ตั้งแต่ที่เฮ่อเหลี่ยนได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้ว่าจะไม่ให้ตำแหน่งใดกับเขาอีก เขาก็อยู่ไปวันๆ อย่างหมดอาลัยตายอยาก เอาแต่ดื่มสุรา เมื่อดื่มจนเมาแล้วก็เริ่มอาละวาด หรือไม่ก็เอาอารมณ์ไปลงที่สาวใช้ในบ้าน ตั้งแต่ที่เขาถูกปลด เขาก็เริ่มทรมานย่ำยีผู้อื่น โดยไม่สนใจว่าผู้อื่นจะเป็นตายร้ายดีเช่นไร หลังจากที่ฮูหยินถูกเขาย่ำยีมาหลายครั้ง เมื่อพบหน้าเขานางก็จะกลัวจนตัวสั่น นางจึงได้คิดหาวิธีขึ้นมา ให้พ่อบ้านไปซื้อหญิงสาว เอามาเป็นสาวบริการในบ้าน ขอเพียงเขาถูกใจก็จะรีบส่งตัวไปให้เขาทันที อย่างไรเสียเขาก็ไม่ทำตัวเป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว คงจะไม่สร้างผลเสียอะไรไปมากกว่าเดิม การทำเช่นนี้ก็ยิ่งเป็นการให้ท้ายการกระทำของเฮ่อเหลี่ยน วันๆ เขาไม่ออกจากบ้าน เอาแต่ทำเรื่องอย่างว่า

 

 

อาศัยอยู่ในจวนเดียวกัน เฮ่อจางจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร จึงเรียกเขาไปพบและดุด่าว่ากล่าวยกใหญ่ “เรื่องแบบนี้หากแพร่ออกไปแล้ว ได้ยินถึงหูของฮ่องเต้เข้า ข้าคงจะได้รับโทษฐานที่จัดการควบคุมดูแลบ้านไม่ดีเป็นแน่ ถึงตอนนั้นไม่ใช่เพียงแต่เจ้าจะหมดโอกาสได้กลับเข้าวังอีก แต่หมวกข้าขุนนางบนหัวของพ่อเองก็ต้องสั่นคลอนไปด้วย เจ้าเพลาลงเสียบ้าง หากให้ข้าได้ยินเรื่องเช่นนี้อีก ข้าจะจับเข้าขังเอาไว้ นอกจากอาหารสามมื้อแล้ว เจ้าจะไม่ได้แตะต้องอะไรอีกทั้งสิ้น”

 

 

เฮ่อเหลี่ยนถูกฤทธิ์ของสุราทำพิษเข้าแล้ว คำพูดของเฮ่อจางเข้าทางหูซ้ายก็ทะลุออกหูขวาทันที ไม่ตกตะกอนอะไรไว้เลย แต่ว่าเขาก็ยังคงฟังคำแนะนำจากพ่อบ้าน เมื่อใดที่เฮ่อจางอยู่บ้าน เขาก็จะทำเพียงดื่มสุรา ไม่สร้างปัญหา แต่เมื่อใดที่เฮ่อจางเข้าวัง เขาก็จะทำอะไรตามใจตนเองก็ได้

 

 

ดังนั้นสาวรับใช้ที่ทำงานในจวนต่างก็ทำงานด้วยความหวาดกลัวอยู่ทุกวัน กลัวว่าหากไปประจันหน้ากับเฮ่อเหลี่ยนที่เมาแล้ว ตนจะถูกทรมานย่ำยี

 

 

หลังจากที่นายประตูพูดจบ ในห้องก็มีเสียงกรีดร้องน่าเวทนาของหญิงสาวดังออกมา ร่างของอวิ๋นซีสั่นเทาขึ้นมาทันที ยกมือขึ้นวางไว้บนปากเชิงว่าให้เงียบเสียงลง แล้วจึงเดินไปหาเขา พูดเสียงเบาว่า “คุณชายกำลังสนุกอยู่ เจ้ามารบกวนท่านเวลานี้ จะเป็นการหาเหาใส่หัวเอานะ”

 

 

เสียงกรีดร้องน่ากลัวยังคงดังออกมาอย่างต่อเนื่อง นายประตูตกใจจนเหงื่อไหลออกมาเต็มตัว พยักหน้ารัว รีบกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณที่เตือนนะพี่อวิ๋นซี ข้าขอตัวก่อนล่ะ”

 

 

อวิ๋นซีพยักหน้า นายประตูกำลังจะหันหลังเดินกลับไป

 

 

เสียงหอบแรงของเฮ่อเหลี่ยนก็ดังออกมาจากด้านใน “ใครมาหาข้า มีเรื่องอะไรหรือ”

 

 

พูดจบ ก็สั่งว่า “พานังคนไร้ประโยชน์นี่ออกไปที เอานางไปทิ้งไว้ที่ป่าช้าซะ ข้ายังสนุกไม่พอเลย นางดันมาตายไปก่อน”

 

 

มีเสียงคนตอบรับ เดินเข้าไปด้านใน ไม่นานร่างของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยบาดแผล บนร่างไม่มีเสื้อผ้าอาภรณ์เลยสักชิ้น ก็ถูกลากออกมาราวกับสุนัขตัวหนึ่งและถูกลากต่อไปจนถึงนอกบริเวณเรือน

 

 

แม้ว่าจะได้เห็นภาพเช่นนี้บ่อยๆ แต่อวิ๋นซีก็อดหันหน้าหลบไปอีกทางไม่ได้

 

 

แต่นายประตูได้เห็นภาพเช่นนี้เป็นครั้งแรก เขาใจเต้นระรัว แข้งขาอ่อนแรง

 

 

เสียงของเฮ่อเหลี่ยนดังออกมาอีกครั้ง “ใครก็ได้ เข้ามาเก็บกวาดในห้องที”

 

 

อวิ๋นซีตอบรับ พาสาวใช้สองคนเข้าไปเก็บกวาดด้วยความลนลาน

 

 

เสื้อผ้าของเฮ่อเหลี่ยนยับยู่ยี่ เดินโซเซออกมาจากห้อง ถามว่า “ผู้ใดมาพบข้า”

 

 

นายประตูใจสั่น รู้สึกว่าตนคิดผิดที่คิดจะมารายงานเขา ดูท่าทางของคุณชายตอนนี้แล้ว ก็เท่ากับเอาหัวมาถวายให้เขาตัดเล่นเสียอย่างนั้น ปากของเขาขยับขึ้นลงหลายครั้ง ก้าวขาถอยหลังไปหลายก้าว จึงได้กล่าวรายงานเสียงเบาว่า “เป็นขอทานผู้หนึ่งขอรับ”

 

 

เฮ่อเหลี่ยนคิดว่าตนเมาแล้วหูฝาดไป จึงได้ถามย้ำอีกครั้งว่า “เจ้าว่าเป็นใครนะ”

 

 

นายประตูกลืนน้ำลายลงคออย่างลืมตัว ลูกกระเดือกขยับไปมาหลายครั้ง จึงได้พูดออกมาอย่างกล้าหาญว่า “ขอทานคนหนึ่งขอรับ”

 

 

ครั้งนี้เฮ่อเหลี่ยนได้ยินชัดเจนแล้ว และรู้ว่าครั้งนี้หูของตนไม่ได้ฝาดไป นายประตูพูดว่ามีขอทานคนหนึ่งมาขอพบเขาจริงๆ เขายิ้มน่ากลัวให้นายประตู “คนอย่างข้าตกต่ำถึงจุดนี้แล้วงั้นหรือ แม้แต่ขอทานยังกล้ามาขอพบข้าได้ตามอำเภอใจ”

 

 

สองขาของนายประตูอ่อนแรงจนยืนไม่ไหว พรึ่บ เขาทรุดลงกับพื้น ขอร้องด้วยน้ำเสียงสั่นเทาว่า “คุณชายได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย ขอทานผู้นั้นบอกจริงๆ ว่านางมีความลับที่จะทำให้ชีวิตของนังบ้านนอกเมิ่งเชี่ยนโยวนั่นจบสิ้นได้ ข้าน้อยจึงได้กล้ามารายงานท่าน มิเช่นนั้นข้าน้อยยอมตายดีกว่าจะต้องมารบกวนคุณชายด้วยเรื่องเล็กน้อยเพียงนี้”

 

 

เฮ่อเหลี่ยนหรี่ตาลง มองนายประตูโดยไม่พูดอะไรออกมา

 

 

เหงื่อของความกดดันผุดออกมาเต็มร่างของเขา ในวันที่อากาศร้อนอบอ้าวเช่นนี้ แต่เขากลับรู้สึกหนาวสะท้านอย่างบอกไม่ถูก เขาคิดในใจว่าตนเองอาจไม่มีโอกาสได้ชื่นชมแสงอาทิตย์สวยๆ เช่นนี้อีกแล้ว

 

 

เฮ่อเหลี่ยนเดินโซซัดโซเซไปด้านหน้าเล็กน้อย เดินไปตรงหน้าเขา ก้มลง ประชิดใบหน้าเขา กลิ่นสุราฉุนเข้าไปเต็มหน้าของนายประตู เหม็นจนเขาแทบทนไม่ได้เกือบจะอาเจียนออกมา เฮ่อเหลี่ยนถึงได้เปิดปากพูดออกมาว่า “นางพูดเช่นนี้หรือ”

 

 

เมื่อคิดได้ว่าหัวตัวเองอาจหลุดออกจากบ่าได้ทุกเมื่อ กลิ่นที่เขาคิดว่าเหม็นในตอนแรกก็ได้หายไปฉับพลัน พยักหน้าไม่หยุด ตอบกลับไปว่า “นางบอกว่านางโตมากับนังบ้านนอกนั่นขอรับ นางกุมความลับของนางคนนั้นเอาไว้ ความลับนั้นจะต้องทำให้นางสิ้นเป็นแน่ขอรับ”

 

 

พูดจบก็พูดต่อว่า “ขอทานผู้นี่ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นอนุที่ถูกคุณชายไล่ออกไปจากจวนเพราะนางฟันหายไปสองซี่ขอรับ”

 

 

เขายืดตัวตรง หรี่ตาลง นึกถึงภรรยาน้อยที่นายประตูพูดถึง พอนึกขึ้นได้ลางๆ เขายกขาถีบนายประตูไปหนึ่งที “ไสหัวไป ไปเอาตัวนางเข้ามา”

 

 

รอดชีวิตแล้ว นายประตูรีบตะเกียกตะกายขึ้นมา รีบหันหลังวิ่งออกไปทันที อึดใจเดียวก็วิ่งออกมาถึงด้านนอก ตอนนี้เขาถึงได้กล้าลูบอกตนเอง หายใจออกมาอย่างโล่งอก

 

 

เมื่อเห็นเขาเดินออกมา หลิวลี่ดีใจเป็นอย่างมาก อยากรีบเดินเข้าไปถามไถ่เขา แต่เมื่อนึกถึงคำของนายประตูที่ว่าห้ามนางก้าวออกมาจากจุดเดิม นางจึงหดเท้ากลับเข้ามา และถามอย่างใจร้อนว่า “คุณชายยอมให้ข้าเข้าพบแล้วใช่หรือไม่”

 

 

นายประตูหายใจหอบเหนื่อย จนกระทั่งกลับมาปกติแล้ว กวักมือเรียกนาง “เจ้าตามข้ามา!”

 

 

ปกติแล้วไม่ค่อยมีคนให้ทานหลิวลี่ นางมักจะขโมยของกิน ด้วยกลัวว่าจะถูกคนทำร้ายเข้า จึงต้องวิ่งสุดชีวิต เมื่อได้ยินว่าเฮ่อเหลี่ยนยอมพบนาง หลิวลี่จึงได้วิ่งพุ่งเข้าใส่นายประตูด้วยความเร็วเดียวกัน

 

 

คิดไม่ถึงเลยว่านางจะว่องไวเพียงนี้ ประโยคที่สองของเขายังไม่ทันหลุดออกจากปากนางก็วิ่งเข้ามาประชิดตัวแล้ว กลิ่นเหม็นเน่าของนางประทะเข้ากับจมูกของเขา เขาทนต่อไปไม่ไหวแล้ว จึงได้ทำเสียงอาเจียนออกมา แหวะ หลิวลี่ไม่ทันระวังตัวจึงถูกเขาอาเจียนใส่ชุดขอทานซอมซ่อของนาง

 

 

คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น หลิวลี่ผงะไปชั่วครู่ จากนั้นก็มองดูเสื้อผ้าของตนอย่างไม่เชื่อสายตา จากนั้นก็มองนายประตู “เจ้า…”

 

 

ไม่ทันสิ้นเสียง นายประตูทำท่าอาเจียนออกมาอีก

 

 

หลิวลี่รีบหลบออกห่าง พูดอย่างร้อนรนว่า “เสื้อผ้าข้ามีเพียงชุดนี้ชุดเดียว ใส่มาหลายปีแล้ว เจ้าอย่ามาทำให้ข้าเลอะเทอะไปกว่านี้อีก”

 

 

กลิ่นเหม็นออกห่างไปแล้ว นายประตูจึงไม่ได้อาเจียนออกมา แต่ว่าที่อาเจียนออกไปเมื่อครู่นี้ทำให้เขารู้สึกสบายขึ้น หลิวลี่ยืนมองคราบอาเจียนของเขาบนเสื้อผ้าของตน แล้วขมวดคิ้ว

 

 

นายประตูเห็นนางมีสีหน้าเช่นนั้นก็รู้สึกไม่ดี จึงเดินไปหลังประตู หยิบไม้กวาดเก่าๆ ที่เหลือเพียงไม่กี่เส้นมาให้นาง “ปัดๆ เสียหน่อย อย่าให้คุณชายได้กลิ่นเหม็นนี้”

 

 

มองดูรอบตัวแล้วไม่เห็นว่ามีอุปกรณ์ใดที่สามารถใช้เช็ดทำความสะอาดได้เลย หลิวลี่จนปัญญา รับไม้กวาดมา หวังจะปัดเอาสิ่งสกปรกบนเสื้อผ้าของตนออกไป แต่ผลก็เป็นอย่างที่คิด ยิ่งปัดเสื้อผ้าของนางก็ยิ่งสกปรกมากขึ้น หลิวลี่แทบจะโยนไม้กวาดทิ้งไปใส่หน้าของนายประตูเสียแล้ว

 

 

เมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าของนางสกปรกเสียยิ่งกว่าเมื่อครู่ นายประตูก็คิดได้ว่าตนได้ทำเรื่องโง่ๆ ลงไปเสียแล้ว สายตาของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย พูดว่า “ได้เท่านี้ก็เท่านี้ ข้าจะพาเจ้าไปพบคุณชายใหญ่”

 

 

ไม่นานก็จะได้พบกับคุณชายใหญ่แล้ว วันเวลาที่หลิวลี่เฝ้าคอยคิดถึงกำลังจะมาถึงแล้ว ชีวิตที่ต้องคอยเดินขอทานเพื่อประทังชีวิตกำลังจะจบสิ้นลง หลิวลี่กำลังฝันกลางวัน ในใจมีแต่ความยินดี ลืมเรื่องกลิ่นเหม็นบนตัวไป จากนั้นก็ทิ้งไม้กวาดในมือลง ยกเท้าก้าวเข้ามาในจวน พูดอย่างอารมณ์ดีว่า “ไปกันเถิด!”

 

 

“นี่ๆๆ” นายประตูสั่งห้ามนาง พูดอย่างหยาบคายว่า “เจ้า ถอยไป อยู่ห่างจากข้าไว้ ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่าข้าจะพาเจ้าเข้าไป”

 

 

หลิวลี่หยุดฝีเท้าลง ถอยหลังไปสองสามก้าว แสดงสีหน้าเอาอกเอาใจ “เชิญท่านเจ้าค่ะ”

 

 

นายประตูจึงได้เดินเข้าไปด้านใน จนหลิวลี่เห็นว่าห่างจากเขาพอสมควรแล้วจึงได้เดินตามหลังไป เดินไปพลางสีหน้าก็เปลี่ยนไปด้วย นางมองนายประตูด้วยสายตาเกลียดชัง คิดในใจว่า รอให้ข้าได้พบคุณชายใหญ่ก่อนเถิด เมื่อข้าบอกเขาเรื่องความลับของเมิ่งเชี่ยนโยว ได้รับรางวัล ได้ตำแหน่งเดิมคืนมา คนมีตาหามีแววไม่อย่างเจ้ายังจะกล้าอวดดีกับข้าอีกหรือไม่