ตอนที่ 2683 มรดกนักบุญแห่งดาบคริมสันอาย

ในขณะนี้ซัมมอนเนอร์หญิงจากฟรอสต์ฮีฟเว่นไม่ใช่แค่คนเดียวที่ประหลาดใจกับเหตุการณ์ที่พลิกผันอย่างกระทันหันที่ประตูหลักของเมืองปีกสีเงิน ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามคนอื่นๆที่เพิ่งเข้ามาในเมืองก็ล้วนเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากเช่นกัน เมื่อเห็นกลุ่มผู้เล่นขั้นสองจำนวนมากพยายามจะเข้ามาในเมืองกัน

“นี่คนเหล่านี้บ้าไปแล้วงั้นหรอ ?!”

สำหรับผู้เล่นขั้นสองในปัจจุบัน ค่าเข้าเมืองสิบเหรียญเงินนั้น นับเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเมื่อไม่นานมานี้ผู้เล่นขั้นสองหลายคนยังบ่นและแสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับค่าเข้าเมืองที่แพงเกินไปของเมืองปีกสีเงินอยู่เลย พวกเขาบางส่วนกระทั่งหวังให้การดำเนินงานของเมืองปีกสีเงินล้มเหลวด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามตอนนี้ผู้เล่นขั้นสองหลายคนที่ทำอะไรพวกนี้ก่อนหน้านี้กับกำลังพยายามอย่างยิ่งที่จะให้ NPC ที่ประจำการอยู่บริเวณหน้าประตูหลักรับเงินค่าเข้าเมืองของพวกเขาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ และมันดูเหมือนว่าพวกเขาพร้อมจะเริ่มการต่อด้วยซ้ำ หาก NPC ปฎิเสธที่จะรับเงินของพวกเขา

อย่างไรก็ตามก่อนที่ผู้เชี่ยวชาญที่ยืนอยู่บริเวณหน้าประตูหลักจะทันได้ประเมินสถานการณ์ทั้งหมดได้อย่างถูกต้อง มันก็มีกลุ่มผู้เล่นขั้นสองกลุ่มใหญ่หลั่งไหลเข้ามาในเมืองแล้ว ซึ่งเมื่อกลุ่มผู้เล่นขั้นสองเข้ามาในเมืองได้นั้น พวกเขาก็รีบพุ่งตรงไปยังบริษัทขนส่งของเมืองปีกสีเงินราวกับกลุ่มเสือชีต้าห์ ในขณะที่ใบหน้าของพวกเขานั้นก็ล้วนเต็มไปด้วยความสุขมากๆ

“นี่สภาสิบแปดปีกทำอะไรไปกัน ?”

ซัมมอนเนอร์หญิงจากฟรอสต์ฮีฟเว่นนั้นอดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความสับสน เมื่อเธอได้เห็นสมาชิกขั้นสองของมหาอำนาจและทีมนักผจญภัยชั้นยอดต่างๆวิ่งผ่านเธอไปยังมุมที่อยู่ห่างไกลของเมือง

เมื่อครู่ที่ผ่านมา ผู้เล่นเหล่านี้ยังยอมแพ้ในเรื่องเมืองปีกสีเงินอย่างชัดเจน เนื่องจากมันมีค่าเข้าเมืองที่สูงเกินไป อย่างไรก็ตามตอนนี้ผู้เล่นต่างพากันวิ่งและกรูกันแย่งชิงพื้นที่เพื่อจะเข้ามาในเมือง ยิ่งไปกว่านั้นนี่มันยังดูเหมือนว่าจะไม่มีที่สิ้นสุดเลย กระแสของผู้เล่นยังคงหลั่งไหลเข้ามาเรื่อยๆ ซึ่งในอัตรานี้สภาสิบแปดปีกก็จะได้รับโชคลาภอย่างมหาศาลเลยผ่านค่าเข้าเมืองปีกสีเงินเพียงอย่างเดียว
“คนเหล่านี้ล้วนรีบวิ่งไปที่บริษัทขนส่ง มันจะต้องมีอะไรที่นั่นเปลี่ยนแปลงแน่นอน …” เคิร์สแมนเซอร์หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆซัมมอนเนอร์หญิง กล่าวขณะที่เธอมองไปยังทิศทางที่กลุ่มผู้เล่นกำลังไป

“บริษัทขนส่ง ?” ซัมมอนเนอร์หญิงคิดว่าคำพูดของเพื่อนเธอนั้นมันยากที่จะเชื่ออยู่เล็กน้อย เธอนั้นนึกไม่ออกเลยว่าบริษัทขนส่งจะต้องเปลี่ยนแปลงไปแบบไหนกันถึงทำให้ผู้เล่นขั้นสองบ้าคลั่งได้ขนาดนี้

อย่างไรก็ตามซัมมอนเนอร์หญิงก็ไม่ได้เสียเวลาคิดมากในเรื่องนี้มากเกินไป เพราะเธอและทีมของเธอได้เลือกจะติดตามฝูงชนไปที่บริษัทขนส่งในทันที

เมื่อสมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่นทั้งหมดมาถึงภายในล๊อบบี้ของบริษัทขนส่งที่มีผู้คนพลุกพล่าน ดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกตะลึง และพวกเขาทุกคนก็ล้วนพูดไม่ออกเลย ….

เพียงแค่ทำเควสขั้นสูงระดับสี่ดาวหนึ่งครั้ง ผู้เล่นทุกคนที่เกี่ยวข้องก็จะได้รับรางวัลเป็นเงินหกสิบเหรียญทอง รวมไปถึงรางวัลอื่นๆอีก ซึ่งนี่เป็นรายได้ที่แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดขั้นสามเช่นตัวพวกเขาเองก็ไม่สามารถหาได้ภายในหนึ่งหรือสองวัน แต่มันกับมีเควสขั้นสูงระดับสี่ดาวแบบนี้ถึงหกเควสที่รอให้ผู้เล่นมารับไปทำอยู่

นอกเหนือจากเควสขั้นสูงระดับสี่ดาวแล้ว มันยังมีเควสขั้นสูงระดับสามดาวอีกจำนวนมาก ซึ่งจะมอบรางวัลให้กับผู้เล่นที่ทำมันได้สำเร็จโดยมีมูลค่าเทียบเท่ากับรายได้ของผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดขั้นสามเช่นตัวพวกเขาเองในหนึ่งวันเลย

โดยหากพวกเขามุ่งเน้นไปที่การทำเควสแบบนี้ตลอดทั้งวัน นอกจากพวกเขาจะมีรายได้อย่างมหาศาลแล้ว พวกเขายังมีสิทจะได้รับไอเทมพิเศษต่างๆอีกมากมายด้วย ซึ่งต้องบอกเลยว่าโดยรวมแล้วนั้น มันดูจะมีประโยชน์กว่าการไปไล่ล่าเก็บเลเวล หรือโจมตีดันเจี้ยนขนาดใหญ่พิเศษด้วยซ้ำ เพราะเควสเหล่านี้นั้นมันมีโอกาสที่จะทำให้พวกเขาได้รับอุปกรณ์และอาวุธที่เหมาะกับอาชีพของตนด้วย

มันอาจกล่าวได้ว่า หากผู้เล่นเน้นไปที่การทำเควสขั้นสูงระดับสามดาวพวกนี้เรื่อยๆ ไม่เพียงแต่รายได้และ EXP ที่พวกเขาจะได้รับมันจะสามารถเทียบกับผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดขั้นสามได้ แต่อุปกรณ์และอาวุธของพวกเขายังอาจจะขึ้นไปเทียบเท่ากับผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดขั้นสามได้ด้วย

“ไม่น่าแปลกใจเลยที่คนเหล่านี้มีปฎิกิริยาที่ค่อนข้างบ้าคลั่งมากๆ ฉันประเมินสภาสิบแปดปีกต่ำเกินไปจริงๆ ด้วยเควสที่น่าดึงดูดเหล่านี้ไม่ต้องพูดถึงค่าเข้าเมืองสิบเหรียญเงินต่อคนเลย แม้ว่าค่าเข้าเมืองจะเป็นยี่สิบเหรียญเงินต่อคน แต่มันก็จะยังมีผู้เล่นจำนวนมากที่ต้องการพัฒนาในเมืองปีกสีเงินแน่นอน” ซัมมอนเนอร์หญิงในชุดเสื้อคลุมสีดำที่เริ่มตระหนักได้ถึงเรื่องราวทั้งหมดกล่าวออกมา

แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดขั้นสามแบบตัวเธอก็ยังรู้สึกถูกล่อลวงจากเควสเหล่านี้ที่มีในบริษัทขนส่ง ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงผู้เล่นขั้นสอง และผู้เชี่ยวชาญขั้นสามทั่วไปเลย

“มู่ฉิน ฉันพึ่งจะส่งต่อข้อมูลนี้ไปยังหัวหน้ากิล และหัวหน้ากิลกล่าวว่าเราสามารถดำเนินการเรื่องการเป็นพันธมิตรได้ทันที” เคิร์สแมนเซอร์หญิงกล่าว

“นี่หัวหน้ากิลไม่รีบร้อนเกินไปหน่อยงั้นหรอ ? แม้ว่าเควสจากบริษัทขนส่ง และการป้องกันของเมืองงปีกสีเงินจะทำให้มั่นใจได้ว่าอนาคตนั้นเมืองจะกลายเป็นศูนย์กลางการค้าในจักรวรรดิออร์คและประเทศใกล้เคียงแน่นอน แต่มันก็ยังไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับสภาสิบแปดปีกที่จะโจมตีพวกมอนสเตอร์ Faux Saint กลับ การนำสภาสิบแปดปีกเข้ามาไม่น่าจะช่วยพันธมิตรของเราได้มากนักเลย และอย่างดีที่สุดเราก็จะสามารถใช้เมืองปีกสีเงินเป็นจุดพักผ่อนได้เท่านั้น ….” ซัมมอนเนอร์หญิงที่ชื่อมู่ฉินพูดพลางขมวดคิ้ว

บริษัทขนส่งของสภาสิบแปดปีกนั้นยอดเยี่ยมมากๆ แต่พันธมิตรที่ฟรอสต์ฮีฟเว่นตั้งขึ้นก็ไม่ใช่อะไรที่ธรรมดาเช่นกัน และใครก็ตามที่ได้เข้าเป็นสมาชิกพันธมิตรของพวกเขาจะได้รับประโยชน์เกินกว่าที่พวกเขาจะได้รับจากการเป็นพันธมิตรกับมหาอำนาจทั่วไป นี่เป็นสาเหตุที่เธอและทีมของเธอนั้นได้เดินทางมาเพื่อสังเกตการณ์สภาสิบแปดปีก และตรวจสอบคุณสมบัติของกิล

“งั้นเราจะไปกันต่อรึปล่าว ?” เคิร์สแมนเซอร์หญิงถามขณะที่เธอมองไปยังมู่ฉิน

นอกเหนือจากการเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมน และรองหัวหน้ากิลฟรอสต์ฮีฟเว่นแล้ว มู่ฉินยังเป็นทายาทของบริษัทโบลเดอร์ ซึ่งเป็นบริษัทนานาชาติระดับแนวหน้าชั้นยอดที่เหนือกว่าแม้แต่บริษัทสตาร์ไลน์

เนื่องจากบริษัทโบลเดอร์จัดการหาทรัพยากรป้อนให้กับฟรอสต์ฮีฟเว่นมากกว่าครึ่งหนึ่งของกิล ดังนั้นสถานะของมู่ฉินภายในกิลจึงไม่ได้ต่ำกว่าหัวหน้ากิลเลยแม้แต่น้อย และหัวหน้ากิลก็จะต้องนำความคิดเห็นของมู่ฉินมาพิจารณาอย่างหนักในเรื่องสำคัญๆ
“เนื่องจากหัวหน้ากิลได้พูดมาแบบนี้แล้ว เราก็ต้องไปดูกันก่อนนั่นแหละ ถ้าสภาสิบแปดปีกมีศักยภาพและความแข็งแกร่งมากพอที่จะต่อสู้กับมอนสเตอร์ Faux Saint ได้จริงๆ การจะให้กิลเข้าร่วมกับพันธมิตรของเรามันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย” มู่ฉินกล่าวหลังจากครุ่นคิด “อย่างไรก็ตามหากฉันพบว่าสภาสิบแปดปีกไม่เหมาะสม เราก็จะเลือกเป้าหมายอื่นเพื่อรับสมัครมาเข้าพันธมิตรเราแทน”

“งั้นฉันจะติดต่อไปยังสภาสิบแปดปีกเดี๋ยวนี้เลย” เคิร์สแมนเซอร์หญิงกล่าวพลางถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา เมื่อได้ยินคำตอบของมู่ฉิน ในความคิดของเธอศักยภาพของเมืองปีกสีเงินนั้นยิ่งใหญ่มากๆ และแม้จะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากฟรอสต์ฮีฟเว่น แต่เมืองก็จะยังคงเจริญรุ่งเรืองขึ้นไปอีกมากแน่นอน ในความเป็นจริงมันอาจกลายเป็นสถานที่สำคัญสำหรับการต่อสู้ของพันธมิตรกับมอนสเตอร์ Faux Saint ในอนาคตได้เลย อย่างไรก็ตามหากมู่ฉินไม่เห็นด้วยกับการที่สภาสิบแปดปีกจะเข้าร่วมพันธมิตรของพวกเขาจริงๆ แม้แต่หัวหน้ากิลก็จะมีปัญหาในการเกลี้ยกล่อมเธอ

ขณะที่มู่ฉินและคนอื่นๆกำลังพูดคุยกัน ข่าวเกี่ยวกับบริษัทขส่งก็แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว เป็นผลให้กิลขนาดใหญ่และทีมนักผจญภัยจำนวนมากที่มุ่งหน้าออกจากจักรวรรดิออร์คถึงกับต้องเดินทางกลับมา ขณะที่บางกลุ่มนั้นถึงขั้นวางแผนที่จะทำให้เมืองปีกสีเงินเป็นสำนักงานใหญ่หลักในระยะยาวของพวกเขาด้วยซ้ำ

….

ในขณะที่ประชากรผู้เล่นของเมืองปีกสีเงินกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซือเฟิงก็ยอมรับมรดกนักบุญแห่งดาบคริมสันอายเข้ามา

“แน่นอนเลยว่าการจะทะลุขีดจำกัดของร่างมานาระดับอีปิคนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย” ซือเฟิงถอนหายใจออกมา ขณะที่เขามองไปยังคริสตัลความทรงจำที่แตกสลายในมือของเขา

ในตอนแรกเขาคิดว่าด้วยผลของตราประทับวิญญาณทั้งแปดดวง และมรดกของนักบุญแห่งดาบคริมสันอาย เขาน่าจะสามารถทลายขีดจำกัดของ่รางมานาระดับอีปิคของเขาได้ทันที แต่น่าเสียดายที่สิ่งต่างๆนั้นไม่เป็นอย่างที่เขาวางแผนไว้ เขายังต้องต้องการอีกก้าวหนึ่งเพื่อจะทลายขีดจำกัด

แม้ว่าเขาจะรู้มานานแล้วว่าการจะทลายขีดจำกัดของร่างมานาระดับอีปิคให้ได้นั้นมันยากมากๆ แต่เขาก็ไม่คิดเลยว่ามันจะยากขนาดนี้ แม้จะอาศัยประสบการณ์ของนักบุญแห่งดาบคริมสันอาย และนักบุญสวรรค์น้ำเงิน เขาก็ยังไม่สามารถจะทลายขีดจำกัดของร่างมานาระดับอีปิคได้

แน่นอนนั่นไม่ได้หมายความว่าซือเฟิงจะไม่ได้รับอะไรเลยจากนักบุญแห่งดาบคริมสันอาย เพราะด้วยการอาศัยเทคนิคของนักบุญแห่งดาบคริมสันอายตอนนี้ มันทำให้เขาสามารถหมุนเวียนมานาภายในร่างกายได้เร็วขึ้นยี่สิบเปอเซ็นต์

สำหรับผู้เล่นคนอื่นๆ การปรับปรุงนี้อาจจะไม่ส่งผลกระทบสำคัญใดๆ อย่างไรก็ตามสำหรับคนอย่างซือเฟิง ซึ่งมีโดเมนธรรมชาติแล้ว มันก็จะคล้ายกับการที่เรื่องนี้ทำให้ความเร็วในการตอบสนองของเขาเพิ่มขึ้นยี่สิบเปอเซ็นต์ ซึ่งมันนับเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่เลย ยิ่งไปกว่านั้นโดเมนมานาของเขาก็ยังหนาแน่นขึ้นและแข็งแกร่งมากขึ้นด้วย

ถ้าซือเฟิงต้องต่อสู้กับ Faux Saint Devourer ตอนนี้ เขาก็มั่นใจว่าเขาจะสามารถเอาชนะมันได้โดยไม่ต้องใช้เทคนิคมานา และการกลายร่างเป็นมังกรดำเลย

ในขณะนี้เอง อยู่ๆยู่หลานก็โทรเข้ามาหาซือเฟิงและพูดว่า “หัวหน้ากิล ตัวแทนจาก
ฟรอสต์ฮีฟเว่นได้มาเยี่ยมเยียนเรา พวกเขาบอกว่าพวกเขาต้องการหารือเกี่ยวกับการเป็นพันธมิตร”

“ฟรอสต์ฮีฟเว่น ?”

ซือเฟิงนั้นค่อนข้างจะคุ้นเคยกับชื่อกิลๆนี้ดี เพราะมันจัดว่าเป็นชื่อกิลที่โด่งดังมากในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา เพราะท้ายที่สุดฟรอสต์ฮีฟเว่นนั้นคือหนึ่งในสิบสองกิลที่ได้รับการยอมรับว่าแข็งแกร่งที่สุดใน God domain พวกเขาเป็นยักษ์ใหญ่อย่างแท้จริงในตอนนั้น อย่างไรก็ตามในช่วงระยะแรกของ God domain นั้น ฟรอสต์ฮีฟเว่นได้รักษาโปรไฟล์ที่ต่ำไว้แทบจะตลอดเวลา ดังนั้นมันจึงแทบจะไม่มีใครรู้ถึงรายละเอียดเกี่ยวกับกิลๆนี้มากนักเลย และเหตุการณ์ที่ทำให้ฟรอสต์ฮีฟเว่นมีชื่อเสียงขึ้นมาในหมู่สาธารณชนในชีวิตที่ผ่านมาของเขานั้นก็คือ พวกเขาเป็นกิลๆแรกที่สามารถสร้างผู้เล่นขั้นสี่ขึ้นมาได้สำเร็จ

“หัวหน้าต้องการจะพบพวกเขาไหม ?” ยู่หลานถาม เมื่อเธอเห็นซือเฟิงครุ่นคิด

“ให้พวกเขาไปรอที่ห้องรับรองของคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองเมือง ..” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า จากนั้นเขาก็จัดพื้นที่ทำงานของเขาให้เรียบร้อย ก่อนที่เขาจะออกจากออฟฟิศของตัวเองที่อยู่ชั้นสี่ลงไปยังห้องรับรองที่อยู่ชั้นหนึ่ง