เรื่องที่ ‘หลินหว่าน’ กลับมาแล้วเล่าลือกันออกไป จนถึงหูของอินเสี่ยวเสี่ยวที่กำลังถ่ายละครซีรีย์อยู่พอดี
ตัวต้นเรื่องยังเป็นอันเสี่ยวเซียวที่โทรศัพท์ไปบอกอินเสี่ยวเสี่ยวเอง
ในสาย อันเสี่ยวเซียวบอกว่า ผู้หญิงที่เซียวจิ่งสือรักมากที่สุดกลับมาแล้ว เขารักตามใจเธอมากกว่าเมื่อก่อนซะอีก
เธอยังบอกอีกว่า ตัวสำรองอย่างเธออย่าไงไรแล้วก็เป็นแค่ตัวสำรองอยู่วันยังค่ำ เซียวจิ่งสือทิ้งเธอไปมันเป็นเรื่องช้าหรือเร็วเท่านั้น
อินเสี่ยวเสี่ยวได้ฟังแล้วรู้สึกเศร้าเสียใจมาก แต่เธอยังรักษาท่าทีฟังเธอพูดจนจบโดยไม่พูดอะไรสักคำ จากนั้นวางสายไปด้วยความรู้สึกด้านชา
อันเสี่ยวเซียวก็ชอบเซียวจิ่งสือด้วย อินเสี่ยวเสี่ยวรู้ดี และเธอยังรู้ด้วยว่าอันเสี่ยวเซียวโทรมาหาเธอก็เพื่อจะได้เยาะเย้ยเธอ
แต่อินเสี่ยวเสี่ยวไม่หวั่นเกรงเลย เธอชอบเซียวจิ่งสือมันก็เรื่องของเธอ ส่วนตัวสำรองนะเหรอ ไม่สิ เธอเป็นตัวเองเพียงหนึ่งเดียวมาตลอดตั้งแต่แรก
เธอรู้สึกอิจฉา ‘หลินหว่าน’ พร้อมกันนั้นก็อยากรู้มากว่าเธอเป็นผู้หญิงแบบไหนกันแน่ จึงทำให้เซียวจิ่ง
สือหลงรักเธอได้ขนาดนี้ สูง สง่า สุภาพ เป็นผู้ดี หรือว่านุ่มนวลน่าทะนุถนอม ร่าเริงสดใสมีชีวิตชีวา หรือว่าอ่อนโยนรู้ใจผู้คน
อีกอย่าง หน้าตาของเธอ เหมือนกับเธอเป็นพิมพ์เดียวกันจริงๆ เหรอ
วันต่อมา อินเสี่ยวเสี่ยวมาที่บริษัทของเซียวจิ่งสือ คนในบริษัทพอเห็นเธอเข้าก็ประหลาดใจไปตามกัน พร้อมกันนั้นก็แสดงทีท่าว่าจะรอดูละครโรงใหญ่ อินเสี่ยวเสี่ยวไม่สนใจพวกเขา ตรงไปที่ห้องทำงานของเซียวจิ่งสือ
“เอ๋ เสี่ยวเสี่ยว วันนี้ทำไมเธอมานี่ได้?” แต่คิดไม่ถึงว่าเธอกลับเจออันเสี่ยวเซียวเข้าที่หน้าลิฟท์ “เธอมาหาจิ่งสือหรือเปล่า เสี่ยวเสี่ยว อย่าหาว่าฉันไม่เตือนเธอนะ หลินหว่านเพิ่งไปที่ห้องทำงานของท่านประธานเซียวเมื่อกี้นี้เอง ฉันว่าเธออย่าไปหาเรื่องให้ตัวเองขายหน้าเลยจะดีกว่านะ”
อันเสี่ยวเซียวมองดูอินเสี่ยวเสี่ยว สายตาเต็มไปด้วยความเย้ยหยันอย่างสะใจขณะที่พูด
“งั้นเหรอ” อินเสี่ยวเสี่ยวได้ฟังก็ใจกระตุก แต่ยังย้อนถามเสียงเรียบ
นับแต่ ‘หลินหว่าน’ ตัวจริงกลับมาแล้ว บวกกับที่เธอต้องไปถ่ายละคร ทำให้เธอไม่ได้เจอหน้าเซียวจิ่งสือมาหลายวันแล้ว
วันนี้เธอว่าจะใช้โอกาสนัดเขาออกมาทานข้าว โยนศักดิ์ศรีและความไว้ตัวทิ้งไปแล้วถามเขาตรงๆ ว่าชอบเธอหรือไม่ รู้สึกกับเธออย่างไร และเธอยังอยากจะรู้ด้วยว่าเขาเห็นเธอเป็นแค่ตัวสำรองจริงๆ หรือไม่
เป็นตัวสำรองที่พอ ‘หลินหว่าน’ หายตัวไปก็ให้เธอเข้ามาแก้ขัด พอ ‘หลินหว่าน’ กลับมาแล้ว ก็โยนเธอทิ้งไปได้ทุกเมื่ออย่างนั้นเหรอ
“แน่นอน ถ้าเธอไม่เชื่อ ก็ไปดูที่ห้องทำงานของเซียวจิ่งสือได้เลย!” อันเสี่ยวเซียวพูดจบก็ตวัดหางตามองเธออย่างดูแคลน แล้วเดินย่ำส้นสูงเดินเชิดหน้าผ่านข้างกายอินเสี่ยวเสี่ยวไป
อินเสี่ยวเสี่ยวมาที่หน้าประตูห้องทำงานของเซียวจิ่งสือ ประตูห้องปิดอยู่ เธอนึกถึงคำพูดของอันเสี่ยวเซียวแล้วนึกลังเลว่าจะเปิดประตูดีไหม แล้วก็ได้ยินเสียงผู้หญิงดังมาจากข้างในห้องทำงาน
“จิ่งสือคะ บ่ายนี้คุณออกไปทานข้าวเป็นเพื่อนฉันนะคะ” ภายในห้องทำงาน อี้อวิ๋นฉังกำลังออดอ้อนเซียวจิ่งสือ พูดว่า “ทุกครั้งที่ฉันมา คุณเป็นต้องบอกว่าคุณงานยุ่งทุกทีเลย! ฉันไม่ยอมด้วย วันนี้ฉันต้องให้คุณไปทานข้าวกับฉันให้ได้เลย!”
“แต่วันนี้ตอนเที่ยงผมยังมีประชุมอีก” สายตาของเซียวจิ่งสือไม่ได้ละจากเอกสารตรงหน้า ตอบโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
เป็นแบบนี้อีกแล้ว! ทุกครั้งที่เธอมาหา ท่าทีของเซียวจิ่งสือเฉยชาต่อเธอตลอดเวลา มักจะใช้ข้ออ้างว่างานยุ่งมาปฏิเสธนัดของเธออยู่เสมอ!
อี้อวิ๋นฉังสงสัยว่า เซียวจิ่งสือไม่ได้รักหลินหว่านมากมายอย่างที่เล่าลือกัน หรือว่า เขารู้แล้วว่าเธอเป็นตัวปลอม!
แต่ว่า ถ้าเขารู้ว่าเธอเป็นตัวปลอม ทำไมเขาไม่เปิดโปงเธอล่ะ?
อี้อวิ๋นฉังแสร้งทำเป็นเสียใจ น้อยใจยาสุดๆ พูดกับเซียวจิ่งสือว่า “จิ่งสือ คุณไม่รักฉันแล้วเหรอ ทำไมตั้งแต่ฉันกลับมา คุณถึงได้ทำกับฉันแบบนี้ล่ะคะ ถ้าคุณไม่อยากเห็นหน้าฉันอีก ฉันว่าให้ฉันจมน้ำตายไปในทะเลตั้งแต่แรกเลยยังจะดีซะกว่า!”
เซียวจิ่งสือละสายตาจากเอกสาร ตวัดสายตาขึ้นมองดู ‘หลินหว่าน’ นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ได้สิ เที่ยงนี้ผมจะเป็นเพื่อนคุณไปทานข้าวด้วยกัน โอเคนะ”
นับแต่นาทีที่เธอปรากฏตัวขึ้น เขาก็รู้ว่าเธอไม่ใช่หลินหว่านตัวจริง แต่เขายังรั้งเธอไว้ข้างกาย ยอมรับกลายๆ กับคนในบริษัทว่าเธอคือหลินหว่าน อันที่จริง เขาอยากจะรู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าที่ปลอมตัวเป็นหลินหว่านเธอมีจุดประสงค์อะไรกันแน่
เมื่อหลายวันก่อน เขาไม่อยากต้องใกล้ชิดกับเธอเกินไปจึงใช้งานเป็นข้ออ้างผัดผ่อนการนัดเดทกับเธอไปหลายครั้ง แต่ตอนนี้เขารับปากเพราะถ้าไม่เข้าหาเธอ จะรู้เป้าหมายที่แท้จริงของเธอได้ยังไงกันแน่
“ดีจังค่ะ จิ่งสือ ฉันรักคุณจังค่ะ” อี้อวิ๋นฉังรีบเปลี่ยนหน้าเป็นยิ้มแย้ม พูดกับเซียวจิ่งสืออย่างตื่นเต้นยินดี
ถ้าหากไม่ได้พิสูจน์แล้วว่าอินเสี่ยวเสี่ยวคือหลินหว่าน เซียวจิ่งสือพบว่าผู้หญิงตรงหน้านี้เลียนแบบท่าทางของหลินหว่านบางขณะได้เหมือนมาก เธอถึงกับทำให้ทุกคนในบริษัทหลงเชื่อว่าเป็นตัวจริงได้ก็แล้วกัน แต่ว่าต่อหน้าเขาแล้ว เธอก็เป็นเหมือนตัวตลก เพราะไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียง ท่าทางการแสดงความรู้สึกในเวลาที่เธอพูดกับเขากับที่หลินหว่านพูดกับเขามันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ในเวลานั้นเอง อินเสี่ยวเสี่ยวที่อยู่นอกประตูได้ยินพวกเขาคุยกัน มือที่จับลูกบิดปล่อยออกอย่างหมดแรง หัวใจเหมือนกับจะแหลกสลายลงไป
ในความเข้าใจของเธอ ตอนแรกที่เซียวจิ่งสืองานยุ่งจนปฏิเสธที่จะไปทานข้าวกับ ‘หลินหว่าน’ แต่ไม่อาจทนการออดอ้อนและทำให้ ‘หลินหว่าน’ โกรธ จนต้องตกลงรับปากด้วยไม่อาจขัดใจเธอได้ในที่สุด
อย่างนั้น การที่เขาไม่ได้ติดต่อกับเธอในหลายวันมานี้ ก็เพราะงานยุ่งและคอยอยู่เป็นเพื่อน ‘หลินหว่าน’ ล่ะมั้ง
อินเสี่ยวเสี่ยวนึกถึงคำพูดของอันเสี่ยวเซียว เธอพูดได้ไม่ผิดเลย เธอเป็นแค่ตัวสำรองจริงๆ ‘หลินหว่าน’ ตัวจริงกลับมาข้างกายเขาแล้ว เขายังจะมานึกถึงตัวสำรองอย่างเธออยู่อีกทำไมกัน?
พอนึกถึงจุดประสงค์ตอนที่เธอมานี่แล้ว อินเสี่ยวเสี่ยวก็ยิ้มขื่นออกมา หมุนตัวไปจากหน้าประตูห้องทำงานของเซียวจิ่งสือ กับเรื่องความรักต้องเป็นฝ่ายรุกบุกเข้าหา แต่เมื่อออกตัวช้ากว่าคนอื่น ย่อมต้องกลายเป็นผู้แพ้ไป
อินเสี่ยวเสี่ยวไปแล้ว ภายในห้องทำงาน บทสนทนาของเซียวจิ่งสือกับอี้อวิ๋นฉังยังคงดำเนินต่อไป
“คุณไปหาเลขาของผม บอกให้เขาเลื่อนประชุมเที่ยงนี้ออกไป ให้เขาจัดเวลาให้ผมทานข้าวกับคุณ” เซียวจิ่งสือพูดกับ ‘หลินหว่าน’ เสียงเรียบ อันที่จริง เขาสามารถโทรหาผู้ช่วยได้ แต่เขาไม่อยากให้ผู้หญิงตรงหน้านี้คอยอยู่รบกวนการทำงานของเขา จึงหาเรื่องให้เธอออกไป
“ได้ค่ะ จิ่งสือ” อี้อวิ๋นฉังไม่ได้คิดอะไรมากนัก รีบรับปากอย่างดีใจ
แต่พออี้อวิ๋นฉังออกมาจากห้องทำงานของเซียวจิ่งสือแล้ว กลับไม่รู้ว่าเลขาของเขาทำงานอยู่ออฟฟิศไหนนี่สิ พอเห็นข้างหน้ามีพนักงานคนหนึ่งเดินเอื่อยๆ อยู่ เธอจึงเข้าไปเรียกเธอเอาไว้ ถามว่า “นี่ เธอรู้ไหมเลขาของเซียวจิ่งสือทำงานอยู่ออฟฟิศไหน?”
แต่เมื่ออี้อวิ๋นฉังได้เห็นใบหน้าของพนักงานคนนั้นชัดเจน เธอก็ตลึงอยู่กับที่ เพราะเธอตกใจจนพูดอะไรไม่ออกไปแล้ว