ทหารองครักษ์หลวงเข้ามาแล้วลากหมอเทวดาโม่ผู้ซึ่งค่อนข้างลังเลออกไป หมอหลวงฉินเงยหน้าขึ้นมองเมื่อหมอเทวดาโม่หายตัวไป เขาไม่ได้ละสายตาไปแม้แต่น้อย

       เสี่ยวหวางเฟยให้แนวคิดใหม่แก่เขา หมอเทวดาโม่ดูเหมือนจะไม่สมกับชื่อของเขา

       หลังจากตัวละครเอกทั้งสองออกจากไป ฮ่องเต้ก็ไม่ได้อยู่นาน เขาจากไปพร้อมกับหมอหลวงฉิน ทั้งสองเดินกลับไปอย่างช้าๆ เพื่อยังไปห้องโถงใหญ่

“เจ้าคิดอย่างไรกับทั้งสองคนนี้” ฮ่องเต้เปิดปากของเขาและถามความเห็นของหมอหลวงฉินขึ้น “หมอเทวดาโม่ไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของเสี่ยวหวางเฟย หมอเทวดาโม่……ตอนนี้แก่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

       ฮ่องเต้ขอให้หลิน ชูจิ่วเข้ามาในวังในวันนี้ ไม่ใช่เพียงเพราะหมอเทวดาโม่ร้องขอ แต่ยังต้องการหยั่งเชิงอะไรบางอย่าง

       ฮ่องเต้ไม่ได้พูดอะไร แต่หมอหลวงฉินเป็นคนสนิทของเขา เขาเข้าใจว่าตอนนี้ฮ่องเต้ยอมแพ้ในตัวหมอเทวดาโม่อย่างสมบูรณ์

       หมอเทวดาโม่ ไม่เพียง แต่เสียการสนับสนุนของฮ่องเต้เท่านั้น แต่ยังทำให้เสี่ยวหวางเย่ ขุ่นเคือง ดังนั้นเขายังจะสามารถมีอนาคตที่ไม่มีขอบเขตได้อย่งไร? เขายังจะสามารถเรียกว่าหมอที่มีชื่อเสียงที่สุดในสี่แคว้นได้อย่างไร?

       หมอหลวงฉิน ก้มศีรษะลงเพื่อปกปิดความปิติยินดีในดวงตาของเขา……

       เมื่อหลิน ชูจิ่วเข้ามาเสี่ยว จื่ออันก็ตื่นอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงเห็นพระสนมโจวและหลิน ชูจิ่ว เดินเข้ามาในห้องในเวลาเดียวกัน ดวงตาของเขาส่องประกายระยิบระยับและใบหน้าที่ขาวซีดของเขาก็แสดงรอยยิ้มตื้น ๆขึ้น “ เสด็จแม่ หลิน……เสด็จอาสะใภ้”

       เสี่ยว จื่ออัน งอแขนของเขาและพยายามที่จะลุกขึ้น เมื่อเห็นอย่างนี้หลิน ชูจิ่วก็รีบพูดขึ้นทันที “องค์ชายเสี่ยว จื่ออัน ท่านไม่จำเป็นต้องสุภาพเกินไป ร่างกายของท่านยังอ่อนแออยู่ แค่นอนอยู่บนเตียงก็พอแล้ว” เห็นได้ชัดว่าเธออายุน้อยกว่าเขา แต่เขาก็ปฏิบัติต่อเธออย่างกับผู้อาวุโสอย่างจริงจัง หลิน ชูจิ่ว ไม่สามารถยอมรับได้

“ ไม่เป็นไร ข้าเพิ่งแค่จะลุกขึ้นนั่ง” เสี่ยว จื่ออันยืนยันว่าจะลุกขึ้น พระสนมโจวจึงก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยลูกชายของนาง นางดูเหมือนจะบ่น แต่ก็เต็มไปด้วยความภูมิใจ ก่อนที่จะพูดขึ้น“ เด็กคนนี้เป็นอย่างนี้เสมอ แม้แต่ต่อหน้าข้า เขาก็ไม่กล้าทำตัวหยาบคาย”

“องค์ชายเสี่ยว จื่ออันช่างมีจิตใจที่งดงาม” หลิน ชูจิ่วตามคำพูดของพระสนมโจว แต่หูของเสี่ยว จื่ออันก็แดงขึ้นและรู้สึกอึดอัด “ท่านแม่ ท่านไม่จำเป็นต้องพูดเกินจริง”

       เมื่อหลิน ชูจิ่วยิ้ม เสี่ยว จื่ออันก็หน้าแดง หัวใจของนางสนมโจวพุ่งขึ้นในขณะนั้น นางรู้จักบุตรชายของนางเป็นอย่างดี เขาไม่ใช่คนที่จะหน้าแดงง่าย ๆ เพียงเพื่อการสรรเสริญธรรมดาเท่านั้น

       พระสนมโจวจ้องมองไปที่หลิน ชูจิ่ว นางสวมชุดสีแดง นางดูสง่างามและน่ารัก ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความมั่นใจ ดวงตาสีดำสดใสของนางดูสงบมาก ผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้สามารถดึงดูดความสนใจของผู้ชายได้อย่างง่ายดาย

       เมื่อเห็นบุตรชายของนางมองดูหลิน ชูจิ่วอย่างจริงจัง บางทีเขาอาจจะยังไม่มีความคิดอื่น แต่นางก็แน่ใจว่าบุตรชายของนาง เขามีความประทับใจที่ดีต่อหลิน ชูจิ่ว

       มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้!

       หลิน ชูจิ่ว เป็นภรรยาของเสี่ยวเทียนเหยา เสี่ยว จื่ออันเป็นบุตรชายของฮ่องเต้

       พระสนมโจวเห็นหลิน ชูจิ่วและเสี่ยว จื่ออันพูดคุยอย่างมีความสุข ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนสีเล็กน้อย นางจัดระเบียบอารมณ์ของนางอย่างรวดเร็ว ก่อนจะลุกขึ้นยืนและดึงมือของหลิน ชูจิ่วมา “ดูเจ้า นี่เจ้าก็มาเป็นเวลานานแล้ว แต่ข้ายังไม่ได้เชิญให้เจ้านั่งเลย มาๆ เข้ามานั่งลงก่อน แล้วค่อยพูดคุยกันไปอย่างช้า ๆ ”

“เสด็จอาสะใภ้ ข้ารู้สึกเสียใจที่ข้าลืมที่จะเชิญท่านนั่ง” เสี่ยว จื่ออันขอโทษขึ้นด้วย แต่น้ำเสียงของเขาไม่ได้รู้สึกอึดอัด เขาดูสงบมาก

“ไม่เป็นไร” เธอมาเยี่ยมผู้ป่วย และไม่มีเก้าอี้ที่เธอจะสามารถนั่งได้ นอกจากนี้เธอยังไม่มีความตั้งใจที่จะอยู่นานกว่านี้ “ข้าคงจะไม่นั่ง ร่างกายขององค์ชายเสี่ยว จื่ออันยังคงอ่อนแอ ท่านต้องพักผ่อน ข้าไม่สามารถรบกวนท่านได้อีกต่อไป ข้าคงต้องขอตัว”

       ต่อหน้าของพระสนมโจวและเสี่ยว จื่ออันผู้มีดวงตาที่เต็มไปด้วยความขอบคุณ หลิน ชูจิ่วก็รู้สึกเจ็บปวดจริงๆ เธอไม่สามารถขายหมอหลวงฉินและเสี่ยวเทียนเหยาได้ เธอจึงสามารถทำได้เพียงหลีกเลี่ยงคนสองคนนี้เท่านั้น … …