ส่วนที่ 4 ตอนที่ 239 ลุ่มหลง

ความลับแห่งจินเหลียน

เธอนำหินหยกก้อนสีขาวใส่ไว้ในกระเป๋าของตัวเอง เมื่อคิดถึงเงินที่ให้หนิงชุ่ยฉินไปนั้น นี่มันก็น้อยเกินไปหรือเปล่า? แม้แสงสะท้อนจากพระอาทิตย์ขึ้นจะเทียบไม่ได้กับสี่สีที่เผยให้เห็นในก้อนนั้น แต่ถ้าเจียรไปทำเป็นจี้ก็เป็นสมบัติที่เงินทองซื้อไม่ได้เหมือนกัน อีกทั้งก็ไม่ใช่ว่ามีแค่เงินสองล้านก็ซื้อได้

 

 

ซีเหมินจินเหลียนใช้เสื้อตัวใหญ่คลุมร่างเอาไว้และนั่งเหม่อลอยอยู่บนโซฟา จนกระทั่งจ่านป๋ายกลับมา เสียงเปิดประตูก็ช่วยเรียกสติของซีเหมินจินเหลียนให้กลับมา

 

 

“จินเหลียน ทำไมคุณยังไม่นอนอีกครับ?” จ่านป๋ายเห็นซีเหมินจินเหลียนขดตัวอยู่บนโซฟาจึงรีบถามขึ้น “เป็นอะไรไป ไม่สบายเหรอ?”

 

 

“ฉันรอคุณน่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด “เป็นยังไงบ้าง”

 

 

“เกรงว่าจะไม่เป็นไปตามที่คุณหวังไว้” จ่านป๋ายพูดพร้อมฝืนยิ้มออกมา

 

 

“เกิดอะไรขึ้น หรือคุณทำพลาดเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนค่อนข้างแปลกใจ

 

 

“ฝีมือผมไม่ได้ตกจนถึงขนาดนั้นสักหน่อยนะ” จ่านป๋ายส่ายศีรษะพูด “คุณอย่าเอาแต่ทับถมคนอื่นสิ รับมือกับคนธรรมดาแค่สองคน ผมมีหรือจะพลาด?”

 

 

“ฉันทับถมคุณเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนถลึงตาใส่ไม่รู้ไม่ชี้ ฟ้าดินเป็นพยานได้ว่าเธอไม่เคยทับถมคนอื่น อย่างไรเสียนี่ก็เป็นเรื่องของเธอเอง

 

 

“ท่าทางของคุณดูเหมือนอย่างนั้นนี่น่า” จ่านป๋ายนั่งลงข้างๆ เธอ แล้วถอนหายใจพูดขึ้น “สองแม่ลูกไม่ได้พูดอะไร เพราะอย่างนั้น…” จ่านป๋ายปัดมืออย่างหมดอารมณ์

 

 

“ไม่พูดอะไรสักประโยคเลยเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วถาม “ผิดปกติแฮะ”

 

 

“ก็มีพูดบ้างนะ” จ่านป๋ายยิ้ม “หลังจากที่หนิงชุ่ยฉินกลับถึงบ้าน ประโยคแรกคุณแม่หนิงก็ถามเธอว่า ‘กลับมาแล้วเหรอ เอาของให้เธอแล้วหรือยัง’ จากนั้นหนิงชุ่ยฉินก็ตอบว่า ‘ให้แล้ว หนูให้กับมือเธอเลย แม่วางใจได้’ ”

 

 

“แค่นี้?” ซีเหมินจินเหลียนแปลกใจ

 

 

“จากนั้นหนิงชุ่ยฉินก็ให้เช็คเงินสดสองล้านกับแม่ของเธอ” จ่านป๋ายพูด “คุณแม่หนิงบอกว่าไม่สมควรรับเงินมา หลังจากนั้นพวกเขาก็พูดคุยกันถึงเรื่องในครอบครัวตามปกติและแยกย้ายกันไปนอน แต่ถ้าหลังจากนั้นพวกเขาทั้งสองละเมออะไร ผมก็ไม่รู้เรื่องแล้ว!”

 

 

“พอเถอะ คุณไปนอนได้แล้ว ฉันก็รู้อยู่แล้วว่าคุณมันไม่ได้เรื่อง!” ซีเหมินจินเหลียนโบกมือไปมา

 

 

“หยกก้อนนั้นลักษณะเป็นยังไงครับ?” จ่านป๋ายเขยิบเข้าใกล้เธอ

 

 

“ฉันไม่รู้” ซีเหมินจินเหลียนหมดอารมณ์จะพูด

 

 

“บอกผมหน่อยน่า!” จ่านป๋ายพูด “ผมยังไม่เคยเห็นผิวหินหยกที่ไหนสวยงามเท่านี้มาก่อนเลย”

 

 

“ผิวหินสวยแล้วมีประโยชน์อะไรกัน?” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ผิวหินสวยก็ไม่เห็นจะขายได้”

 

 

“ถ้าอย่างนั้นคุณให้ราคาสูงไปทำไมล่ะ?” จ่านป๋ายไม่เข้าใจ

 

 

“ตอนที่ให้เงิน ฉันยังไม่ได้ดู” ซีเหมินจินเหลียนพูด ในใจก็ตระหนักว่าหากได้ดูแล้ว เธอคงให้ราคาสูงกว่านี้แน่ เพราะปกติเธอไม่ได้เป็นคนชอบเอาเปรียบใครและไม่อยากติดค้างหนี้ใคร

 

 

“หินหยกก้อนนี้ได้ยินว่าเป็นหินหยกที่หลี่ซานทิ้งเอาไว้ให้” จ่านป๋ายขมวดคิ้วพูด “คนคนนี้ ตอนนั้นคงหวาดกลัวอวิ๋นอวิ้นมาก ของที่เขาเหลือไว้เกรงว่าคงไม่ธรรมดา”

 

 

“ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้คนคนนั้นเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจออกมา “ทำไมต้องเดิมพันชีวิตด้วย?”

 

 

“คุณไม่เคยเดิมพันมาก่อนอย่างนั้นสิ?” จ่านป๋ายส่ายหน้าพูด

 

 

“ต่อไปคงไม่ทำอีกแล้ว ฉันยังเป็นคนรักตัวกลัวตายนะ!” ซีเหมินจินเหลียนพูด

 

 

“จริงสิ เมื่อกี้ตอนที่หนิงชุ่ยฉินอยู่ ผมก็ลืมบอกคุณ…” จ่านป๋ายพูด “เกิดเรื่องกับเลี่ยวก่วงแล้ว”

 

 

“เลี่ยวก่วง?” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วเป็นปม “ตำรวจอาชญากรรมคนนั้นน่ะเหรอ?”

 

 

“เขาล้มพับอยู่ในลิฟต์” จ่านป๋ายพูดเสียงเบา “หมอมองโกลไปดูแล้วบอกว่าเป็นพิษงู…หน้านี้จะมีงูมาจากไหนกัน?”

 

 

ลุงงู? ซีเหมินจินเหลียนบ่นพึมพำอยู่ในใจ แต่ก็พูดต่อ “เขายังไม่ตายใช่ไหม”

 

 

“เขายังไม่ตายครับ” จ่านป๋ายพูด “ไม่รู้ว่าหมอมองโกลคนนั้นลงมือไปอีกหรือเปล่า ถ้าเขาลงมือเกรงว่าตำรวจอาชญากรรมเก้าชีวิตคนนี้คงจะไม่รอดแล้ว”

 

 

“ไม่ต้องสนใจเขาหรอก พรุ่งนี้พวกเราก็จะไปพม่าแล้ว” ซีเหมินจินเหลียนพูด ขอแค่รู้ว่าลุงงูยังปลอดภัย ส่วนเลี่ยวก่วงคนนั้นจะเป็นหรือตายมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ ถ้าพูดให้ไม่น่าฟังก็คือตั้งแต่ที่เลี่ยวก่วงแอบย่องเข้ามารื้อค้นของของเธอในห้อง ก็เห็นแล้วว่าเขาทำเกินไป

 

 

“ตอนกลับมายังจะผ่านทางเจียหยางอีกไหมครับ” จ่านป๋ายถาม

 

 

“ทำไมเหรอ” ซีเหมินจินเหลียนไม่เข้าใจ ขากลับถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องผ่านเจียหยางแล้ว ความจริงขากลับเธออยากไปแวะที่ผิงโจวมากกว่า

 

 

“ด่านตรวจที่พม่าค่อนข้างเข้มงวด ดูเหมือนว่าแม้แต่โน้ตบุ๊คยังเอาไปไม่ได้” จ่านป๋ายพูด “เลยได้แต่เก็บไว้ในโรงแรม”

 

 

“วันนี้สมองคุณมีปัญหาหรือยังไงกัน?” ซีเหมินจินเหลียนชี้ไปที่สมองของเขา “คุณก็แค่ส่งโน้ตบุ๊คกลับไปจากที่นี่ ขากลับพวกเราอยากจะไปที่ไหนก็ไม่ต่างกันแล้ว”

 

 

“อืม ที่คุณพูดมาก็ถูก” จ่านป๋ายพยักหน้าพูด “ช่วงนี้ผมเลอะเลือนไปหน่อยจริงๆ ใครๆ ก็บอกว่า…” พูดถึงเท่านี้เขาก็แกล้งหยุดพูด

 

 

“บอกว่าอะไร?” ซีเหมินจินเหลียนถามต่ออย่างใสซื่อ

 

 

“ความงามทำให้คนเลอะเลือน!” ตอนที่จ่านป๋ายพูดประโยคนี้ออกมา เขาก็รีบดีดตัวหนีไปให้ไกลจากซีเหมินจินเหลียน

 

 

ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้ลุกขึ้นมาไล่ตีเขา แต่กลับนั่งเหม่อลอยอยู่นาน ก่อนจะพูดขึ้น “ที่คุณพูดมาก็ถูก เดิมพันหิน…คำว่าความงามก็ไม่รู้ว่าทำร้ายคนตั้งเท่าไหร่แล้ว หลี่ซานคนนั้นก็น่าจะเหมือนกันสินะ? ถ้าเขาไม่เดิมพันชีวิต หาเงินเล็กๆ น้อยๆ พอหาเลี้ยงลำแข้งก็ได้แล้ว ทำไมสุดท้ายต้องเอาชีวิตไปพัวพันด้วย? ส่วนพ่อของหนิงชุ่ยฉินก็เหมือนกัน…”

 

 

“เรื่องนี้พวกเราก็รู้” จ่านป๋ายก็เหมือนกัน ได้ยินแล้วถอนหายใจไม่หยุด

 

 

“คุณจัดการเรื่องไปพม่าเรียบร้อยแล้วใช่ไหม” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างไม่วางใจอีกครั้ง

 

 

 “ครับ” จ่านป๋ายพยักหน้า

 

 

จากนั้นพวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก หลังจากเที่ยงวันถัดไป ซีเหมินจินเหลียนและคนอื่นๆ ก็ทำเรื่องเช็คเอ้าท์และตามเจียหยวนฮวาไปพม่า เดิมทีซีเหมินจินเหลียนคิดจะจ้างคนที่เจียหยางให้ไปเป็นเพื่อนเธอ จะได้ไม่เหมือนในตอนแรกที่เธอไม่รู้จักใครเลย คลำหาทางที่ไหนก็ไม่เจอ

 

 

เสี่ยวซื่อที่มาตามตื้ออยู่เมื่อวาน คิดไม่ถึงว่าเขาจะมาหาเธอที่โรงแรมอีกครั้งและตามเกาะติดซีเหมินจินเหลียนให้เธอเป็นอาจารย์อยู่ไม่ปล่อย

 

 

ซีเหมินจินเหลียนกลัดกลุ้มใจไม่หยุด สุดท้ายจึงต้องให้เจียหยวนฮวาออกหน้ามาช่วยแก้ไขปัญหา หลังจากนี้ครึ่งเดือนให้เสี่ยวสื่อไปหาซีเหมินจินเหลียนที่เซี่ยงไฮ้และค่อยไปเจรจาเรื่องให้เธอเป็นอาจารย์อีกครั้ง เลยเกลี้ยกล่อมเขากลับไปได้

 

 

เมื่อถึงเมืองย่างกุ้งของพม่า ท้องฟ้าก็มืดค่ำลงแล้ว ในยามที่พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า เจดีย์ชเวดากองพลันส่องแสงระยิบระยับ พม่าเหมือนกับอินเดียที่นับถือศาสนาพุทธ เพราะฉะนั้นในประเทศจึงมีวัดวาอารามนับไม่ถ้วน อีกทั้งได้ยินมาว่าพระสงฆ์มีฐานะสูงกว่าชาวบ้านธรรมดาอีกระดับหนึ่ง

 

 

ในใจของซีเหมินจินเหลียนจู่ๆ ก็มีภาพหินปิดฟ้าของเทพธิดาหนี่วาโผล่เข้ามาทันที ไม่เพียงแต่สลดใจ ศาสนาพุทธ…มันไม่ได้มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน!

 

 

เนื่องจากจ่านป๋ายเป็นคนจัดการเรื่องวีซ่า ทำให้ไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น เพราะพม่าค่อนข้างต้อนรับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี

 

 

ภายใต้การนำทางของเจียหยวนฮวา ทั้งสามก็มาพักที่โรงแรมระดับสี่ดาว จากที่เจียหยวนฮวาแนะนำ โรงแรมนี้เป็นของคนเชื้อสายจีนมาเปิด และที่นี่กลายเป็นโรงแรมสำหรับคนจีนเวลามาเดิมพันหินที่พม่า นักธุรกิจหยกหลากหลายที่ต่างมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ บวกกับเรื่องงานประมูลหินหยกใต้ดินที่พม่าที่จัดอยู่บนถนนนี้ไม่ไกล ดังนั้นธุรกิจโรงแรมแห่งนี้เฟื่องฟูและรับทรัพย์ไม่หยุด…