษย์น้องหวูชิงอีกคนให้ค่านักหนาอยู่เหมือนกัน! มันคงไม่ใช่เพราะหน้าตาสินะ?”
“ถังหลิงข้าจะทิ้งซือหยูเซี่ยนไว้ให้เจ้า!”
เทียนหยูโกรธแค้นเต็มที่
“อย่าได้ออมมือลงโทษให้ดีที่สุดเท่าที่เจ้าทำได้กับไอ้ตัวปัญหาไร้ปัญญานั่น! ถ้ามันกล้าขัดขืนก็สังหารมันเสีย!”
นางตบมือลงและดึงกรรไกรคู่สีทองออกมามีลายหัวมังกรสลักอยู่ที่อาวุธของนางด้วย
“ซือหยูเซี่ยนระวังตัวด้วย ขอเวลาข้าสักหน่อย ข้าจะจัดการในสามกระบวนท่า!”
ปิงหวูชิงขยับมือกระบี่เงินพุ่งออกจากฝัก มันพุ่งตรงไปที่เทียนหยู