ตอนที่ 71

Kill the Hero

Kill the Hero 071

“อีกที!”

ลีจินอาชกออกไปพร้อมกับพูดเสียงดังเป็นภาษารัสเซีย กำปั้นกระแทกเข้ากับกะโหลกของมนุษย์หมาป่าดำที่พุ่งเข้ามาชนเขา

คึ่ก!

มนุษย์หมาป่าดำที่ตกลงมาบนพื้นร้องไม่ออก

พลังของลีจินอาสามารถทำให้คนอื่น ๆ ขนลุก แต่โครงกระดูกกลับดึงดูดความสนใจมากที่สุด

บูม!

มันติดอาวุธด้วยชุดเกราะ และหมวกเกราะงูเข็ม ทหารโครงกระดูกถือหอกยาวแทงหน้าอกของมนุษย์หมาป่าดำที่ล้มลง

ปึก!

ลีจินอาหันศีรษะไปมองเล็กน้อย

“สปาซิบา!” ( TL : Спасибо เป็นภาษารัสเซีย แปลว่า ‘ขอบคุณ’)

ดูเหมือนว่าลีจินอาจะชอบตะโกนขอบคุณเป็นภาษารัสเซีย

“ซิบา!”

แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะแค่พูดไปอย่างนั้น เพราะไม่มีความรู้สึกขอบคุณอยู่บนใบหน้าของเขาเลย

‘มนุษย์ได้อาหาร และโครงกระดูกก็กินมันหมดเลย’

“ซิบา ซิบา”

ไม่มีทางที่เขาจะรู้สึกขอบคุณ ในเมื่อเหยื่อที่เขาฆ่าถูกขโมยไป

‘ฮะ? ‘

ลีจินอาหันไป และเห็นโครงกระดูกจ้องมองมาที่เขา

‘มันรู้รึเปล่าว่าฉันกำลังสาปแช่งมันอยู่? ’

ทหารโครงกระดูกค่อย ๆ อ้าปากขณะที่ลีจินอาสิ้นหวังอยู่ภายใต้การจ้องมองของมัน

“ได้เวลากินแล้ว”

เสียงที่ออกมาคือเสียงของคิมวูจิน

เมื่อได้ยินเสียงของคิมวูจิน ลีจินอาก็กระซิบตอบเสียงเบาที่แม้แต่คนที่อยู่ใกล้ ๆ ก็ยังไม่ได้ยิน

“เรามีผู้ชมอยู่ พูดภาษาเกาหลีได้เหรอ?”

ลีจินอารู้ว่ามีผู้เล่นเฝ้าดูพวกเขาอยู่ ไม่ ตอนนี้แม้แต่ผู้ชมของพวกเขาก็ต้องต่อสู้อยู่

แน่นอนว่าต่อหน้าผู้ชมลีจินอากับคิมวูจินต้องแสดง และพูดเหมือนชาวรัสเซีย

นี่เป็นสาเหตุที่ลีจินอาพูด และตะโกนเป็นภาษารัสเซีย

แน่นอนว่าคิมวูจินก็รู้เรื่องนั้น

“เรากำลังจะถอย”

“เราจะถอยเหรอ? ทำไมล่ะ? “

ทหารโครงกระดูกตอบคำถามของเขา

“มีมอนสเตอร์จำนวนมากมายในดันเจี้ยนที่มีภารกิจเอาชีวิตรอด”

“ทุกคนรู้เรื่องนั้นดี”

ไม่มีผู้เล่นคนไหนไม่รู้ว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การทำภารกิจเอาชีวิตรอดยากขึ้นนั้น เป็นเพราะฝูงมอนสเตอร์จำนวนมาก

“นายรู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าดันเจี้ยนล้มเหลวไปแล้ว 12 ครั้ง?”

ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในดันเจี้ยนที่มีภารกิจเอาชีวิตรอดที่ล้มเหลวไปมากกว่า 10 ครั้ง

คนบ้าที่ท้าทายดันเจี้ยนที่ล้มเหลวมามากกว่า 10 ครั้งนั้น โลกนี้มีไม่กี่คนหรอก

“นั่น…เดี๋ยวนะ”

เพราะคำถามของคิมวูจิน ลีจินอาจึงเริ่มคิด

‘มอนสเตอร์จะล้นออกมา…’

วัฏจักรของมอนสเตอร์ที่ไม่สิ้นสุดคือสิ่งที่ผู้เล่นต้องเผชิญ

‘ผู้เล่นจะกลับมาอีกครั้ง และอีกครั้ง การต่อสู้ก็จะได้รับการฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง’

ความคิดของผู้เล่นที่เสี่ยงชีวิตตัวเองได้เข้ามาในจิตใจของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

‘มนุษย์หมาป่าดำจะรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ก็ต่อเมื่อพวกมันมีบอส…’

หลังจากนั้นไม่นานลีจินอาก็หันศีรษะไปสังเกตมนุษย์หมาป่าดำที่อยู่ใกล้ ๆ

“โอ้พระเจ้า”

มอนสเตอร์อาจมีเป็นร้อยหรือหลายพันตัว

“มอนสเตอร์เวฟ”

ขณะที่ได้ยินข้อสรุปของลีจินอา คิมวูจินจึงไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติม ลีจินอาก็ไม่ต้องการคำอธิบายเช่นกัน

ถ้ามีมอนสเตอร์หลายร้อยหรือหลายพันตัว การต่อสู้จะแตกต่างจากที่พวกเขาคาดไว้มาก

พวกเขาต้องเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ในอีกไม่กี่ชั่วโมงแทนที่จะเป็น 5 วัน

“ช่องเก็บของ”

ในการเตรียมตัวต่อสู้ ลีจินอารีบดึงอาหารออกมาจากคลัง และเริ่มกินทันที

คิมวูจินก็เตรียมตัวต่อสู้เช่นกัน

เขาหยิบหน้ากากกริมรีปเปอร์จากคลังของเขา และตรวจสอบหนึ่งในทักษะของเขาด้วย

 

[ออร่าฟิลด์]

ระดับ : E

เอฟเฟกต์ : ปลดปล่อยออร่าที่สามารถบัฟหรือดีบัฟเป้าหมายได้ ระยะจะเพิ่มขึ้น เมื่อระดับทักษะเพิ่มขึ้น

 

ออร่าฟิลด์

เมื่อมองไปที่ทักษะนี้ คิมวูจินก็นึกถึงวิธีที่ราชาแห่งอันเดดใช้ในอดีต

‘เอฟเฟกต์ของทักษะบัฟแบบเป้าหมายเดี่ยว สามารถเปลี่ยนเป็นเอฟเฟกต์บัฟแบบพื้นที่ได้ โดยใช้ทักษะออร่าฟิลด์’

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ คิมวูจินก็แตะสร้อยคอของเขา

 

จุดสั่งการมีความสำคัญมาก

สำหรับมนุษย์ การไม่มีการเชื่อมโยงใด ๆ ต่อให้มีจำนวนมากก็ยากที่พวกเขาจะรวมกลุ่มกันได้เป็นร้อยคน

แต่ในขณะที่แนวคิดอย่างศาสนาหรือรัฐบาลถูกนำมาใช้ และกลายเป็นศูนย์รวม มนุษย์ก็สร้างกลุ่มคนนับพันไป จนถึงหลายสิบล้านได้อย่างง่ายดาย

มอนสเตอร์ก็ไม่ต่างกัน

โดยปกติ เป็นไปได้ที่มอนสเตอร์จะรวมตัวกัน เพื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่ทรงพลังกว่า การรวมฝูงกันถึงหนึ่งร้อยตัวก็อาจจะเป็นไปได้ แต่เมื่อมอนสเตอร์บอสถือกำเนิดขึ้น …

โบวู้วววว!

ฝูงมนุษย์หมาป่าดำกำลังหอนใส่ท้องฟ้ายามค่ำคืน

การท้าทายทั้งสิบสองครั้งของผู้เล่น ทำให้จำนวนประชากรมอนสเตอร์มีถึงหลักพัน นั่นหมายความว่าพวกมันบางตัวได้เคยเผชิญหน้ากับผู้เล่นมาหลายกลุ่มแล้ว (TL : หมายความว่า ยิ่งมอนสเตอร์ได้สู้กับผู้เล่นมากขึ้น มันก็จะยิ่งพัฒนาตัวเอง ทำให้เก่งยิ่งขึ้นไปอีก เพราะเดิมทีหมาป่าเป็นสัตว์ที่มีไหวพริบอยู่แล้ว เหมือนจากตอนไหนสักตอนที่เคยอ่าน จะบอกว่ายิ่งโจมตีดันเจี้ยนล้มเหลว ดันเจี้ยนก็จะยิ่งยากขึ้นด้วย )

โบวู้วววว!

หมาป่านับพันเริ่มรวมตัวกันเหมือนคลื่นตรงเข้าหากลุ่มผู้เล่น 40 คน

“เวรแล้ว นี่มันมอนสเตอร์เวฟ!”

มอนสเตอร์เวฟเริ่มขึ้นแล้ว และเป็นภาพที่น่าจับตามองมาก

“ฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย…”

“ฉันไม่อยากเห็นมันด้วยซ้ำ!”

มันเป็นภาพที่จะไม่มีวันลืม

“เตรียมตัว! “

แต่ผู้เล่นจากสมาคมเมสสิอาห์เริ่มเตรียมตัวต่อสู้อย่างไม่ลังเล

นั่นคือภาพลักษณ์ของสมาคมเมสสิอาห์

“ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งล้มลง พวกเราทุกคนจะต้องตาย! ดังนั้นจงยึดตำแหน่งของคุณให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้!”

มีเพียงผู้ที่พร้อมที่จะสละชีวิต เพื่อช่วยโลกเท่านั้น ที่จะมีความกล้าหาญเช่นนี้ได้ และมีเพียงผู้ที่มีความสามารถเท่านั้น ที่จะแสดงความกล้าหาญของพวกเขาได้

หรือก็คือผู้ที่ก้าวไปข้างหน้าคือผู้ที่พยายามกอบกู้โลก

“เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้!”

ต่อหน้าคลื่นของมนุษย์หมาป่าดำที่พุ่งเข้ามาหาพวกเขา ผู้เล่นต่างก็กระวนกระวายใจ

แทงค์ที่มีโล่หนักเป็นแนวหน้า และดาเมจอยู่ข้างหลังพวกเขา เบื้องหลังคนเหล่านั้นคือฮีลเลอร์กับเมจอยู่ตรงกลาง พร้อมด้วยไม้กายสิทธิ์ที่เตรียมจะร่ายเวท

บนต้นไม้ มีเหล่าพลธนูกำลังรอโจมตีแล้ว

ไม่นาน ระยะห่างระหว่างทั้งสองกลุ่มก็สั้นพอที่จะสบตากัน และทั้งคู่ก็คำรามออกมาพร้อมกัน

วู้ววววว!!

“เริ่มการต่อสู้!”

การต่อสู้ที่เริ่มขึ้นนั้นดุเดือดมาก

“อึก!”

เสียงกรีดร้องดังออกมาจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง

“ใช้เวทมนตร์!”

“ระวัง! “

บูม!

ระหว่างเสียงการต่อสู้ลูกไฟก็เริ่มพุ่งออกไปข้างหน้า

ไม่ถึงหนึ่งนาทีก่อนการปะทะจะเริ่มขึ้น สนามรบก็กลายเป็นนรกไปแล้ว

“แม่เอ็งสิ! กล้าดียังไงวะ! ? “

เคล้ง!

แน่นอนว่าหมาป่าเหล่านี้ไม่ได้จัดการง่าย ๆ

ผู้เล่นที่เข้าสู่ดันเจี้ยนด้วยภารกิจเอาชีวิตรอดที่ล้มเหลวมาแล้วถึง 12 ครั้ง เป็นครั้งแรกต่างก็ตกใจ

“ไม่มีอะไรให้ต้องตกใจ!”

“อย่างมากพวกมันก็เป็นแค่มอนสเตอร์ชั้นที่หนึ่งเท่านั้น! แค่รักษาตำแหน่งไว้!”

จากเลเวลของพวกเขา ไปจนถึงไอเทม ผู้เล่นได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว

ที่สำคัญ ผู้เล่นไม่จำเป็นต้องทำงานร่วมกัน

“ทำในสิ่งที่คุณรู้ว่าต้องทำ!”

สำหรับดันเจี้ยนนี้ ผู้เล่นได้เตรียมการมาหลายสัปดาห์ และหลายเดือนแล้ว ไม่ใช่แค่สองสามวัน นอกจากนี้ผู้เล่นยังมีความหวังอีกด้วย

‘บอสจะกลับมาแล้ว!’

‘เราแค่ต้องรอจนกว่าบอสจะกลับมา’

คังยองจี ผู้เล่นหลายคนเชื่อว่าเธอแข็งแกร่งพอที่จะช่วยพวกเขาได้

“เข้ามา! “

“ฉันคือผู้นำของที่นี่!”

จากนั้นเธอก็ปรากฏตัว

เธอยืนอยู่ตรงนั้น พร้อมกับสวมเกราะสีทองที่ส่องประกาย การปรากฏตัวของคังยองจีเปรียบเสมือนฝนตกหลังจากเจอภัยแล้งมานาน

หลังจากที่มาถึง เธอก็แสดงให้เห็นทันทีว่าทำไมพันธมิตรของเธอถึงรอเธออยู่ เธอฉีกกระชากกลุ่มมนุษย์หมาป่าอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

วูบ!

ขณะที่เธอเดินไปเดินมา เธอทุบหัวของมนุษย์หมาป่าด้วยค้อนไปด้วย เธอแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดาของเธอ

แฮ่!

แฮ่ แฮ่!

เมื่อเผชิญหน้ากับฝูงมนุษย์หมาป่าดำ คังยองจีได้สังหารพวกมันอย่างโหดร้าย และตะโกนไปด้วย

“เข้ามา! “

เกือบทุกคนหยุดต่อสู้ และจ้องมองไปที่เธอ

 

“ว้าว”

ลีจินอาที่ชมการแสดงของคังยองจีจากระยะไกล อดไม่ได้ที่จะอุทานด้วยความประหลาดใจ

“นี่ไม่ใช่เล่นเลย เธออาจจะดีพอ ๆ กับฉัน”

คิมวูจินไม่ตอบสนองต่อคำพูดของลีจินอา แต่เขากลับนึกถึงความทรงจำเก่า ๆ

‘ทักษะของเธอโดดเด่นมาก’

ความสัมพันธ์ของเขากับคังยองจีดำเนินไปได้นานกว่าที่คิด

นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่าความสามารถของเธอสูงกว่าคนส่วนใหญ่มาก ในเวลานั้นจำนวนผู้เล่นที่สามารถติดตามคิมวูจินได้มีน้อยมาก

‘ตอนที่ฉันได้เห็นทักษะของเธอครั้งแรกที่นี่ มันน่าตกใจมาก’

มันคือดันเจี้ยนที่เขาเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับเธอ สถานการณ์ที่คล้ายกันกับตอนนี้ก็เช่นกัน

สมาชิกต่างออกไป แต่สถานการณ์ก็เหมือนกันมาก

ทันทีที่พวกเขาเข้ามาในดันเจี้ยน ลมหนาวก็พัดเข้ามา และฝูงมนุษย์หมาป่าสีดำก็โจมตี

‘ในตอนนั้น มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะออกมาโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ’

มีคนเสียชีวิตไป 5 คน จากการปะทะกันครั้งแรก เป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างยิ่ง เมื่อมีผู้เสียชีวิต 5 ใน 40 ตั้งแต่การต่อสู้ครั้งแรก

‘เรารอดมาได้ เพราะเราหนี’

แต่ถึงแม้จะประสบกับความพ่ายแพ้ และมีเพียง 5 คนที่หนีไปได้

‘ถ้าคังยองจีไม่ฟังฉันแล้วละก็…’

ตอนนั้น คิมวูจินได้แนะนำให้พวกเขาถอย

คิมวูจินเป็นผู้เล่นแบบนั้น แทนที่จะสู้ในศึกที่อัตราต่อรองไม่เอื้ออำนวย เขาจะหนีจนกว่าเขาจะพบกับตำแหน่งที่ได้เปรียบ

‘นี่อาจจะเหมือนกับในตอนนั้น’

สิ่งที่คิมวูจินคิดก็คือสถานการณ์ปัจจุบันที่ผู้เล่นต้องเผชิญนั้น อาจจะเหมือนหรือแย่กว่าในอดีต

“มันจะอันตรายกว่านี้ใช่ไหม? จบเห่แน่ ถ้าแทงค์ถูกกดลง”

สถานการณ์เลวร้ายจนแม้แต่ลีจินอาก็ยังสังเกตเห็น

“จะมีกี่คนที่ต้องตาย ถ้าพวกเขาใช้ทักษะทั้งหมดไปแล้ว และเข้าสู่ช่วงเวลาคูลดาวน์?”

ขณะที่พูด ลีจินอาก็เริ่มเตรียมตัวต่อสู้ จากนั้นเขาก็หันไปหาคิมวูจิน

“แล้วเราจะเข้าไปเมื่อไร? ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ใช่ว่าฮีโร่ควรจะปรากฏตัวในช่วงที่วิกฤตที่สุดไม่ใช่เหรอ?”

แทนที่จะตอบ คิมวูจินกลับสวมหน้ากากกริมรีปเปอร์แทน