ตอนที่ 624
ขัดขวาง
“……ยอดเลย ศิษย์ของท่านฝีมือดีจริงๆ”หานหลิวเจ้าสำนักกิ่งจันทร์รำพึงออกมาขณะรับชมการประลองอยู่ข้างๆหลินเฟย หลังจากเอาชนะศิษย์ของสำนักหมู่ดาวแล้ว หนี่หลิงหนานยังเอาชนะศิษย์ของสำนักกิ่งจันทร์ได้อีกต่างหาก แม้จะไม่ใช่ศิษย์เอกแต่หานหลิวก็ทราบว่าหนี่หลิงหนานพึ่งเข้าสำนักได้ไม่นานแต่วิชาที่แสดงออกมากลับยอดเยี่ยมมากจนศิษย์ของตนเองยังรับมือไม่ได้ เรียกว่าน่าประหลาดใจไม่น้อยเลย
“ท่านเจ้าสำนักกล่าวหนักไปแล้ว หากต้องเจอศิษย์เอกของท่านข้าก็ยังไม่มั่นใจว่านางจะชนะได้”หลินเฟยยิ้มบางๆออกมาด้วยท่าทีพึงพอใจ การประลองรอบแรกๆเป็นไปตามที่หลินเฟยคาดเดาเอาไว้ไม่มีผิด ศิษย์สำนักเหยี่ยวทะเลทรายสามารถเอาชนะได้ไม่ยาก แถมแต่ละคนยังเอาชนะต่อกันมาเรื่อยๆจนจะเข้ารอบจริงกันหมดอยู่แล้ว
“แต่ท่านก็ไม่แน่ใจว่านางจะแพ้ใช่หรือไม่ขอรับ”หานหลิวยิ้มออกมาด้วยท่าทีพึงพอใจ หลังจากนี้มันจะฝากตัวบุตรสาวเข้าร่วมสำนักของหลินเฟย การได้เห็นว่าศิษย์สตรีของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายมีความสามารถเช่นนี้ทำให้มันมั่นใจในตัวหลินเฟยมากขึ้นไปอีก แม้จะเริ่มกังวลแล้วว่าในงานวิจารณ์กระบี่ตำแหน่งของสำนักตัวเองอาจจะสั่นคลอนได้ แต่นั่นก็ต้องขึ้นอยู่กับฝีมือของสำนักตนด้วย
.
.
“นี่มันอะไรกัน ศิษย์สตรีพวกนั้นทำไมถึงเอาชนะศิษย์ของพวกเราได้กัน”ในอีกมุมหนึ่ง กลุ่มเจ้าสำนักอื่นๆที่ไม่ได้เห็นด้วยกับการรับศิษย์หญิงเข้าสำนักก็พากันมองการประลองด้วยสายตาประหลาดใจปนไม่พอใจนัก ยามนี้ศิษย์ของสำนักเหยี่ยวทะเลทราย 7 คนเข้ารอบมาแล้วถึง 6 คน แถมคนที่ตกรอบไปยังเป็นการพบกันเองของคนในสำนักเหยี่ยวทะเลทรายอีกต่างหาก และที่โดดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้นหนี่หลิงหนาน กระบวนท่าอันดุดันของนางนั้นสร้างความประหลาดใจให้กับเหล่าคนของสำนักต่างๆมาก แม้แต่ศิษย์ที่พลังเหนือกว่านางก็ยังพ่ายแพ้ในเชิงกระบวนท่า การกระทำเช่นนี้ของนางราวกับกำลังประกาศว่ากระบี่ของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายคือกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดไม่มีผิด
“แปลกมาก ทำไมพวกนางถึงได้มีวิชาหลากหลายเช่นนี้ แล้ววิชาดั้งเดิมของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายไปไหนกัน”ชายผู้หนึ่งถามด้วยท่าทีประหลาดใจ วิชาของเหล่าศิษย์สำนักเหยี่ยวทะเลทรายนั้นแต่เดิมไม่ใช่สิ่งที่พวกนางใช้ตอนนี้เลย แถมกระบวนท่าใหม่ทั้งมดยังร้ายกาจจนทำเอาศิษย์ของสำนักต่างๆงงเป็นไก่ตาแตกสร้างความฮือฮาให้แก่การประลองได้อย่างเหลือเฟือ
“หรือว่าเจ้าสำนักคนใหม่นั่นจะเก่งกาจถึงขนาดฝึกฝนศิษย์ได้ยอดเยี่ยมเช่นนี้กัน”ชายคนหนึ่งถามออกมาด้วยท่าทีไม่อยากจะเชื่อ แต่หลักฐานที่เห็นตรงหน้าก็ทำให้ปฏิเสธไม่ได้ว่าศิษย์ของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายนั้นแข็งแกร่งจริงๆ
“ไม่ใช่หรอก เจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายกำลังเอาเปรียบพวกเราต่างหาก”อยู่ๆเสียงของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นภายในวงสนทนา เสียงนั่นดังมาจากชายที่สวมเครื่องแบบของสำนักหมู่ดาวอยู่นั่นเอง
“เอาเปรียบ ท่านหมายความว่าอย่างไรหรือ”ชายคนหนึ่งในกลุ่มถามด้วยท่าทีสนใจ หรือว่าจริงๆแล้วหลินเฟยใช้วิธีคดโกงอะไรทำให้พวกนางชนะกัน
“พวกท่านต่างก็ทราบกันดีว่าการประลองในสนามแห่งนี้พวกเราจะส่งศิษย์ระดับรองลงสนาม แต่เจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายกลับส่งศิษย์เอกของเจ้าสำนักถึง 2 คนลงประลอง แบบนั้นไม่เท่ากับเอาเปรียบสำนักอื่นงั้นหรือ”ชายจากสำนักหมู่ดาวว่าพลางมองไปทางสนามประลองที่หนี่หลิงหนานกำลังประลองกับคนของสำนักเกราะทองอย่างดุเดือด ความจริงแล้วสำนักต่างๆไม่ได้มีกฎเสียหน่อยว่าห้ามส่งศิษย์เอกลงประลอง แถมสำนักเกราะทองที่เป็นเจ้าภาพยังสนใจผลแพ้ชนะของสนามประลองนี้มากกว่างานวิจารณ์กระบี่เสียอีกทำให้สำนักเกราะทองส่งศิษย์เอกลงเช่นกัน แต่เรื่องนั้นไม่มีใครเอามาพูดถึง
“มิน่าล่ะ พวกนางเป็นศิษย์เอกนี่เอง หึ….สำนักเหยี่ยวทะเลทรายระดับศิษย์เอกยังทำได้เพียงสู้กับศิษย์ระดับรองของพวกเรา ช่างน่าขายหน้าจริงๆ”พอได้ยินว่าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายส่งศิษย์เอกลงประลอง ผลการพูดคุยก็เปลี่ยนไปทันที จากเรื่องที่ตกตะลึงกับความเก่งกาจของเหล่าศิษย์หญิง กลายเป็นข่าวลือที่ว่าจริงๆแล้วศิษย์หญิงเหล่านี้คือศิษย์ที่ติดตามหลินเฟยมาตั้งแต่แรก แล้วหลินเฟยก็เอาพวกนางมาเข้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายหลังจากหลินเฟยเข้ามาเป็นเจ้าสำนัก ทำให้ไม่มีใครคิดเลยว่าหนี่หลิงหนานพึ่งฝึกได้ไม่นานเท่านั้น กลับคิดกันเอาว่าจริงๆแล้วพวกนางนั้นต่างเป็นศิษย์ที่ฝึกฝนมาอย่างหนักไม่ต่างจากศิษย์เอกคนอื่นของสำนักต่างๆ แต่เพราะเป็นหญิงก็เลยอยู่เพียงระดับเดียวกับศิษย์ระดับรองของสำนักอื่นๆเท่านั้น
.
.
“ห่าวเหมินเจ้าคิดว่าไง”ในขณะที่สำนักอื่นกำลังคิดเข้าข้างตัวเองอยู่นั้น เจ้าสำนักเกราะทองก็เอ่ยปากถามศิษย์เอกของตนด้วยท่าทีสงสัย พวกหนี่หลิงหนานมีวิชาแปลกประหลาดน่าตกใจแม้แต่เจ้าสำนักเองยังไม่มั่นใจว่าศิษย์เอกของตนจะชนะได้หรือไม่
“ข้ามองกระบวนท่าของนางออกแล้วขอรับ หากเจอนางในรอบชิงข้าไม่แพ้แน่”ศิษย์เอกของสำนักเกราะทองห่าวเหมินว่าพลางจ้องมองหนี่หลิงหนานนิ่ง ในสายตาของมันศิษย์คนอื่นของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายนั้นคงไม่แข็งแกร่งเท่าหนี่หลิงหนาน แถมตารางการแข่งขันกว่าพวกนางที่อยู่อีกสายจะมาประลองกับห่าวเหมินได้ก็ต้องเป็นรอบสุดท้ายเลยทีเดียว หรือก็คือในกลุ่มพวกนางหากสามารถฟันฝ่ามาถึงตัวมันได้ก็จะเหลือเพียงคนเดียวเท่านั้น และคนที่ห่าวเหมินคิดว่าจะชนะก็คงเป็นหนี่หลิงหนานผู้นี้แน่ๆ แม้อาจจะดูเหมือนเข้าข้างไปหน่อย แต่ด้วยการประเมินของห่าวเหมินแล้วนางเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสายประลองนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
“นางแข็งแกร่งกว่าที่คิดมาก หรือจะเป็นความผิดของข้าที่ไม่รับนางมาตั้งแต่แรก”เจ้าสำนักเกราะทองว่าพลางจ้องมองหนี่หลิงหนานด้วยท่าทางเสียดาย ไม่นึกเลยว่ายัยหนูที่มาคุกเข่าหน้าสำนักเมื่อวันนั้นจะแข็งแกร่งขึ้นได้ขนาดนี้
“ไม่หรอกขอรับ ยังไงนางก็สู้ข้าไม่ได้อยู่ดี”ห่าวเหมินพูดด้วยท่าทีมั่นใจ สำนักเกราะทองไม่จำเป็นต้องรับศิษย์สตรีที่อ่อนแอเข้ามาเลย เรื่องนั้นไม่มีใครเปลี่ยนแปลงมันได้หรอก
.
.
“งามหน้านัก พวกเจ้าแพ้กลับมาหมดแบบนี้ชื่อเสียงสำนักเราคงย่ำแย่หมดกันพอดี”เสียงต่อว่าและตำหนิดังออกมาจากที่พักของสำนักหมู่ดาวเสียดังสนั่นจนคนข้างนอกยังได้ยิน แต่เมื่อทราบผลการประลองของวันนี้ก็ไม่มีใครแปลกใจเลยที่สำนักหมู่ดาวจะโมโหเพราะศิษย์สำนักหมู่ดาวแพ้ตกรอบตั้งแต่การประลองรอบคัดเลือกไม่ทันได้เข้ารอบจริงเสียด้วยซ้ำ แม้จะเป็นเพียงการประลองเพื่อดูเชิงสำนักอื่นๆแต่การแพ้หมดแบบนี้ก็น่าอับอายเช่นกัน
“โชคดีที่เจ้าพวกนั้นส่งศิษย์เอกลงประลอง ข้าเลยพูดกู้ชื่อเสียงกลับมาได้บ้าง แต่แบบนี้มันก็รับไม่ได้จริงๆ”คนของสำนักหมู่ดาวคนหนึ่งพูดด้วยท่าทีไม่พอใจนัก ตัวมันคือคนที่เข้าไปพูดท่ามกลางกลุ่มสำนักต่างๆนั่นเอง
“แต่ทำไมพวกมันต้องส่งศิษย์เอกลงประลองด้วย แทนที่จะเก็บเอาไว้ประลองในงานวิจารณ์กระบี่”คนของสำนักหมู่ดาวคนหนึ่งถามด้วยท่าทีสงสัย การส่งศิษย์เอกลงประลองทำให้ชนะได้ก็จริง แต่ก็ทำให้คนอื่นๆได้เห็นวิชาของศิษย์ไปด้วย
“พวกมันต้องการงานไงล่ะ”อาวุโสของสำนักหมู่ดาวตอบ เพราะสำนักหมู่ดาวอยู่ในเมืองหลวงเช่นกันทำให้ทราบว่าสถานการณ์ของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายเป็นเช่นไร และเรื่องที่ไม่มีใครจ้างศิษย์หญิงของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายนั้นพวกมันก็ทราบเช่นกัน
“อะไรกัน พวกมันลงทุนขนาดนี้เพราะต้องการให้มีคนยอมจ้างศิษย์หญิงเนี่ยนะ”ชายหน้าหวานผู้เป็นหนึ่งในศิษย์เอกของสำนักหมู่ดาวพูดด้วยท่าทีไม่เข้าใจ ทำไมต้องทำถึงขนาดนั้นด้วย
“พวกมันคงไม่หวังชนะในงานวิจารณ์กระบี่แล้วก็ได้ ถึงลำดับสำนักจะลดแต่ถ้ายังสามารถรับจ้างได้อยู่ก็ยังหารายได้ต่อไปไม่ยาก”อาวุโสตอบตามความเห็นของตน อย่างสำนักเกราะทองเองก็มีรายได้มากกว่าสำนักลำดับสูงกว่าตนเองเสียอีกเพราะมีทั้งงานว่าจ้างและงานประลองที่สามารถทำเงินได้
“บ้าเอ้ย พวกเราดันปล่อยให้พวกมันผ่านไปได้เฉยๆ น่าเจ็บใจจริงๆ”พอทราบสาเหตุที่แท้จริงของหลินเฟยคนของสำนักหมู่ดาวก็เกิดท่าทีไม่พอใจทันที แบบนี้ก็เท่ากับว่าพวกมันจะได้สำเร็จตามแผนทันทีที่การประลองรอบจริงเริ่มนะสิ ต่อให้ไม่ได้ชนะเลิศแต่หากแสดงฝีมือให้ผู้เข้าชมเห็นได้ก็ย่อมต้องมีคนว่าจ้างอย่างแน่นอน
“ไม่หรอก ตอนนี้ยังไม่สาย”ศิษย์เอกของสำนักหมู่ดาวพูดพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีโฉดชั่วราวกับโจรป่ากำลังสวมเครื่องแบบสำนักไม่มีผิด
“ศิษย์พี่ ท่านหมายความว่าอย่างไรหรือ”ชายร่างใหญ่ที่พึ่งพ่ายแพ้ให้กับหนี่หลิงหนานไปในรอบแรกถาม ตอนนี้พวกมันราวกับตัวตลกที่แพ้ให้กับผู้หญิง หากมีทางเอาคืนพวกมันก็ยินดี
“ก็ไปทำให้มันบาดเจ็บก่อนขึ้นประลองรอบจริงก็เท่านั้นเอง พอการประลองเริ่มพวกมันจะได้แสดงความอ่อนแอให้ผู้ชมได้เห็น เท่านี้ก็ไม่มีใครจ้างพวกมันแล้ว”ศิษย์เอกของสำนักหมู่ดาวยิ้มกว้างด้วยท่าทีน่ากลัว แต่เหล่าศิษย์ร่วมสำนักกลับยิ้มตามด้วยท่าทีเห็นด้วยเสียอย่างนั้น
“เช่นนั้นข้าจะเป็นคนลงมือเอง”ชายหน้าหวานของสำนักหมู่ดาวยิ้มออกมาด้วยท่าทีชอบใจก่อนจะเสนอตัวเข้าทำงาน ในกลุ่มศิษย์เอกของสำนักหมู่ดาวนั้นทุกคนล้วนเก่งกาจพอที่จะจัดการพวกหนี่หลิงหนานได้สบาย
.
.
“แย่จังเลย ในสำนักไม่มีที่ให้พวกเราอาบน้ำเลย สำนักที่มีแต่ผู้ชายมันไม่ดีแบบนี้นี่เอง”หลังจบการประลองภายในสำนัก พวกหนี่หลิงหนานที่เป็นศิษย์หญิงได้ขอตัวไปอาบน้ำกันที่บ้านของหนี่หลิงหนานแทนเพราะภายในสำนักเกราะทองตอนนี้มีแต่ผู้ชายเต็มไปหมดแถมสถานที่ลับตาพอจะใช้อาบน้ำได้ก็ไม่มี ทำให้พวกนางที่ประลองกันมาจนร่างกายมีแต่เหงื่อก็ย่อมต้องอยากไปชำระล้างร่างกายให้สดชื่นเสียหน่อยอยู่แล้ว
“โชคยังดีที่บ้านของศิษย์พี่หลิงหนานอยู่ที่เมืองนี้ด้วย ไม่อย่างนั้นพวกเราต้องแย่แน่ๆ”ศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งพูดพลางถอนหายใจออกมาด้วยท่าทีโล่งอก
ฉึก…..
ยังไม่ทันไปถึงบ้านของหนี่หลิงหนาน มีดสั้นเล่มหนึ่งก็ถูกปาลงมาเบื้องหน้าของพวกนางเพื่อขวางทางเอาไว้ แม้แต่ชายหน้าหวานเองก็ยังไม่คิดเลยว่าพวกนางจะหาโอกาสให้ได้เหมาะเจาะเช่นนี้ ที่นี่อยู่นอกสำนักเกราะทองไม่มีคนของสำนักต่างๆดูอยู่แม้แต่คนเดียว หางลงมือตอนนี้ย่อมไม่มีใครรู้เห็นเป็นแน่
“เจ้าเป็นใคร”หนี่หลิงหนานหันไปมองชายหน้าหวานผู้เป็นคนปามีดเข้ามาขวางเอาไว้ อีกฝ่ายไม่มีวิชาปกปิดพลังวิญญาณเห็นได้ชัดเลยว่าแข็งแกร่งกว่าพวกนางมาก
“ข้ามีนามว่าอาทู้ ข้ามีธุระต้องสะสางกับพวกเจ้า”อาทู้พูดพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีพึงพอใจ ก่อนจะเดินเข้าไปหาเหล่าศิษย์ของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายด้วยท่าทางน่าสงสัย…