ตอนที่ 176 ความหึงเป็นเหมือนสิ่งต้องห้ามของบุรุษ

เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1]

เมื่อเขาเอ่ยออกมา กระแสเสียงยังมีความอ่อนโยนและเนิบช้าเหมือนเดิม

 

 

แต่ไม่รู้ว่าเยี่ยเม่ยเข้าใจผิดไปเองหรือเปล่า นางได้กลิ่นเปรี้ยวรุนแรงกระแสหนึ่ง คล้ายกับห่างไปร้อยลี้มีคนนับแสนกินบะหมี่ผักดอง จนได้กลิ่นเปรี้ยวฉุนจมูก

 

 

เยี่ยเม่ยมองใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้า เลียนแบบท่าทางสุขุมของเขา เอ่ยปากว่า “ดังนั้น ท่านพูดแบบนี้ ก็เพราะกินน้ำส้ม[1]ใช่หรือไม่”  

 

 

ความจริงเรื่องที่เขาหึงชัดเจนมาก โดยเฉพาะกลิ่นเปรี้ยวฉุนมากพอรมให้คนตาย

 

 

แต่นางอยากฟังจากปากเขา อยากฟังคำว่า “หึง” คำนี้ จากปากของบุรุษที่มีใบหน้าหล่อเหลาท่าทางสบายๆ

 

 

เมื่อนางเอ่ยออกมา

 

 

สายตาของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็เผยแววโทสะสายหนึ่ง ก้มลงไปจูบปิดปากนางหนักๆ อีกครั้ง กลิ่นอายของบุรุษเพศอวลอยู่ในอก จูบของเขาเหมือนการปล้นชิง ทั้งยังแสดงอำนาจอย่างบ้าคลั่ง

 

 

ถัดมา มือของเขารั้งเอวนาง กดร่างเข้ามาปะทะกับตัวเขาอย่างแรง

 

 

เยี่ยเม่ยในยามนี้ถูกจูบจนสติหลุดลอย ใบหน้าที่เย็นชามาตลอดยามนี้แดงก่ำ สายตาก็เลื่อนลอย

 

 

ลมหายใจของทั้งคู่ร้อนระอุ คล้ายแค่จุดประกายไฟเพียงเล็กน้อยก็พร้อมจะลุกโหม

 

 

นางผลักเขาออกด้วยความตื่นตระหนกลนลาน กังวลว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป จะเกิดเรื่องที่ไม่อาจอธิบายได้ขึ้นมา

 

 

เมื่อรับรู้ถึงการต่อต้านของนาง เป่ยเฉินเสียเยี่ยนใช้มืออีกข้างรวบข้อมือหญิงสาวเอาไว้ กดแน่นเหนือศีรษะ เขาล้วนมีท่าทีเชื่อฟังมาโดยตลอด วันนี้เป็นครั้งแรกที่แสดงความแข็งกร้าวออกมา

 

 

จากนั้นใช้ริมฝีปากบดเบียดริมฝีปากของเยี่ยเม่ยที่พยายามจะหลบหนีอย่างรุนแรง ไม่ยอมให้นางดิ้นหลุด

 

 

ยามนี้เยี่ยเม่ยสับสนอลหม่าน หัวใจสั่นระรัวราวกับกลอง กระทั่งรู้สึกว่าร่างกายของตนมีการตอบสนองอยู่บ้าง นางร้อนผ่าวไปทั้งร่าง เกิดความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้นางรู้สึกงุนงง ไม่รู้จะทำอย่างไรดี

 

 

ไม่รู้ว่าก้าวต่อไปนางควรจะทำอะไร ดังนั้นจึงได้แต่ปล่อยให้เขาชักนำ

 

 

จูบของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนอุกอาจ รุนแรง และเร่าร้อน

 

 

ทำให้เยี่ยเม่ยเริ่มคิดโดยไม่รู้ตัวว่า หรือว่านี่จะเป็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเขา นางขยับมือเล็กน้อย คิดหนีจากการควบคุมของเขา ทว่าเขากลับใช้กำลังที่มีมากกว่ากดข้อมือนางจนรู้สึกเจ็บนิดๆ ภายใต้รสจูบร้อนแรงของชายหนุ่ม ร่างกายของนางสิ้นแรงขัดขืน

 

 

นางหยุดดิ้นรนเพื่อไม่ให้ข้อมือเจ็บมากเกินไป เพราะเยี่ยเม่ยเข้าใจว่า เขาถูกคำพูดนางยั่วโมโหแล้วจริงๆ

 

 

จูบแบบฝรั่งเศสไม่นับว่าเป็นอะไร

 

 

แต่จูบแบบฝรั่งเศสแสนเนิ่นนานต่างหากที่จะเอาชีวิตคน

 

 

เขาปล้นจูบครู่หนึ่ง จนกระทั่งเยี่ยเม่ยรู้สึกวิงเวียน ลมหายใจติดขัด สงสัยว่าตนกำลังจะเป็นลมใช่หรือไม่

 

 

นางแค่นเสียงออกมาเบาๆ คำหนึ่ง “อย่า…”

 

 

เสียงนี้เบามากคล้ายกับเสียงคราง ความไร้เรี่ยวแรงนั้นทรงเสน่ห์อ่อนโยนของสตรี เยี่ยเม่ยในยามนี้หน้าแดงก่ำขึ้นไปอีก ไม่อยากเชื่อว่าเสียงเช่นนี้จะเป็นตนที่เปล่งออกมา

 

 

ส่วนเป่ยเฉินเสียเยี่ยนย่อมดูออกว่านางสิ้นเรี่ยวแรงขัดขืน เขาจึงหยุดจูบ แต่ยังไม่ลืมเลียริมฝีปากของหญิงสาว เพื่อตักเตือนว่าจูบร้อนแรงเมื่อครู่เป็นความจริง

 

 

ใบหน้าหล่อเหลาชั่วร้ายเผยแววปรารถนา ทว่าสุดท้ายก็ควบคุมเอาไว้ ไม่ให้ทำเรื่องที่เกินเลย

 

 

ดวงตาชั่วร้ายคู่นั้นจ้องมองเยี่ยเม่ย น้ำเสียงเสนาะหูมาตลอด ยามนี้อ่อนโยนอย่างถึงที่สุด ทำให้หญิงสาวรู้สึกชาวาบไปทั้งแผ่นหลัง “ฮูหยินกล่าวไม่ผิด สามีหึงจริงๆ ทั้งยังรุนแรงมากอีกด้วย”

 

 

ขณะเอ่ย ฝ่ามือใหญ่ปล่อยข้อมือเยี่ยเม่ยออก ลูบเรือนผมด้านหลังศีรษะหญิงสาวอย่างเบามือ ทำให้เยี่ยเม่ยในเวลานี้รู้สึกเสียววาบ

 

 

ไม่ช้า เสียงน่าฟังของเขาเจือความเอาแต่ใจและขบฟันเอ่ย “แม่นาง เจ้าต้องเข้าใจให้ดี เรื่องใดที่เยี่ยนคล้อยตามเจ้าได้ ในใจเยี่ยนเจ้าเป็นราชินีสูงส่ง แต่ว่าอย่ายั่วให้เยี่ยนหึงหวง ไม่เช่นนั้นเยี่ยนยังแสร้งเป็นสามีที่เชื่อฟังได้หรือไม่ เยี่ยนก็ไม่กล้ารับประกันอีก”

 

 

เขายอมรับออกมาง่ายๆ ตรงๆ ภาพลักษณ์สามีที่เชื่อฟัง ความจริงล้วนแสดงออกมา เยี่ยเม่ยอึ้งไปเล็กน้อย

 

 

ในขณะที่นางทึ่งอยู่นั้น

 

 

ใบหน้าหล่อเหลาชั่วร้าย เคลื่อนเข้ามาประชิดนาง น้ำเสียงอ่อนโยนค่อยๆ กล่าวว่า “เยี่ยนไม่สนใจว่าเมื่อก่อนเจ้ารู้จักกับเป่ยเฉินอี้หรือไม่ ทั้งไม่สนใจเรื่องราวที่ผ่านมาของพวกเจ้า แต่นับจากนี้ไปหากเจ้ายังใช้สายตาแบบนั้นมองเขา ต่อให้เยี่ยนจะอ่อนโยนและมีเมตตาก็ทนรับการท้าทายขีดจำกัดของเจ้าเช่นนี้ไม่ได้ อย่างนั้นเยี่ยนคงทำได้เพียงมัดเจ้าไว้กับเตียง รักถนอมเจ้าทั้งวันทั้งคืนเพื่อเตือนสติเจ้า ความหึงหวงเป็นดังของต้องห้ามของบุรุษ”

 

 

สายตาแบบที่นางมองเป่ยเฉินอี้หรือ

 

 

เยี่ยเม่ยยังอยู่ในอารามตกตะลึง โพล่งถามอย่างโง่งมประโยคหนึ่ง “ท่านพูดถึงสายตาแบบไหนกัน”

 

 

เมื่อเยี่ยเม่ยถาม เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยิ่งขบฟันแน่น

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก้มหน้าลง ประทับจูบลงบนซอกคอขาวผ่องของนาง หลังจากรู้สึกเจ็บปวดน้อยๆ บนคอของเยี่ยเม่ยก็ปรากฏรอยจูบสีแดงรอยหนึ่ง ส่วนเขาดูจะพอใจกับตราประทับนี้เป็นอย่างมาก มือใหญ่ลูบคลึงรอยจูบบนคอเบาๆ

 

 

ยามนี้เยี่ยเม่ยก็เสียวสันหลังวาบขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

ก่อนหน้านี้ทำไมนางถึงไม่เคยรู้เลยว่า ตัวเองช่างอ่อนแอแบบนี้

 

 

นางกำลังกลัวอะไรกันแน่

 

 

คำถามสองข้อนี้เยี่ยเม่ยไม่ได้รับคำตอบ ในยามนี้สมองก็สับสน ไม่อาจครุ่นคิดคำตอบออกมาได้

 

 

เสียงขบฟันของบุรุษดังขึ้นข้างหูนาง แฝงไปด้วยความอันตราย “สายตาแบบไหนกันหรือ ยามที่มองเขาแล้วเหม่อลอย เยี่ยนยืนอยู่ข้างเขา ทว่าสายตาเจ้ามีเขาเพียงผู้เดียว ไม่มองที่เยี่ยนเลยสักครึ่งหนึ่ง เพราะอย่างนี้เยี่ยนถึงได้แค้นจนต้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน สูญเสียความเยือกเย็น ไม่อาจเสแสร้งทำสายตาอ่อนโยนเชื่อฟังได้อีก”

 

 

ไม่รู้เพราะอะไร

 

 

เยี่ยเม่ยในเวลานี้กลืนน้ำลายเอื๊อก

 

 

ในฐานะสาวแกร่ง นางจำได้ว่าตัวเองไม่เคยขี้ขลาดเช่นนี้มาก่อน ครั้นมองเขาก็ยิ่งอึ้ง อย่างนั้นบุรุษเบื้องหน้าที่แสร้งทำเป็นอ่อนแอ แท้ที่จริงแล้วเขาเป็นคนแข็งกร้าวคนหนึ่งอย่างนั้นหรอกหรือ

 

 

ส่วนนางที่แข็งแกร่งมาตลอดกลับหวาดกลัวถึงขนาดนี้ ทั้งทนรับความเอาแต่ใจของเขาได้อย่างน่าประหลาด ออกจะชื่นชอบอยู่บ้างด้วยซ้ำ แท้ที่จริงแล้วนางเป็นพวกชอบถูกกระทำหรืออย่างไรกัน

 

 

ไม่

 

 

นางไม่อยากเชื่อ

 

 

เยี่ยเม่ยฝืนสงบใจลง มองท่าทางน่ากลัวและอันตรายของเขา จากนั้นค่อยๆ ดึงความเข้มแข็งของสาวแกร่งกลับมา จ้องมองดวงตาคู่ร้ายของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เอ่ยปากว่า  “นี่คือโฉมหน้าที่แท้จริงของท่านหรือ”

 

 

ครั้นเยี่ยเม่ยเอ่ยออกไป เป่ยเฉินเสียเยี่ยนจับมือหญิงสาวแนบที่ใบหน้าของตน น้ำเสียงน่าฟังทว่าอันตราย ดังขึ้น “เจ้าเข้าใจเช่นนั้นก็ได้ เยี่ยนสามารถแสร้งทำตามที่เจ้าชื่นชอบได้ แต่ว่าเจ้าต้องจดจำเอาไว้ อย่าได้ท้าทายขีดจำกัดของเยี่ยน ครั้งหน้ายามเยี่ยนหึงจะทำอะไรไปบ้าง เยี่ยนก็ไม่อาจรับรองได้”

 

 

เดิมทีเยี่ยเม่ยคิดบีบให้เจ้าคนที่คล้ายไม่ใส่ใจอะไรทั้งนั้นพูดคำว่าหึงออกมา

 

 

คิดไม่ถึงว่าจะบีบให้เขาพูดคำพูดเหล่านี้แทนเสียได้

 

 

ในขณะที่นางกำลังสงสัย เขาก็ปิดปากนางอีกครั้ง เอ่ยเสียงนุ่มว่า “ฮูหยิน เจ้าควรเข้าใจให้ดี คนที่ไม่ใส่ใจอะไรเลย เมื่อเขาเริ่มใส่ใจอะไรขึ้นมา นั่นก็คือความเด็ดขาดถึงขั้นฟ้าดินทลาย วันนี้พอแค่นี้ก่อน เยี่ยนไม่อยากทำให้เจ้าตกใจอีกแล้ว อย่างไรก็ตามโฉมหน้าที่แท้จริงของเยี่ยน บางทีอาจจะเข้มแข็งมากกว่าที่เจ้าจินตนาการไว้มาก”

 

 

เยี่ยเม่ย “…”

 

 

ไฉนนางถึงรู้สึกว่าตัวเองเป็นกระต่ายขาวตัวน้อยที่ถูกหลอกให้เข้าสู่รังสุนัขจิ้งจอกไปได้กันนะ ?

 

 

 

 

 

 

[1] กินน้ำส้ม หมายถึง หึง