ตอนที่ 74

Kill the Hero

Kill the Hero 074

มีสิ่งหนึ่งที่สมาคมเมสสิอาห์มักจะบอกกับสมาชิกสมาคมของพวกเขาเสมอ

– อย่าไว้ใจใครนอกจากเพื่อนร่วมสมาคม

อย่าไว้ใจผู้เล่นคนอื่นนอกจากผู้เล่นในสมาคม

– ยิ่งพูดมาก ก็ยิ่งบ่งบอกตัวตน

ถ้าคนที่คุณคุยยิ่งถามมาก ก็ยิ่งยากจะปฏิเสธ

– ในดันเจี้ยน การเชื่อใจคนที่เชื่อถือได้ดีกว่าการเป็นศัตรูกัน

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในดันเจี้ยน คือความสามารถในการเอาชีวิตรอด และฆ่ามอนสเตอร์

คิมวูจินเองก็เคยสอนเรื่องนี้ให้กับสมาชิกของสมาคมเมสสิอาห์ ตอนที่เขายังเป็นหนึ่งในนั้น

‘คังยองจีเป็นสมาชิกทั่วไปของสมาคมเมสสิอาห์’

แน่นอนว่าคิมวูจินรู้จักพวกเขา เขาไม่จำเป็นต้องคุยกับคังยองจี และเพื่อนร่วมทีมของเธอมากนัก ก็รู้ว่าพวกเขาเป็นอย่างไร

‘ผู้เล่นที่ยอมแลกเปลี่ยนกับปีศาจได้ เพียงเพื่อเคลียร์ดันเจี้ยน’

แต่ถ้าคุณแข็งแกร่งมากเกินไป พวกมันอาจจะชี้ปลายหอกมาที่คุณแทนที่จะเป็นมอนสเตอร์

“เฮ้ นายจะไปแบบนี้เลย? ไม่พูดอะไรยิ่งใหญ่สักหน่อยเหรอ?”

แน่นอนว่าลีจินอาไม่รู้เรื่องนี้ เขาจึงถามออกมา

ลีจินอารู้ด้วยว่าเป้าหมายของพวกเขาในดันเจี้ยนนี้ ไม่ใช่แค่เพื่อนำเขาของจิ้งจอกมีเขาไปเท่านั้น แต่ยังต้องกลายเป็นผู้มีพระคุณของสมาคมเมสสิอาห์ด้วย

ดังนั้นเขาจึงคิดว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะได้พัฒนาความสัมพันธ์กัน

คิมวูจินตอบคำถามลีจินอาสั้น ๆ

“ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น”

ลีจินอาก็พยักหน้า

“นายพูดถูก คนช่างพูดมักจะไม่เป็นที่นิยม ไม่มีอะไรน่าเกลียดเท่ากับการอ้าปากทั้งที่ไม่มีอะไรจะพูด แต่ผู้ชายควรพูดคุยกับร่างกาย โดยไม่จำเป็นต้องพูดอะไรสักคำเหมือนฉัน”

คิมวูจินเอียงหัวเล็กน้อย เพื่อหันไปมองลีจินอาที่จ้องมองเขาอยู่

“อะไร? ฉันพูดอะไรผิดเหรอ?”

เมื่อคิมวูจินไม่ตอบ ลีจินอาก็เอาแต่มองกลับ เขาคิดว่าเขาไม่ได้พูดอะไรผิดนะ

“แผนของเราตอนนี้คืออะไร” เขาถาม

“นายบอกว่าฝูงมนุษย์หมาป่าดำในตอนนี้ เป็นฝูงที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่”

“ถูกต้อง”

“เมื่อไม่นานมานี้ ฝูงนั้นถูกกำจัดไปแล้ว นั่นหมายความว่าเราเป็นเจ้าของเวทีนี้แล้ว”

“แล้ว?”

“นั่นหมายความว่าตอนนี้ เราสามารถล่าได้ตลอด 5 วันโดยไม่จำเป็นต้องพัก”

การแสดงออกของลีจินอาแข็งขึ้น

‘เขาอยากจะยุ่งวุ่นวายแบบนั้นอีกแล้วเหรอ?’

เขารู้ว่ากำลังจะได้พบกับความยากลำบากไปอีกสักพักหนึ่ง

ลีจินอาศึกษาชายตรงข้ามเขาอย่างรอบคอบ

“ก่อนหน้านั้น เรากินข้าวกันก่อนไหม? นายรู้ไหมว่าฉันเป็นโรคโลหิตจาง…ไม่ ฉันไม่ได้เป็นโรคโลหิตจาง ที่จริง ฉันเต็มไปด้วยธาตุเหล็ก มันล้นมากจนฉันจะหัวล้านเหมือนเซชานแล้ว”

แม้จะพูดแบบนั้น แต่ในหัวของลีจินอากำลังพูดอีกอย่าง

‘ไอ้ลูกครึ่งที่ชั่วร้ายนี่ไม่ให้เวลาฉันกินข้าวเลย’

แต่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาคิด คิมวูจินพยักหน้า

“นายต้องกิน เพื่อต่อสู้”

“…ฮะ?”

ลีจินอาที่แทบไม่มีโอกาสแม้แต่จะกินของว่าง เริ่มรู้สึกประหลาดใจ

“จริงเหรอ?”

“เพราะมันอาจจะเป็นอาหารมื้อสุดท้าย”

“อะไรนะ?”

คิมวูจินไม่ได้พูดอะไรอีกต่อไป เมื่อเห็นความประหลาดใจบนใบหน้าของลีจินอา

 

วันแรก ถึงแม้การต่อสู้กับมนุษย์หมาป่าดำจะสิ้นสุดลงแล้ว แต่ก็ยังได้ยินเสียงกรีดร้องจากภายในป่าน้ำแข็งอยู่

เสียงกรีดร้องยังปรากฏในวันที่สอง

ทั่วทั้งป่า เกิดการสังหารหมู่อย่างสิ้นเชิงขึ้น อย่างที่คิมวูจินพูด เขาจะเริ่มล่าอย่างจริงจังแล้ว

‘ไม่มีขั้นตอนไหนที่ดีกว่าในการเพิ่มเลเวล’

เขารู้จุดที่มอนสเตอร์ปรากฏตัวมากที่สุด ดังนั้นการใช้เอฟเฟกต์ของเจ้าแห่งสมรภูมิในระดับสูงสุด และให้ลีจินอาทำหน้าที่เป็นแทงค์ ทหารโครงกระดูกจึงกวาดล้างพวกมอนสเตอร์ได้สบาย

‘เลเวลตอนนี้คือ 32 ฉันควรถึงเลเวล 35 ในดันเจี้ยนชั้นนี้’

คิมวูจินใช้เวทีที่เขาสร้างขึ้นเพิ่มเลเวลอย่างรวดเร็ว

‘เชี่ย ฉันจะบ้าตายแล้ว ใครที่ร่วมทีมกับหมอนี่ได้ต้องบ้าไปแล้วแน่… ’

แน่นอนว่าลีจินอาก็ยังเต็มใจที่จะทำเช่นนั้น

ในที่สุด การตาม ที่เหมาะจะเรียกว่า โกง ก็สิ้นสุดลง

 

[เหลือเวลาอีก 24 ชั่วโมง]

 

คิมวูจินกับลีจินอาเสร็จสิ้นการล่าในวันที่ห้า ขณะที่พวกเขาสรุปผล คิมวูจินก็ได้รับการแจ้งเตือน

 

[เลเวลเพิ่มขึ้น]

 

‘ฉันถึงเลเวล 35 แล้ว’

เป็นข้อความที่บ่งบอกว่าเขาบรรลุเป้าหมายแล้ว

คิมวูจินรู้สึกมีความสุข เขาต้องการเปิดหน้าต่างสถานะ และตรวจสอบสถิติทันที

 

[ทูตแห่งนรก กำลังให้ความใส่ใจแค่คุณเท่านั้น]

 

รัศมีของเขาให้ความสนใจกับเขามากขึ้น

แน่นอนว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นกับคิมวูจินเสมอ แต่การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไป เมื่อรู้ว่าการแจ้งเตือนนั้นแตกต่างจากปกติ

‘ใส่ใจเหรอ?’

การแสดงออกของคิมวูจินเปลี่ยนไปเพราะสองคำนั้น การได้รับความสนใจอย่างมากจากรัศมี เขารู้ว่านั่นหมายถึงอะไร

“เป็นอะไรไป? เกิดอะไรขึ้นน่ะ?”

ลีจินอาเอียงหัวด้วยความสับสนกับการแสดงออกของคิมวูจิน

“เป็นเพราะฉันบ่นเหรอ? เฮ้ นั่นล้อเล่นหรอก ระหว่างเรา…”

แน่นอนว่าคิมวูจินไม่ได้ตอบลีจินอา เขายกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองแทน

ชู่ววว

ลีจินอาที่เห็นสิ่งนี้ก็รู้สึกเกร็งขึ้นมา

“ทำไมนายน่ากลัวจัง .. ?”

 

[ทูตแห่งนรก ต้องการให้คุณมีส่วนร่วม]

[ทูตแห่งนรก มอบพลังบางส่วนให้คุณ]

[ระดับทักษะเลือดพิษเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ]

[ทักษะเลือดพิษอยู่เหนือระดับของมัน เพราะผลจากแหวนพลัสอัลตร้า]

 

การแจ้งเตือนอีกชุดหนึ่งทำให้พวกมันกลายเป็นของขวัญที่น่าอัศจรรย์มาก

 

มันมีระดับในกระบวนการที่รัศมีเริ่มให้ความสนใจกับผู้เล่นที่เลือก

ตอนแรกพวกเขาจะได้รับความสนใจ ผู้เล่นทั่วไปถือเป็นกลุ่มเป้าหมายในระดับนี้

แต่ถ้าคุณยังคงอยู่ในความสนใจของรัศมี คุณก็จะกลายเป็น “ความคาดหวัง” เมื่อถึงจุดนั้น ผู้เล่นมีโอกาสที่จะหลุดพ้นจากการเป็นเป้าหมาย และจะได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้เล่นที่เก่ง

เมื่อผู้เล่นไปถึงระดับดังกล่าว รัศมีจะต้องการให้คุณกระตือรือร้นมากขึ้น

การสนับสนุนจากรัศมีที่ให้นั้นมีหลายระดับ คิมวูจินรู้เรื่องนี้ดีกว่าใคร ๆ

‘ครั้งที่สองแล้ว’

ถึงเขาจะกลายเป็นผู้เล่นช้ากว่าคนอื่น ๆ แต่ก็ต้องขอบคุณการสนับสนุนจากรัศมีที่ทำให้เขาไปถึงระดับลีเซจุน และผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกได้

แน่นอนว่าหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ไปถึงระดับที่รัศมีต้องการให้เขาเคลื่อนไหว ด้วยชื่อของ “หมาล่าเนื้อ” เขาได้เข้าประจำการในสมาคมเมสสิอาห์

‘มันเป็นตอนที่ฉันเลเวล 160 และเคลียร์ดันเจี้ยน 6 ชั้นได้’

พูดตามตรง ในช่วงเวลานั้น ถึงเขาจะไม่ได้รับความสนใจจากรัศมี เขาก็มักจะถูกเรียกว่า สัตว์ประหลาด

และตอนนี้ มันก็เกิดขึ้นกับคิมวูจินอีกครั้ง

‘ครั้งนี้ มันแตกต่างจากเดิมมาก’

หลังผ่านไปครึ่งปี รัศมีก็อยากเห็นการแสดงของเขาแล้ว และรัศมีได้ให้การสนับสนุนที่เหมาะสมกับเขา

 

[เลือดพิษ]

ระดับ : Ex

เอฟเฟกต์ : เปลี่ยนเลือดของคุณให้เป็นพิษ ใช้พลังเวท เพื่อสร้างเลือดดำที่มีพิษแรงขึ้น

 

เลือดพิษกลายเป็นทักษะระดับ EX แน่นอนว่าทั้งหมดที่รัศมีทำคือการสร้างทักษะเลือดพิษที่เป็นระดับ A ให้เป็นระดับ S และนั่นคือขีดจำกัด

คิมวูจินไม่เคยมีประสบการณ์หรือเคยได้ยินมาก่อนว่าทักษะระดับ S ได้กลายเป็นระดับ EX มาก่อน

‘โยฮันน์ จอร์จ ต้องดีใจแทบตาย’

สิ่งนี้อธิบายได้ว่าทำไมราชาแห่งอันเดดถึงล่าใครสักคนเพื่อไอเทม

‘แต่ความลำเอียงนี่มากเกินไป’

ถึงอย่างนั้น คิมวูจินก็ไม่ได้คาดหวังว่าทูตแห่งนรกจะแสดงให้เห็นถึงความลำเอียงในระดับนี้

สาเหตุของความแตกต่างระหว่างความแข็งแกร่งของ โยฮันน์ จอร์จ กับผู้เล่นคนอื่น ๆ นั้นชัดเจนแล้ว

‘ฉันต้องเปลี่ยนวิธีการอีกครั้ง…’

และตอนนั้นเองที่คิมวูจินต้องทิ้งสถานการณ์กับแผนการทั้งหมดที่เขาเตรียมไว้เพื่อล่าจิ้งจอกมีเขา แล้ววางแผนใหม่

“เกิดอะไรขึ้น?”

ตอนนั้นเองที่ลีจินอาถามคำถามคิมวูจินด้วยท่าทางเป็นห่วง

“จู่ ๆ ก็เป็นอะไรเนี่ย? สีหน้านายดูมึน ๆ นะ นายไปกินของเสียมาใช่ไหม?”

ปฏิกิริยาที่มองไม่ออกหรือไม่รับรู้อะไรเลยของคิมวูจินนั้นแปลกมาก ๆ

คิมวูจินหันไปหาลีจินอา

“ฉันจะถามนายแค่เรื่องเดียว”

ตอนนี้เองที่การแสดงออกของลีจินอาเริ่มจริงจังขึ้น

“อะไร?”

คิมวูจินชี้หอกที่ทหารโครงกระดูกใกล้ ๆ ถืออยู่

“นายทนได้นานแค่ไหน ถ้าถูกหอกแทง?”

ลีจินอาตอบคำถาม

“เฮ้ ฉันเคยโกงนายรึเปล่า? ถ้าเคย ฉันจะคุกเข่าขอโทษ…”