ภูเขาเขียวยังคงเหมือนเดิม สายน้ำยังคงไหลไป

บนเขาอวิ๋น มีเสียงกระบี่ดังขึ้น

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผ่านฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงไปแล้ว

“เป็นลูกศิษย์คณะหนึ่งเดียว ต้องมีความห้าวหาญของคณะหนึ่งเดียว สิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดของคณะหนึ่งเดียวของเราคืออะไร”

ด้านบนหอคอย หานเฟิงก้มลงมามอง พูดตะโกนเสียงดังจนน้ำลายสาดกระเด็น

กลุ่มนักเรียนคณะหนึ่งเดียวที่อยู่ด้านล่างตะโกนว่า “คือพวกเรา”

หานเฟิงตะโกนพูดต่อ “แล้วคณะอื่นเข้ามาสู้จะทำอย่างไร”

พวกนักเรียนตะโกนว่า “ฆ่าพวกเขาให้ตาย!”

เสียงดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง พลานุภาพมหาศาล

ศิษย์พี่ฉู่สิงที่อยู่ด้านล่างขมวดคิ้วพูดว่า “ให้ศิษย์น้องหานเฟิงทำวุ่นวายแบบนี้จะดีเหรอ”

ฉู่เทียนพูดว่า “หรือนายจะไป”

ฉู่สิงรีบโบกมือพัลวัน

ศิษย์พี่ใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างพวกเขาเอามือลูบท้องแล้วพูดว่า “ให้เขาทำเถอะ กว่าจะมาถึงการต่อสู้จัดอันดับของคณะสักปี มีศิษย์น้องหานเฟิงนำทัพ พวกเขาไม่น่าจะแพ้นะ”

ฉู่เทียนยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่แน่นะ พวกหลัวตานฝึกฝนอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อที่จะดึงคณะหนึ่งเดียวของเราลงจากอันดับหนึ่งของคณะ”

ฉู่สิงพูดว่า “เฮ้อ ถ้าศิษย์น้องลู่ฝานอยู่ คงปลอดภัยแล้ว!”

ศิษย์พี่ใหญ่กับศิษย์พี่ฉู่เทียนพยักหน้าพร้อมกัน ทั้งสามคนมองหน้ากัน หัวเราะแล้วเดินออกไป

เดินขึ้นไปบนเขา ตอนนี้เขาอวิ๋นถูกปรับปรุงใหม่จนมีทิวทัศน์สวยงามและทรงพลัง

เริ่มตั้งแต่ตีนเขา ห้องตั้งเรียงราย กระจายอยู่ท่ามกลางขุนเขา วนเขาขึ้นไป ทิวทัศน์งดงามยิ่งใหญ่ตระการตา

บันไดหินคดเคี้ยวขึ้นไปด้านบน ราวกับบันไดขึ้นบนยอดเมฆ ตรงยอดเขาถูกปรับปรุงเป็นลานประลองบู๊ขนาดใหญ่

ลักษณะเป็นทรงกลม สร้างจากหินสีขาวและสีดำ ปกคลุมด้วยเมฆหมอก เมื่อมองจากไกลๆ เหมือนสีขาวและสีดำกำลังเคลื่อนไหวอยู่ ลึกลับและงดงาม

แต่พวกศิษย์พี่ใหญ่ไม่ได้เดินไปที่นี่ เมื่อถึงไหล่เขา มีทางเดินเล็กๆ ปรากฏออกมา

เดินมาบนทางเดินเล็กๆ ไม่นาน จะเห็นประตูด้านใน ด้านหลังประตูเป็นห้องไม้สองสามห้อง

ไม่หรูหรา ไม่ทรงพลัง เรียกได้ว่าเรียบง่าย

แต่สำหรับฉู่เทียนแล้ว ที่นี่คือคณะหนึ่งเดียวอย่างแท้จริง

“อาจารย์ พวกเรามาแล้ว!”

ฉู่สิงตะโกนเสียงดัง

อาจารย์เต้ากวงที่นั่งอาบแดดอยู่ในลาน แค่เงยหน้าขึ้นมองแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เช้าขนาดนี้เชียว วันนี้มีธุระไม่ใช่เหรอ อู๋เหวย แม้อาการบาดเจ็บของนายหายดีแล้ว แต่ยังไงร่างกายก็อ่อนแอ พักดูแลร่างกายดีกว่า อย่าให้ยาที่ฉู่สิงกับฉู่เทียนเอากลับมาให้นายเสียเปล่า”

ฉู่เทียนหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “อาจารย์ไม่ต้องพูดถึงยานั่นแล้ว อับอายๆ ตอนแรกคิดหาวิธีจนหมด กว่าจะได้สมุนไพรมา เพื่อช่วยรักษาศิษย์พี่ใหญ่ ใครจะไปคิดว่าเป็นแค่ยาเพิ่มกำลัง”

ศิษย์พี่ใหญ่หัวเราะแล้วพูดว่า “พวกนายยอมเหน็ดเหนื่อยต่างๆ เพื่อช่วยหายามาให้ฉัน ฉันก็ซาบซึ้งใจมากแล้ว”

ฉู่สิงพูดว่า “ศิษย์น้องลู่ฝานเก่งมาก อาการบาดเจ็บที่อาจารย์รักษาไม่หาย แค่ศิษย์น้องลู่ฝานกลับมาก็จัดการได้ พูดขึ้นมานี่ก็ผ่านไปครึ่งปีแล้ว ทำไมศิษย์น้องลู่ฝานยังไม่กลับมานะ”

พอไม่พูดเรื่องนี้ยังดี แต่พอพูดขึ้นมา ทุกคนพากันเงียบ

ผ่านไปนาน อาจารย์เต้ากวงพูดว่า “ศิษย์น้องลู่ฝานของพวกนาย เป็นคนดีจะได้รับการช่วยเหลือจากสวรรค์เบื้องบน ต้องกลับมาอยู่แล้ว ฉันเคยถามท่านผอ. เขาบอกว่าแค่ลู่ฝานทำความเข้าใจได้ ก็จะออกมาได้”

“แล้วทำความเข้าใจอะไรกันแน่ครับ”

ฉู่สิงพูด

อาจารย์เต้ากวงส่ายหน้าพูดว่า “ไม่รู้ สรุปว่าพวกนายเชื่อท่านผอ.ก็พอแล้ว ใช่สิ พูดขึ้นมา วันนี้เป็นวันต่อสู้จัดอันดับคณะอีกแล้วสินะ”

อาจารย์เต้ากวงจงใจเปลี่ยนเรื่องพูด ฉู่เทียนตอบว่า “ใช่ครับ ถึงวันจัดอันดับคณะแล้ว ศิษย์น้องหานเฟิงกำลังจัดการคัดคน คิดว่าน่าจะไม่มีปัญหาครับ”