แม้คิดไว้ว่าจะแบกทั้งสองกลับพระราชวัง หากเมามายจนไม่ได้สติ ทว่าปัญหาก็คือพวกเขาเมาก็จริง แต่ยังคงมีสติหลงเหลืออยู่ ชองโอทำหน้าเบะพร้อมกับพยายามอ้อนวอนขอร้องให้ทั้งสองได้โปรดกลับเสียที แต่นอกจากพระราชาจะไม่ฟังแล้ว พระมเหสีที่ไว้วางใจก็ยังคล้องแขนกับพระราชาแล้วหันขวับไปอย่างเย็นชาอีก
โดนพระพันปีฆ่าตายแน่ๆ แต่ดูเหมือนว่าความคิดในหัวของเขาที่เริ่มมืดมนจะไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเขา ทั้งฮอนและรยูฮาต่างพาขึ้นไปยังห้องพักที่จับจองเอาไว้และนอนแผ่บนเตียง
“ท่านสามี”
“ว่าอย่างไร ฮูหยิน”
“ขอบคุณที่พาออกมาเจ้าค่ะ”
“ข้าต้องขอบคุณมากกว่าสิที่เจ้าออกมาด้วยกัน”
“ว้าว ท่านสามี”
รยูฮาหมุนตัว ก่อนจะขยับใกล้เข้ามาเอาแขนเรียวคล้องคอฮอนเอาไว้ กลิ่นเหล้าผสมคละคลุ้งในลมหายใจที่ใกล้เข้ามาจนถึงปลายจมูก แต่มันกลับมีกลิ่นหอมหวล ดวงตาสองคู่ที่ดูร้อนรุ่มเล็กน้อยจ้องมองกันและกันโดยไม่กะพริบตา
“ทำไมพูดจาน่ารักจัง”
ไม่มีคำตอบ ริมฝีปากที่อมยิ้มอย่างงดงามทำแค่เพียงแทรกเข้าไปในลมหายใจของรยูฮา ปลายลิ้นหยุ่นกวาดสำรวจภายในโพรงปากและเกี่ยวกระหวัดอย่างแรงทุกครั้งที่มีโอกาส ชุดผ้าไหมอันงดงามส่งเสียงซวบซาบออกมาก่อนจะหล่นลงไปล่างเตียง
“…นึกออกแล้ว”
“อะไรหรือ”
ในระหว่างที่บรรยากาศกำลังร้อนแรงเต็มที่ ฮอนก็พึมพำอะไรแปลกๆ ออกมาแล้วผละริมฝีปากออก รยูฮาจึงเอ่ยถามปนหงุดหงิดเล็กน้อย ฮอนที่เป็นฝ่ายพูดออกมาก็สะดุ้งเช่นกัน เพราะไม่รู้ว่าทำไมความกังวลที่วนเวียนอยู่ในหัวตลอดหลายวันถึงได้หลุดออกมาจากปากในเวลานี้
“ตอนนี้ต้องรีบแล้ว ไว้วันหลังนะ”
มือของฮอนที่ปิดปากสนิทอีกครั้งกำลังถอดชุดชั้นในตัวบางกลับถูกรั้งเอาไว้
“อะไร บอกมาสิเพคะ”
“ไว้วันหลัง”
เพียงแค่ถอดชิ้นนี้ออกก็เรียบร้อยแล้ว แต่รยูฮากลับเพิ่มแรงที่มือขึ้นอีกด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความซุกซนเหมือนกับไม่คิดจะปล่อยมือ ผิดกับใจของเขาที่กำลังร้อนรุ่ม ในท้ายที่สุดฮอนก็กดจูบลงไปอีกครั้งแล้วพึมพำออกมาเบาๆ พร้อมกับผ่อนลมหายใจออกมา
“สัญญา ตั๊กแตน”
รยูฮาหลุดหัวเราะออกมาเหมือนกับได้ฟังเรื่องเหลือเชื่อพร้อมกับคลายแรงที่มือซึ่งจับฮอนอยู่ออก ในขณะเดียวกันฮอนก็ถอดชุดชั้นในได้สำเร็จ อุณหภูมิร่างกายร้อนผ่าวขึ้นจนเป็นสีแดงระเรื่อในทุกจุดที่ลมหายใจของเขาสัมผัส ส่วนความรักก็เบ่งบานขึ้นในทุกที่ที่มือของเขาสัมผัสเช่นกัน แสงไฟสลัวในตะเกียงส่องแสงกระทบกับเรือนร่างของชายหนุ่มที่มีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ได้อย่างน่าหลงใหล
“ข้าเคยบอกไปแล้วใช่หรือไม่ว่าเจ้าคือรักแรกของข้า”
ฮอนทิ้งร่องรอยไว้บนผิวขาวเป็นจุดๆ และจู่ๆ ก็เอ่ยถามขึ้นมาเหมือนกับเพิ่งนึกขึ้นได้
“รักแรกไม่ใช่แชยอนหรือเพคะ”
“บอกแล้วไงว่าไม่ใช่ ตอนที่เจ้าชวนไปเล่นต่อสู้แล้วใช้ดาบไม้ฟาดหัวข้าอย่างแรง นับตั้งแต่ตอนนั้นข้าก็รักและคิดถึงเจ้าเป็นอย่างมาก”
“แล้วทำไมถึงต้องเป็นตอนนั้นล่ะเพคะ”
เอวบางบิดเร่าพร้อมกับลมหายใจหอบ ท่ามกลางสติที่ค่อยๆ เลือนรางมีเพียงเสียงของฮอนเท่านั้นที่ยังคงอยู่ราวกับอยู่ท่ามกลางความฝัน
“ตั้งแต่ตอนนั้นเพียงแค่ได้เห็นเจ้า หัวใจของข้าก็เต้นแรงแล้ว”
เหมือนกับในตอนนี้ ฮอนพูดเสริมพลางพ่นลมหายใจร้อนเข้าไปหว่างขา
“น่าจะแค่กลัวโดนตีอีกหรือเปล่าเพคะ”
“เพราะเป็นรักแรกต่างหาก”
ปลายลิ้นของฮอนจดจ่ออยู่แต่ตรงส่วนอ่อนไหวโดยที่ไม่เปิดโอกาสให้นางได้โต้ตอบ จนรยูฮาเริ่มผ่อนคลาย เสียงครางหวานหูดังขึ้นต่อเนื่องทำให้ตัวตนของเขาใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในตอนที่รยูฮาจิกแขนแน่นและงอตัว ฮอนทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงรุกล้ำเข้าไปในตัวนางโดยไม่ระมัดระวัง
“ข้ารักเจ้า ตั้งแต่ครั้งแรก จนถึงตอนนี้”
“ฮ้า…หม่อมฉันก็…รักเช่นกันเพคะ”
ฮอนขยับเอวแกร่งราวกับระลอกคลื่น ความรู้สึกที่เล็บรยูฮาจิกลงมาตรงต้นแขนนั้นน่าหลงใหลยิ่งกว่าความเจ็บปวดใดๆ
“ทำไมไม่เรียกชื่อข้าเลยล่ะ”
“กลัวว่าจะดีมากจนเกินไป”
“แต่ข้าอยากดีมากๆ นะ”
“ไม่นะ ข้า”
“ดูเหมือนว่าตอนนี้คงจะไม่ค่อยดีสินะ”
จู่ๆ ฮอนก็กระแทกกายเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงกระซิบหยอกล้อ หยาดเหงื่อที่ผุดตรงหน้าผากเรียบหยดลงบนใบหน้าของรยูฮา ก่อนจะกลิ้งลงไปด้านข้าง ฮ้า เสียงครางดังออกมาจากปากที่เผยอออกผสานกับเสียงอันแผ่วเบาและนำพาเขาไปสู่ความเร้าใจที่แทบคลั่ง
“ข้ารัก อ่า ฮอน…”
อารมณ์ที่ขยายใหญ่ขึ้นมาจนถึงขีดจำกัดระเบิดออกมารวดเดียวและกระจัดกระจายไปทั่วทุกทาง พวกเขาควานหาและดูดกลืนริมฝีปากของกันและกันโดยไม่ต้องมีใครบอกให้เริ่มก่อนท่ามกลางลมหายใจหอบกระชั้น จากนั้นจึงยิ้มออกมาเบาๆ ฮอนยังคงกอดรยูฮาอยู่ในอ้อมอกอยู่อย่างนั้นโดยไม่ได้พูดอะไร เพราะความกังวลที่ไม่อาจบรรยายได้ซึ่งกลัวว่าความสุขที่อัดแน่นอยู่เต็มหน้าอกจะลอยหายไปพร้อมกับเสียงพูด
คิก เสียงหัวเราะเบาๆ หลุดออกมาจากฝีปากที่ประกบกันอยู่ สัญญาไว้ไม่ใช่หรือว่าจะกลับไปทันทีที่ประตูพระราชวังเปิดตอนเช้ามืด ในค่ำคืนนั้น คู่รักที่ได้กลายเป็นหนึ่งเดียวและแยกออกจากกันหลายต่อหลายรอบได้ผล็อยหลับไปตอนที่ด้านนอกหน้าต่างเริ่มจะเห็นแสงสว่างรำไร
“ฝ่าบาท พระมเหสีเสด็จมาพ่ะย่ะค่ะ”
ขันทีเข้ามากระซิบบอกในช่วงเย็น วันนี้เป็นวันที่ฮอนเรียกรวมเหล่าเสนาบดีระดับสูงและปวดหัวกับงานนู้นงานนี้ในห้องทรงงาน จากนั้นจึงพักเสวยของว่างด้วยกันกับพวกเขา และตอนนี้เขากำลังคิดอยู่ว่าค่อยๆ ทำงานให้เสร็จช้าๆ ดีไหม แม้ใจหนึ่งจะดีใจที่รยูฮาซึ่งไม่เคยมาแถวๆ ท้องพระโรงหรือห้องทรงงานเลยมาหา แต่อีกใจก็เกิดกังวลขึ้นมาว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า
“บอกให้เข้ามาได้ ส่วนพวกท่านวันนี้พอแค่นี้ก่อน”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
มีทั้งเรื่องการขาดแคลนธัญพืชในพื้นที่บางแห่ง ส่วนบางแห่งก็มีโจรป่าบุกรุกและบางแห่งก็เกิดเหตุหิมะถล่ม เหล่าเสนาบดีจึงไม่มีเวลาว่างเลยเพราะงานที่ต้องจัดการกองกันเป็นภูเขาหลังจากเผชิญกับฤดูหนาว เหล่าเสนาบดีที่ได้พักในรอบหลายชั่วยามต่างพากันจัดเก็บเอกสารด้วยสีหน้าที่ซ่อนความดีใจเอาไว้ไม่มิด ท่านมหาเสนาบดีก็ด้วยเช่นกัน ริมฝีปากอันเคร่งขรึมของเขามีรอยยิ้มปรากฏขึ้นหลังจากที่ออกไปจากห้องทรงงานพร้อมกับเสนาบดีคนอื่นๆ แม้ว่าอันดับจะถูกดันออกไปเพราะคัง แต่ผู้หญิงที่ยืนอยู่สุดปลายโถงทางเดินก็ยังคงเป็นผู้หญิงที่เขารักจนหาที่สุดไม่ได้
“ถวายบังคับพ่ะย่ะค่ะ พระมเหสี”
“เลิกแล้วหรือเจ้าคะ ท่านทำงานหนักมากนะเจ้าคะ”
“ทรงตรัสเช่นนั้น หม่อมฉันขอบพระทัยยิ่งกว่าพ่ะย่ะค่ะ”
เนื่องจากมีสายตาของผู้อื่นจับจ้องอยู่จึงไม่สามารถพูดคุยด้วยกันได้มากนัก แต่อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ระหว่างพ่อและลูกสาวก็สามารถแสดงความรักความผูกพันออกมาได้ด้วยเพียงแค่คำพูดตามธรรมเนียมไม่กี่คำ รยูฮาย่นจมูกให้พ่อดูอย่างขี้เล่นเป็นการส่งท้าย ก่อนจะเดินผ่านเสนาบดีที่ยืนหลบออกไปด้านข้างเข้าไปในห้องทรงงานที่ฮอนกำลังกางม้วนกระดาษอันสุดท้ายอยู่
“มีเรื่องอะไรหรือพระมเหสี”
“หม่อมฉันมาไม่ได้หรือเพคะ”
“ไม่ได้ ถ้าหากเสด็จมาหาอย่างกะทันหันแบบนี้”
“ถ้าเช่นนั้น เดี๋ยวหม่อมฉันมาใหม่เพคะ”
ไหล่ที่กำลังจะหันขวับกลับไปอย่างไร้เยื่อใยถูกคว้าไว้ได้อย่างรวดเร็วแบบไม่ให้เจ็บ ฮอนสวมกอดนางจากทางด้านหลังและกระซิบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความยินดี
“ถ้ามาหาครั้งเดียว ข้าก็คงจะเฝ้ารอเจ้าทุกวันเป็นแน่ และคงจะเอาแต่คิดว่าวันนี้เจ้าจะมาไหมนะ”
ผู้ชายเจ้าเล่ห์คนนี้ไปเรียนการพูดการจาอะไรแบบนี้มาจากที่ไหนกัน รยูฮาพยายามกดมุมปากที่จะยกขึ้นด้านบนไว้ ทั้งยังพยายามรักษาความสุขุมเยือกเย็นเอาไว้ด้วย แต่ทั้งหมดนั่นล้มเหลวไม่เป็นท่าเพราะฮอนที่ค่อยๆ รั้งให้นางหมุนตัวมาแล้วทาบริมฝีปากลงไปบนริมฝีปากของนางราวกับกลีบดอกไม้ที่ลอยอยู่ในลำธาร ในท้ายที่สุดนางจึงหลุดหัวเราะออกมาแล้วคล้องแขนกับคอระหง
“หิมะตกเพคะฝ่าบาท”
หลังจากผ่านไปสักพัก รยูฮาก็ถอนริมฝีปากออกแล้วพูดกระซิบ
“หรือว่าที่มาหาถึงที่นี่ก็เพราะจะมาชวนไปดูหิมะ”
“ถ้าทรงไม่อยากก็ไม่ต้องก็ได้เพคะ”
“ไม่อยากอะไรกัน วันนี้ข้าจะจดลงบันทึกประจำวันไว้เลย ว่าเป็นวันที่พระมเหสีมาหาที่ห้องทรงงานเพื่อชวนไปดูหิมะ”
“ไม่เอาเพคะ”
“เจ้า จดลงไปเลย”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”