บทที่ 570 จะเลือกช่วยแม่หรือช่วยลูก

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

“ขอบคุณคุณชายหลินมากนะเจ้าคะ”

โจวจิงที่อยู่ด้านข้างพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

นางรู้ดีว่าคำพูดของหลินเป่ยเฉินมีน้ำหนักขนาดไหน

นอกจากเป็นวีรบุรุษประจำเมืองแล้ว ต้องไม่ลืมว่าหลินเป่ยเฉินมีสถานะเป็นผู้ที่ถูกเลือกจากเทพีกระบี่ ก่อนหน้านี้ก็เคยแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์มาแล้วหลายครั้ง เมื่อเขาพูดว่าจะมอบความยุติธรรมให้แก่สามีของนาง ก็เป็นที่แน่นอนแล้วว่ามลทินของไต้จือฉุนจะต้องได้รับการชำระล้าง

ที่สำคัญก็คือ สามีของนางไม่ได้ทำอะไรผิด

เป็นฝ่ายคนชั่วร้ายเหล่านั้นต่างหากที่ลงมือรังแกผู้คนก่อน

เป็นเวลานานเท่าไหร่ไม่ทราบได้กว่าที่โจวจิงจะสามารถผ่านพ้นฝันร้ายเหล่านั้น และกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติเช่นในปัจจุบันนี้อีกครั้ง

“เร็วเข้าสิ ติงติง ยังไม่รีบขอบคุณท่านอาเป่ยเฉินอีก” หญิงสาวรีบออกคำสั่ง

“เขาไม่ใช่ท่านอา แต่เป็นท่านพี่เป่ยเฉินต่างหาก” เด็กหญิงตัวน้อยใบหน้าอ้วนกลมเลิกคิ้วขึ้นสูง นางดูเหมือนตุ๊กตาดินเผาที่สมบูรณ์แบบที่สุด และไม่ยอมเรียกหลินเป่ยเฉินว่าเป็นท่านอาตามที่มารดาสั่งสอน

หลินเป่ยเฉินคลี่ยิ้ม พูดว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่เป็นไรหรอกขอรับพี่สะใภ้ นับจากนี้ไป พวกเราก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลกันอีกแล้ว ขอให้ติงติงเรียกข้าว่าพี่ใหญ่ ส่วนข้านั้นก็จะเรียกบิดาของนางว่าท่านพี่เช่นกัน”

ไต้จือฉุนกับภรรยาพูดอะไรไม่ออกด้วยความตื้นตันใจ

ในไม่ช้า สาวรับใช้ก็นำจอกสุราสี่จอกและไหสุราหนึ่งใบมาที่โต๊ะรับรอง

“พี่ใหญ่ นี่หรือคือสุราที่มีมูลค่าหมื่นเหรียญทองคำ?”

ติงติงถามออกมาด้วยความสงสัย

“ติงติงอย่าได้เที่ยวพูดจาไร้สาระ” หญิงสาวรีบส่งเสียงดุบุตรสาวของตนเองทันที

“หุหุ ไม่เป็นไรขอรับพี่สะใภ้ เมื่อสักครู่ ข้าน้อยก็แค่คุยโวไปอย่างนั้นเอง… ครอบครัวของข้าช่างยากจน ซ้ำยังต้องเลี้ยงดูสาวรับใช้กับพ่อบ้านชรา รวมถึงกลุ่มจอมยุทธ์อีกจำนวนหนึ่ง ต่อให้ข้าน้อยจะเป็นเจ้าของเหมืองแร่หินบูชาก็จริง แต่ในบ้านหลังนี้ ไม่ร่ำรวยมากพอที่จะดื่มสุราไหละเป็นหมื่นเหรียญหรอกขอรับ”

หลินเป่ยเฉินตอบด้วยน้ำเสียงจริงใจไร้การเสแสร้ง

หญิงสาวถึงกับต้องชะงักไปอีกครั้ง

คุณชายหลินเรียกได้ว่าเป็นเด็กหนุ่มที่สมบูรณ์แบบ ติดอยู่อย่างเดียวก็ตรงที่บางครั้งชอบพูดจาเหลวไหลนั่นเอง

ประเมินดูแล้ว น่าจะเป็นอาการสมองเสื่อมกำเริบขึ้นมาตามข่าวลือ

และคงเห็นว่าหลินเป่ยเฉินเป็นผู้มีสติไม่สมประกอบ องค์จักรพรรดิถึงได้เคยไว้ชีวิตเขาในอดีต

ยิ่งคิดก็ยิ่งน่าสงสาร

ไต้จือฉุนหยิบจอกสุราขึ้นมา พูดว่า “คุณชายหลิน สุราจอกนี้ข้าขอมอบให้กับท่าน…”

หลินเป่ยเฉินรออยู่อึดใจใหญ่แล้วและไม่เห็นไต้จือฉุนหยิบจอกสุราขึ้นมาสักที จนเขาเริ่มเกิดความรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย เมื่อได้ยินประโยคที่รอคอย หลินเป่ยเฉินจึงรีบรับจอกสุราจากมือของบัณฑิตหนุ่มโดยไม่ปฏิเสธ “ท่านพี่ไต้ จะอย่างไรนับจากนี้ไป พวกเราก็คงต้องร่วมหัวจมท้ายกันไปอีกนาน มีอะไรก็ขอให้พูดกันอย่างตรงไปตรงมา ในเมื่อวันนี้ฤกษ์งามยามดี ท่านหิ้วสุรามาให้ข้าถึงที่ พวกเรามาใช้สุราไหนี้แทนการดื่มน้ำร่วมสาบานเป็นพี่น้องกันตลอดไปดีหรือไม่?”

ไต้จือฉุนยังหนุ่มยังแน่น อายุเพียง 30 ปี แต่กลับมีพลังสูงส่งถึงขั้นยอดปรมาจารย์ หากได้รับการฝึกฝนอย่างเต็มรูปแบบ ในภายภาคหน้าก็ต้องก้าวขึ้นมาเป็นยอดฝีมือผู้น่ากลัวคนหนึ่งได้แน่นอน

แต่ที่สำคัญก็คือ ไต้จือฉุนมีนิสัยซื่อสัตย์และจริงใจ จึงเป็นโอกาสดีที่หลินเป่ยเฉินจะสร้างสัมพันธ์และความเชื่อใจ ไม่ว่าหลังจากนี้ไต้จือฉุนจะเป็นลูกมือที่มีประโยชน์ต่อเขาหรือไม่ แต่มันก็คุ้มค่าที่จะรับไว้เลี้ยงดูในตอนนี้

เพราะถึงอย่างไรเสีย มียอดฝีมืออยู่ใกล้ตัวหลายคน ก็ดีกว่าต่อสู้แบบหัวเดียวกระเทียมลีบ

หลินเป่ยเฉินพอจะรับทราบเรื่องราวของผลประโยชน์ในโลกมนุษย์ใบเดิมอยู่บ้าง เมื่อคิดจะทำการใหญ่ ก็จำเป็นต้องมีพวกพ้องฝีมือดีอยู่ไม่ใช่น้อย หากไม่ใช่เพราะเหตุผลข้อนี้ เว่ยหมิงเฉินจะสามารถเรืองอำนาจขึ้นมาได้อย่างไร?

หากไม่มีผู้ช่วยฝีมือดี

เว่ยหมิงเฉินก็เป็นเพียงมือกระบี่คนหนึ่งเท่านั้น

“เรื่องนั้น…”

ไต้จือฉุนอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง

“เฮ้อ หากพี่ไต้เห็นว่าไม่เหมาะสม ข้าก็ไม่ว่ากระไรหรอก…”

หลินเป่ยเฉินทำท่าเหมือนกำลังจะถอดใจ

ไต้จือฉุนรีบส่ายหน้า พูดล่ำละลักว่า “ไม่ใช่ขอรับ เพียงแต่ว่าคนอย่างข้า คู่ควรที่จะเป็นพี่ชายร่วมสาบานของท่านแล้วหรือ…”

หลินเป่ยเฉินขัดจังหวะโดยที่ชายหนุ่มยังพูดไม่จบประโยค “อะไรคือคู่ควรไม่คู่ควร? ขอเพียงพี่ไต้เห็นว่าเหมาะสม ข้าก็ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น อีกอย่าง พวกเราล้วนเป็นบุรุษหนุ่มรูปหล่อผู้รักในความยุติธรรมเหมือนกัน อย่าได้สนใจถ้อยคำอิจฉาริษยาจากผู้อื่นเลย พวกเรามาช่วยกันฟื้นฟูเมืองนี้ ให้กลับมาสวยงามดังเดิมดีกว่า…”

ไต้จือฉุนรู้สึกมีความมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิมราวกับปาฏิหาริย์

แต่เขาก็ยังคงอดคิดไม่ได้ว่าตนเองเป็นผู้ร้ายหลบหนีคดี เหตุไฉนถึงคู่ควรที่จะเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับหลินเป่ยเฉิน?

ทว่า ในเวลาเดียวกันนั้น การที่วีรบุรุษของชาวเมืองหยุนเมิ่งให้เกียรติเขาถึงเพียงนี้ มันก็เป็นสิ่งที่ทำให้ไต้จือฉุนรู้สึกตื้นตันใจที่สุดในชีวิต

หลังจากนั้น ไต้จือฉุนกับหลินเป่ยเฉินก็ดำเนินพิธีดื่มสุราร่วมสาบานเป็นพี่น้องกันตลอดไป

“ท่านพี่”

“น้องชาย”

“ท่านพี่เชิญดื่ม”

“น้องชายเชิญดื่ม”

แล้วทั้งสองคนก็ดื่มสุราร่วมสาบานรวดเดียวหมดจอก

ไต้จือฉุนรู้สึกเหมือนกับตนเองได้ก้าวเข้าสู่โลกใบใหม่

แต่มันก็เป็นการก้าวเดินเข้าไปด้วยความเต็มใจ

ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้พูดอะไรออกมา พ่อบ้านหวังจงที่หายตัวไปพักใหญ่ ก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในห้องรับแขก “นายน้อยขอรับ แย่แล้วขอรับนายน้อย นายน้อยขอรับ แย่แล้วขอรับนายน้อย…”

หลินเป่ยเฉินวางจอกสุรากลับคืนลงบนโต๊ะ ผุดลุกขึ้นยืนและหันไปกระโดดเตะหวังจงล้มกลิ้งกระเด็นไปด้านข้าง “เจ้าสุนัขเฒ่า มีอะไรก็รีบพูดออกมา รู้หรือไม่ว่าเจ้าเข้ามาเห่าหอนขัดจังหวะการดื่มสุราร่วมสาบานของพวกเรา…”

หวังจงที่โดนเตะกระเด็นออกไปรีบลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าสดชื่น

เขาส่งเสียงครางด้วยความสบายเนื้อสบายตัว “อ้า นายน้อยไม่ได้เตะหวังจงมา 3 เดือนเต็มๆ แล้ว นี่คือสัมผัสที่หวังจงถวิลหาเหลือเกิน… ไม่มีอะไรจะดีงามเช่นนี้อีกแล้ว”

หลินเป่ยเฉินได้แต่ชักสีหน้าด้วยความฉุนเฉียว “เจ้าเห็นข้าเป็นเพื่อนเล่นเจ้าหรืออย่างไร?”

พ่อบ้านชราตัวสั่นเทาขึ้นมาจริงๆ

ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว

“มีอะไรรีบพูดมา”

หลินเป่ยเฉินคำรามเสียงห้วน

หวังจงกลับมาได้สติอีกครั้ง ใช้มือนวดบั้นท้ายของตนเองพร้อมกับรายงานว่า “นายน้อย กำลังจะคลอดแล้วขอรับ กำลังจะคลอดแล้ว…”

หลินเป่ยเฉินชะงักกึก “ข้าเป็นบุรุษ จะคลอดลูกได้อย่างไร?”

หวังจงเบิกตาโตด้วยความไม่เข้าใจ

ถึงเขาจะอยู่รับใช้นายน้อยมาเป็นเวลาหลายปี แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าใจการทำงานของสมองนายน้อยได้อยู่ดี พ่อบ้านชราจึงต้องรีบอธิบายว่า “หมายถึงอาฮัวขอรับ อาฮัวของท่านกำลังจะคลอดลูกแล้ว…”

“แล้วใครคืออาฮัวอีกล่ะเนี่ย?”

หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

แววตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง

หรือว่าก่อนหน้านี้ หลินเป่ยเฉินตัวจริงก่อนตายได้เคยทำสตรีที่ชื่อว่าอาฮัวตั้งครรภ์?

หวังจงรีบประสานมือรายงานว่า “หมายถึงหมาป่าน้ำแข็งที่เป็นสัตว์เลี้ยงของนายน้อยขอรับ ช่วงระหว่างที่นายท่านหมดสติไม่รู้ตัว อากวงมาสอนหนังสือมันทุกวัน และตั้งชื่อมันว่าอาฮัว…”

หลินเป่ยเฉินกะพริบตาปริบๆ

“งั้นก็ให้มันคลอดลูกไปสิ”

เด็กหนุ่มรู้สึกเหนื่อยใจ

หวังจงพูดเสียงเครียด “แต่มันคลอดไม่ได้ขอรับ สงสัยก่อนหน้านี้ ข้าคงนำหนวดปลาหมึกเส้นนั้นมาทำอาหารให้มันกินมากเกินไป ลูกๆ ในท้องของมันจึงตัวใหญ่ผิดปกติ… บัดนี้ อาฮัวมีอาการตกเลือดแล้วขอรับ”

“งั้นเจ้าก็ไปตามหมอตำแยมาซะ”

หลินเป่ยเฉินยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกปวดหัว “เจ้าคิดว่าข้าจะทำคลอดได้หรือไง”

หวังจงก้มหน้าต่ำ “หมอตำแยก็ไม่เคยทำคลอดหมาป่าน้ำแข็งมาก่อนขอรับ เรามีแต่ต้องตามตัวแพทย์รักษาสัตว์เท่านั้น…”

“งั้นก็ไปตามตัวเขามา”

หลินเป่ยเฉินไม่เข้าใจเลยว่าเรื่องแค่นี้ทำไมหวังจงถึงต้องมาบอกเขาด้วย

เพียงเรื่องเกี่ยวกับทำคลอดหมาป่าน้ำแข็งตัวเดียว ตัดสินใจเองไม่ได้หรือไง?

เมื่อหวังจงได้ยินดังนั้น เขาก็รีบหมุนตัววิ่งออกไปตามหาแพทย์รักษาสัตว์ทันที

หลังจากนั้นไม่นาน หยางเฉินโจวกับหลู่หลิงโจวผู้เป็นภรรยาก็เดินทางมาถึง

“ว่าไง ท่านพี่หยาง”

หลินเป่ยเฉินต้อนรับด้วยรอยยิ้มจริงใจ

เฉียนเหมยกับเฉียนเจินอดไม่ได้ต้องยกมือขาวเนียนของตนเองปิดบังใบหน้า

ก่อนหน้านี้ หลินเป่ยเฉินยังก่นด่าหยางเฉินโจวเหมือนไม่ใช่มนุษย์ผู้หนึ่งอยู่เลย

ในยามนี้ หยางเฉินโจวดูมีความร้อนรนมากยิ่งกว่าหวังจงเสียอีก

เขาพยักหน้าทักทายหลินเป่ยเฉินพอเป็นพิธี ก่อนจะวิ่งไปที่สนามหญ้าข้างตำหนักไม้ไผ่ราวสายลมวูบหนึ่ง และเริ่มต้นทำคลอดให้แก่หมาป่าน้ำแข็งตัวนั้น

หลินเป่ยเฉินเดินตามไปดูด้วยความพิศวง

เขานึกว่าอาชีพแพทย์รักษาสัตว์เป็นเพียงงานบังหน้าที่หยางเฉินโจวใช้หลอกลวงผู้อื่นเท่านั้น แต่ที่ไหนได้ หยางเฉินโจวกลับมีความสามารถรักษาสัตว์ได้จริงๆ หรือนี่?

หลังจากนั้นไม่นาน หยางเฉินโจวก็หันมาถามหลินเป่ยเฉินด้วยคำถามที่ทำเอาตัวเย็นเฉียบในฉับพลัน

“เจ้าจะเลือกช่วยชีวิตแม่หรือช่วยชีวิตลูก?”

ชายหนุ่มจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยแววตาต้องการคำตอบด่วนที่สุด

“หา?”

หลินเป่ยเฉินตั้งตัวไม่ทัน

นี่มัน… คำถามในละครหลังข่าวหรือไม่ก็พวกนิยายน้ำเน่าไม่ใช่หรือไง?

“หมาป่าน้ำแข็งตัวนี้อาการหนักมากเกินไป เจ้าสามารถเลือกที่จะช่วยได้แค่ตัวเดียวเท่านั้น”

หยางเฉินโจวพูดต่อ “มันเป็นสัตว์เลี้ยงของเจ้า รีบตัดสินใจเร็วเข้า จะให้ช่วยแม่หรือช่วยลูก?”

แม่งเอ๊ย

หลินเป่ยเฉินคิดไม่ถึงเลยว่าตนเองอุตส่าห์ทะลุมิติมาอยู่ในโลกแห่งวรยุทธ์ขนาดนี้ ก็ยังหนีคำถามโลกแตกเช่นนี้ไม่พ้นอยู่ดี

เด็กหนุ่มพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว

เขาไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจที่จะพบเจอสถานการณ์นี้

หลินเป่ยเฉินหันไปจ้องมองเจ้าหมาป่าน้ำแข็งที่นอนจมอยู่ในกองเลือด

มันผงกหัวขึ้นมาเล็กน้อย แววตาบอกถึงความเป็นสัตว์ที่มีสติปัญญา

ยามจ้องมองมาที่หลินเป่ยเฉิน แววตาคู่นั้นก็สามารถสื่อสารความหมายได้ทำนองว่า…

ท่านจะมามองข้าหาพระแสงอะไร เรื่องนี้ท่านต้องเป็นคนตัดสินใจนะ!