บทที่ 537 คุณกำลังใช้ความอ่อนโยนโจมตีผม

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

พูดตามตรง อาคิระคนนี้ก็ช่างน่าสมเพชเสียจริง!

“ดูคุณไม่มีท่าทีตื่นตระหนก มันทำผมไม่สนุกเอาซะเลย” อาคิระเอ่ยปากพูด เธอนิ่งและสงบเกินไป ทำเขารู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก

“ฉันคิดว่า ที่คุณลักพาตัวฉันมาที่นี่คงไม่ได้หวังจะให้ฉันมาทำให้คุณพึงพอใจหรอกมั้ง”เมื่อรู้ตัวคนที่ลักพาเธอมา ยู่ยี่ก็เบาใจลงได้บ้าง

“ปฏิเสธไม่ได้ ว่าคำตอบของเธอนั้นถูกต้อง”อาคิระนั่งลงตรงข้ามเธอ ในมือถือแก้วน้ำ และยกขึ้นจิบอย่างช้าๆ

“สาเหตุที่คุณพาฉันมาที่นี่ฉันพอจะเดาได้แล้ว หากไม่ใช่เพราะเอวา ก็คงเป็นเพราะดาหวัน”

“คุณรู้จักดาหวัน?”อาคิระกำแก้วน้ำในมือแน่น เอ่ยถาม น้ำเสียงขึ้นลงไม่นิ่ง

“เขาเคยบอกฉัน ดังนั้นฉันก็จึงรู้มาบ้างนิดหน่อย” ยู่ยี่พูดต่ออย่างนิ่งเฉย“ฉันรู้ว่าคุณรู้สึกไม่พอใจแทนใครบางคน แต่ไม่รู้ว่าในสองคนนี้จะเป็นคนไหน ถ้าเอาตามความรู้สึกของฉันก็น่าจะเป็นดาหวัน”

อาคิระเลิกคิ้ว ไม่ได้พูดอะไร แต่อารมณ์ที่นิ่งก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นขัดแย้ง

“พูดมาถึงตรงนี้ ฉันสงสัยในความสัมพันธ์ของคุณกับดาหวันเล็กน้อย มีเหตุผลสามอย่างที่ทำให้คนเราจดจำใครสักคนได้เป็นเวลานานแบบนี้ อย่างแรกคือคุณรักเธอ อย่างที่สองคือคุณเกลียดเธอ และสุดท้าย คุณรู้สึกผิดกับเธออย่างมาก หรือไม่เธอก็รู้สึกผิดกับคุณอย่างมาก……”

ระหว่างที่พูด สายตาของยู่ยี่ก็จับจ้องมองไปที่ใบหน้าของเขา สังเกตท่าทีของเขาอย่างละเอียดถี่ถ้วน

เธอสัมผัสได้อย่างชัดเจน ว่าอารมณ์ของเขากำลังเปลี่ยน ค่อยๆเปลี่ยนไปทีละนิด เทียบกับเมื่อครู่ เปลี่ยนเป็นคมชัดผิดปกติและอ่อนไหว

โดยเฉพาะในตอนที่เธอพูดประโยคสุดท้าย อารมณ์ของอาคิระราวกับจะปะทุออกมาให้ได้ ยู่ยี่รู้ ระหว่างเขากับดาหวันต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ อีกทั้ง เรื่องพวกนั้นต้องไม่ธรรมดาด้วย……

“หรือคุณกับดาหวันเคยมีความรู้สึกส่วนตัวต่อกัน?” ยู่ยี่จงใจพูดขึ้น

“หุบปาก! คุณมีสิทธิ์อะไรมาพูดดูถูกเธอแบบนี้ ? เทียบกับพวกคุณแล้ว เธอบริสุทธิ์กว่ามาก ผู้หญิงอย่างพวกคุณเทียบอะไรไม่ได้เลย”เขาพูดอย่างเย็นชา

ยู่ยี่หัวเราะ ขยับร่างกายเพื่อให้ขาที่เหน็บชาของเธอได้รู้สึกสบายขึ้นบ้าง“ฟังที่พูดมาแสดงว่าคุณรักเธอ ฉันฟังฉันทัชบอกว่าเพราะคุณเขาสองคนถึงได้รู้จักกัน หอคอยที่ใกล้น้ำย่อมได้พระจันทร์ก่อน ทำไมคุณถึงไม่สารภาพก่อนเขา?”

“ความสัมพันธ์ของผมกับเธอเป็นเหมือนเพื่อนที่ดีต่อกัน นิสัยของเธอผมรู้ดี เพื่อนก็คือเพื่อน เป็นคนรักไม่ได้ ไม่สารภาพก็ยังเป็นเพื่อนกันได้หากสารภาพไปก็จะเป็นอะไรไม่ได้อีก เธอเป็นคนพูดคำไหนคำนั้นและไม่คำนึงถึงความรู้สึกของใคร ผมทำได้เพียงยอมทนส่งเธอไปอยู่ในอ้อมอกของฉันทัชด้วยความโกรธและไม่เต็มใจ แล้วฉันทัชล่ะปฏิบัติต่อเธอยังไง ?

พ่อแม่ไม่ชอบเธอคอยแต่จะหาเรื่องเธอ คุณท่านตระกูลยศณะราคินก็ไม่ชอบเธอ หาเรื่องเธอตลอด ชีวิตเธอในตระกูลยศณะราคินนั้นไม่มีความสุขเลย ผมเห็นเธอผอมลงมาก ฉันทัชคิดว่าตัวเองมีความสามารถ เขาตัดขาดกับตระกูลยศณะราคินแล้วพาเธอออกจากบ้าน ไปอาศัยอยู่ในพื้นที่ชุมชนแออัดที่ยากจนที่สุด บ้านแถวนั้นถูกรื้อถอนไปจำนวนไม่น้อย ส่วนที่ยังเหลือไม่ถูกรื้อถอน สภาพแวดล้อมก็วุ่นวายมาก คนที่พักอาศัยอยู่ละแวกนั้นมีมากมายหลากหลาย ส่วนใหญ่เร่ร่อนว่างงานหรือเที่ยวเตร็ดเตร่ไม่ทำงานทำการ ดาหวันอาศัยอยู่ที่นั่น เขาไม่เคยคิดเลยหรือไงว่ามันจะอันตรายมากแค่ไหน!การตายของดาหวันมันเกิดขึ้นเพราะเขา!

หากเขาหาที่พักที่ดีกว่านี้ได้ ดาหวันก็คงไม่ต้องมีจุดจบแบบนั้น!ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเขา เพราะเขาคนเดียว !”อาคิระดุด่าต่อว่าด้วยเสียงอันดังลั่น

“เมื่อก่อนเคยคิดว่าคุณประสาท ตอนนี้เพิ่งรู้ว่าคุณเป็นพวกรักไม่ลืมหูลืมตา เพื่อผู้หญิงคนหนึ่งสามารถยืนหยัดได้นานขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย พูดตามตรง ฉันชื่นชมคุณมาก”คำพูดของยู่ยี่จริงเพียงครึ่ง“ หากคิดได้มันก็ดี เมื่อก่อนคิดว่าความรักเป็นสิ่งที่คนเราขาดไม่ได้ในชีวิต ก่อนหน้านั้นฉันรักสามีเก่าของฉันมากเลยแต่งงานกับเขา แต่สิ่งที่ต้องเจอคือเขานอกใจ เราก็จึงกลายมาเป็นศัตรูกัน ”

อาคิระกำลังดื่มน้ำอยู่ คนที่มีชะตากรรมเดียวกันก็มักจะมีความรู้สึกสะท้อนเหมือนกัน เช่นเดียวกับเขาและยู่ยี่ในตอนนี้

“พูดตามตรง ฉันไม่เคยนึกมาก่อนว่าวันหนึ่งฉันจะได้มานั่งคุยกับคุณอย่างสงบจิตสงบใจที่นี่ เมื่อก่อนเราไม่ชอบขี้หน้ากันเลย” เธอกล่าว

“คงไม่ใช่กำลังจะใช้คำพูดมาหลอกล่อผม เพื่อจะจับจุดผม ให้ผมปล่อยคุณไปหรอกนะ?” อาคิระกล่าว

“ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเลย ฉันรู้ว่าคุณไม่ทำร้ายฉันหรอก จุดประสงค์ของคุณก็คงแค่ไม่ต้องการให้ฉันอยู่กับฉันทัช ”

ยู่ยี่เข้าใจเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง

“คุณไม่เคยคิดเลยเหรอ ว่าหากคุณบรรลุเป้าหมายนี้แล้วจะมีประโยชน์อะไร? อนาคตเขาอาจจะเจอผู้หญิงที่เขารักอีกก็ได้ คุณขวางเขาอยู่แบบนี้ ทำมันอยู่ซ้ำๆไม่เหนื่อยหรือไง ? เรื่องพวกนั้นคุณเก็บมันไว้มานานกว่ายี่สิบปี ไม่เหนื่อยเลยหรือไง ?”

หากจะทุบตีเธอ หรือทำร้ายเธอ ในช่วงที่เธอยังสลบอยู่ เขาก็สามารถทำมันได้ทุกอย่าง ไม่ใช่เหรอ?

เหนื่อย ไม่เคยมีใครถามเขา มือของอาคิระสั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นก็พูดเสียงแหบ “ผมไม่มีสิทธิ์เหนื่อย สำหรับดาหวัน ผมไม่มีสิทธิ์เหนื่อยเลย การตายของเธอผมก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยครึ่งหนึ่ง!หากไม่ใช่เพราะผมส่งรูปของฉันทัชที่ทำงานแบกหามในก่อสร้างไปให้คุณแม่ธันยวีร์ คุณแม่ธันยวีร์ก็คงไม่หอบเงินไปหาดาหวัน และดาหวันก็คงไม่ถูกคนจ้องมอง จนเกิดโศกนาฏกรรมขึ้นได้ ความผิดอยู่ที่ผม!ที่ผมทั้งหมด!เป็นผมที่ฆ่าผู้หญิงที่ผมรัก นั่นคือผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุด!”

ยู่ยี่ไม่เคยรู้มาก่อนว่ายังมีเรื่องแบบนี้ซ่อนอยู่“ตั้งแต่ที่ดาหวันเสียชีวิตนี่ก็ผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว คุณเองก็กักเก็บมันมากว่าสิบปีแล้วเหมือนกัน จะพูดว่าไม่เหนื่อยเลยคงเป็นไปไม่ได้!การตายของดาหวันคุณแบกรับมันไว้ทุกอย่าง คุณเก็บซ่อนความเจ็บปวด ไม่สามารถทนดูฉันทัชมีความสุขได้ เห็นชัดว่าอารมณ์นี้คุณกักเก็บเอาไว้ลึกมาก คุณเชื่อในโชคชะตาหรือเปล่า ? ”

อาคิระไม่เข้าใจ และไม่ได้พูดอะไร

“ฉันเชื่อในโชคชะตา หลายคนอาจไม่เชื่อ แต่ฉันเชื่อในโชคชะตา ทุกชีวิตต่างล้วนถูกกำหนดเอาไว้ นั้นเป็นเคราะห์กรรมของดาหวัน หลบหลีกไม่พ้นหรอก!ดั่งที่คุณว่า หากฉันทัชพาเธอไปยังที่ที่ดีกว่านี้ได้ การตายของเธอก็อาจจะหลีกเลี่ยงได้ หรือบางทีตอนนั้นคุณแม่ธันยวีร์ไม่เปิดเผยฐานะ เธอก็อาจจะหลีกเลี่ยงได้ หรือคุณแม่ธันยวีร์รังเกียจที่จะไปในพื้นที่ซอมซ่อแบบนั้นก็อาจจะเลี่ยงได้

และยังสมมุติได้อีกว่า หากฉันทัชเลิกงานเร็วสักนิด ดังนั้นเรื่องบางเรื่องเคราะห์กรรมนั้นหนีไม่พ้นจริงๆ ต่อให้ไม่มีคุณ ไม่มีฉันทัช ก็หลบเลี่ยงเคราะห์กรรมที่ต้องพบเจอไม่ได้หรอก ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว ปล่อยวางเรื่องของเธอ และปลดปล่อยตัวเองเถอะ……”

ปล่อยวางเธอ ปลดปล่อยตัวเอง สิบกว่าปีนี้ เขาไม่เคยลืมว่าดาหวันต้องตายยังไง ภาพเหตุการณ์นั้นคอยย้ำเตือนเขาอยู่ตลอดว่าห้ามลืม ห้ามมีความสุข และห้ามให้ฉันทัชมีความสุข มันได้กลายเป็นคำปฏิญาณของตัวเองไปแล้ว

ดวงตาของอาคิระไหววูบ อารมณ์แปรปรวน ความเจ็บปวดนี้ถูกกักเก็บไว้ในใจเป็นเวลานาน เขาไม่เคยได้พูดมัน เพราะไม่มีใครให้เขาได้พูดด้วย แต่ไม่คิดว่า วันนี้จะได้พูดมันกับผู้หญิงที่น่ารังเกียจที่สุดได้ฟัง

“อันที่จริงฉันรู้ ว่าคุณไม่ได้รังเกียจฉัน หรือจะพูดว่าคุณชอบฉันก็คงจะได้ ที่คุณเกลียดคือความรักของฉันทัชที่มีให้ฉัน และความสุขความผ่อนคลายที่ฉันมีให้ฉันทัช ความรู้สึกแบบนี้ต่างหากที่คุณเกลียด หรือไม่ใช่?”เธอพูดจี้จุดสำคัญ

ได้ยินดังนั้น อาคิระรู้สึกเพียงเธอช่างไร้ยางอาย“อะไรทำให้คุณคิดว่าผมชอบคุณ?”

“ความรู้สึก”ยู่ยี่พูดพร้อมหัวเราะเสียงเบา ได้คืบเอาศอก“ยืมโทรศัพท์มือถือให้ฉันหน่อยได้ไหม ? ฉันขอโทรหาฉันทัช ”

“คุณคิดว่าผมโง่หรือไง ?”

“อย่ากังวลไปเลย ฉันแค่จะโทรบอกเขาว่าคืนนี้มีธุระจะไม่กลับบ้าน ให้เขาไม่ต้องเป็นกังวล!ไม่อย่างนั้นเขาต้องไปแจ้งความแน่ๆ ถึงตอนนั้นเรื่องก็มีแต่จะยิ่งบานปลายขึ้นเท่านั้น คุณเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของเขา ฉันไม่อยากให้ต้องแตกหักกันแบบนี้ และคืนนี้ทั้งคืน เพียงพอที่จะให้เราได้จบเรื่องทุกอย่าง จะไม่มีตำรวจตามมา และจะไม่มีใครตามมาทั้งนั้น คุณอยากจะฆ่าหรืออยากจะทำอะไรกับฉัน ก็แล้วแต่คุณ ว่ายังไง?” เธอเสนอแนะความคิดดีๆออกมา

อาคิระยิ้มเยาะ“คุณกำลังดูถูกผม?”

“แน่นอน บางทีคุณอาจจะไม่เชื่อ แต่ฉันเชื่อในตัวคุณมาก มีความเชื่อใจบางอย่างที่อธิบายไม่ถูก ต่อให้จะเป็นศัตรูก็ยังมีความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันอยู่ หรือไม่ใช่?”

ยังคงยิ้มเยาะ อาคิระเอาโทรศัพท์มือถือของเธอออกมา โยนมันให้ แล้วแก้มัดให้เธอ

เมื่อได้รับการปลดปล่อย ยู่ยี่ก็พูดขอบคุณอย่างจริงใจ จากนั้นก็โทรหาฉันทัช และพูดโกหก

ฉันทัชแสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจ และเศร้าเล็กน้อย“แล้วยังไง ? คุณจะปล่อยให้ผมกับลูกอยู่บ้านกันตามลำพังหรือไง ?”

“แค่คืนเดียวเอง!หากเจ้าตัวเล็กหิวคุณก็ชงนมให้กิน” เธอพูดกำชับอยู่ซ้ำๆ

“ผมทนไม่ได้ที่จู่ๆคุณก็จะไปแบบนี้……”เขายังคงไม่พอใจ ชายหนุ่มที่ดูเป็นผู้ใหญ่แต่ในตอนนี้ก็กลับพร่ำบ่นไม่หยุด

“ไปแล้วไปเลยที่ไหนล่ะ!ฉันแค่อยู่กับเพื่อนอีกคืนก่อนจะแต่งงานเท่านั้น พรุ่งนี้ฉันก็กลับแล้ว และฉันรักคุณนะ”

ฉันทัชที่อยู่ปลายสายดวงตาหรี่เล็กลง“ คุณกำลังจงใจใช้ความอ่อนโยนเพื่อโจมตีให้ผมสับสน”

“แล้วคุณใจอ่อนหรือเปล่าล่ะ ? การโจมตีของฉันได้ผลไหม ?”

“ผมยอมแพ้ พรุ่งนี้เช้าต้องรีบกลับมาทันทีนะ ไม่อย่างนั้น ผมจะไปรับคุณด้วยตัวเอง……” คำพูดสุดท้ายมีน้ำเสียงห้วนๆและไม่เปิดทางให้ปฏิเสธ

“ได้ ผ่านมือถือ ให้ฉันจูบลูกหน่อย……”เธอส่งจูบ มีเสียงดังขึ้น“แล้วก็ จูบคุณด้วย !”

“……”

จากนั้น เธอก็กดวางสาย นั่งตรงมุมห้อง แล้วพูดว่า“หากไม่มีบทสรุป จะทำอะไรกับฉันก็ตามใจเลย เพราะระหว่างฉันกับฉันทัชเราจะไม่แยกจากกัน ต่อให้คุณจะบีบบังคับให้เราต้องแยกออกจากกันไป แต่เราก็ตัดกันไม่ขาดหรอก ฉันขอแนะนำให้คุณขุดรากถอนโคนเท่านั้น!”

บ้านที่ทรุดโทรมเงียบเชียบมาก ยู่ยี่นั่งยองๆที่มุมห้อง มือก็ขีดเขียนไปบนพื้น

อาคิระสองมือกุมไปที่ศีรษะ อารมณ์ความรู้สึกที่ผุดขึ้นเมื่อครู่ก็หายวับไปในทันที

ข้างใบหูมีลมหนาวพัดผ่าน มีเสียงที่อ้างว้างดังขึ้น ท่ามกลางลมหนาวแบบนี้เขาก็คิดถึงดาหวันขึ้นมาอีกครั้ง

เลือด เลือดสีแดงสดแปดเปื้อนไปทั่วร่างกายเธอ เสื้อผ้าที่ชำรุดทรุดโทรม กลิ่นเหม็นเน่าที่ออกมาจากร่างกาย แล้วยังดวงตาที่เบิกโพลงของเธอ ลูกตาที่เหมือนจะถลนออก ราวกับกำลังตำหนิเขา กล่าวโทษความผิดของเขา กล่าวโทษการกระทำของเขา กล่าวโทษเขาที่ทำเธอมีสภาพแบบนี้……