ตอนที่ 61 - 1 เสน่ห์ล้นเหลือ

เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี [ส่วนที่ 1]

ดวงตากลมโตเผชิญกับดวงตากลมโต

 

 

แววตาเซ่อซ่าของจิ่งเหิงปัวพุ่งเข้าไปในนัยน์ตามืดมิดของกงอิ้น เขากำลังก้มหน้ามองลงมาอย่างแน่นิ่ง สีหน้าบนใบหน้า…จิ่งเหิงปัวไม่ใจแข็งพอจะบรรยาย

 

 

จิ่งเหิงปัวนึกถึงสีหน้าของตนเองในตอนนี้ คงจะทำให้คนไม่ใจแข็งพอจะบรรยายเช่นกัน

 

 

ด้วยเพราะตำแหน่งนี้…

 

 

นางนอนหงาย กงอิ้นก้มมอง ท่วงท่าจ้องมองซึ่งกันและกันนี้ของสองคนพาให้รู้ว่าตอนนี้กงอิ้นไม่ได้นอนอยู่บนเตียง

 

 

เขานั่งขัดสมาธิอยู่ ส่วนนางทำท่าหงายขึ้น ตอนนี้ทิ่มเข้าไป…บนขาสองข้างของเขาพอดี…

 

 

สัมผัสมหัศจรรย์ใต้ลำคอด้วยเพราะนางหนุนขาของเขาอยู่…

 

 

สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือการแต่งกายของกงอิ้น! ไม่หัวโบราณมิดชิดเหมือนเขาตอนกลางวันเลยแม้แต่น้อย!

 

 

เขากลับสยายผมยาว เขากลับซุ่มเงียบสวมชุดคลุมยาวเนื้อผ้าเกือบจะโปร่งแสงชุดหนึ่งในตำหนักของตนเอง!

 

 

คอกว้าง! ปล่อยเอว! ปล่อยแขน! โปร่งแสง!

 

 

นางมองเห็นผิวกายสีหยกของเขาใต้ชุดผ้าโปร่งบางเบาได้เลยนะ?

 

 

นางมองเห็นดอกอิงฮวาน้อยได้รำไรเลยนะ?

 

 

นางถึงขนาดมองเห็นเอวบางผอมเพรียวของเขาได้…

 

 

โอ้ นางจะไม่บอกทุกคนแน่นอนว่าแค่นางขยับไปข้างบนเล็กน้อย นางจะกระทำการสัม! ผัส! เลิศ! ล้ำ! ที่ร้อนแรงที่สุดทำให้คนเลือดกำเดาพุ่งที่สุดได้ด้วย

 

 

ตำแหน่งที่นางร่วงลงมาแม่งวิเศษเกินไปแล้ว! เป็นสัดส่วนทองคำอันล้ำค่าอย่างแท้จริง!

 

 

แม้แต่จมูกของจิ่งเหิงปัวยังไม่กล้าหายใจเสียแล้ว

 

 

กลัวว่าถ้าหายใจแรงไปจะเป่าอะไรเข้าเป่าอะไรขึ้นหรือดมอะไรอยู่…

 

 

นางรีบเร่งลุกขึ้น เสียดายว่าเอวกระแทกจนเจ็บปวด ยืดไม่ไหวไปชั่วขณะ จำต้องค่อยๆ ไถลลงไปข้างล่างดั่งจักจั่นตัวหนึ่งที่เคลื่อนย้ายถูไถเพื่อลอกคราบ

 

 

เส้นผมยาวปานต่วนนุ่มสยายออกมา ถูไถกวาดผ่านอย่างนุ่มนวลตลอดทาง…

 

 

จิ่งเหิงปัวได้ยินเสียงสูดลมหายใจเสียงหนึ่ง รู้สึกได้ว่าเรือนร่างใต้ลำคอเกร็งแน่นอย่างยิ่งกระทันหัน นางเบนสายตาขึ้น ในไอควันเคลื่อนไหวขาวโพลน บนผิวกายกงอิ้นพลันเกิดเหงื่อบางชั้นหนึ่ง คางที่เชิดขึ้นเพียงน้อย ลำคอที่เกร็งแน่นและกระดูกไหปลาร้าที่ยิ่งชัดเจนมากขึ้นดุจลายเส้นด้วยเพราะเหตุนี้ของเขาต่างเปล่งแสงเชื่องช้าเฉกเช่นเดียวกับนัยน์ตาของเขาในครู่หนึ่งนี้ เปล่งประกายปานเพชรในหมอกสีขาวที่ยากจับต้อง

 

 

จิ่งเหิงปัวมองหยาดเหงื่อที่เปล่งประกายระยิบระยับเกาะผนึกละเอียดเหล่านั้นกับผิวกายที่แวววาวดุจเพชรเช่นกันใต้หยาดเหงื่อจนตะลึงงัน นางไม่เคยคิดเลยว่าเสน่ห์จากผมดำขลับและคอเสื้อยุ่งเหยิงปานนี้ของกงอิ้นผู้กลัดคอเสื้อแน่นในยามปกติจะสามารถเรียกได้ว่า…เซ็กซี่

 

 

นางกลืนน้ำลายอย่างควบคุมไม่ได้ เสียงเอื๊อกเสียงหนึ่งดังก้อง ตัดสินใจแน่วแน่ว่าต้องรีบเร่งออกไป ไม่อย่างนั้นนางกลัวว่าตนจะกระทำความผิด

 

 

ขยับครั้งหนึ่ง ถูไถครั้งหนึ่ง หายใจครั้งหนึ่ง

 

 

มือข้างหนึ่งยื่นเข้ามากดไหล่ของนางเอาไว้อย่างรุนแรง จิ่งเหิงปัวแข็งทื่อไม่ขยับเขยื้อน มือนั้นกลับวางไว้อย่างนุ่มนวลไม่เหมือนเรี่ยวแรงตอนปกติอย่างยิ่ง จากนั้นเสียงเจือด้วยความแหบแห้งเล็กน้อยของกงอิ้นดังขึ้นในที่สุด

 

 

“เจ้าพอหรือยัง…”

 

 

อย่าพูดให้เหมือนพี่เป็นมหาโจรหญิงที่เข้าไปเด็ดดอกไม้ในห้องส่วนตัวของพ่อศรีเรือนแห่งครอบครัวสุจริตชนตอนกลางคืนสิ!

 

 

แต่ว่า…ดูท่าทางเหมือนมากจริงแฮะ…

 

 

มือของจิ่งเหิงปัวยืดไปถึงช่วงเอวแล้วคลึงอย่างเชื่องช้า กล่าวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า “เหอะๆ ยังไม่พอ”

 

 

กงอิ้นไม่เอ่ยวาจาคล้ายกำลังปรับปราณ ผ่านไปครู่ใหญ่จึงเอ่ยว่า “ออกไป”

 

 

“เจ้านึกว่าข้าอยากอยู่ที่นี่หรือ?” จิ่งเหิงปัวกล่าวประชดยอกย้อนไปว่า “เจ้านึกว่าข้าชื่นชอบมองสภาพสยายผมสวมชุดนอนโปร่งแสงคอกว้างของเจ้าหรือ? เจ้าขังตนในตำหนักบรรทมผู้เดียวยังขี่ไม้กวาดร้องเพลงแอปเปิ้ลน้อยได้ใช่หรือไม่?”

 

 

กงอิ้นไม่มีเสียงไปอีกนานระลอกหนึ่ง จิ่งเหิงปัวคิดว่าเขาโกรธจนสลบไปแล้วหรือเปล่า แต่ได้ยินเขาเอ่ยโดยพลันว่า “เจ้าไม่ชื่นชอบหรือ? เจ้าไม่ชื่นชอบแล้วเหตุใดเจ้าถึงมองเข้ามาในคอเสื้อข้าโดยตลอด?”

 

 

จิ่งเหิงปัวไม่กล่าวอะไร “…”

 

 

หลังจากปรับสีแดงสีขาวบนใบหน้าแล้ว สุดท้ายนางนวดคลึงช่วงเอวลุกขึ้นนั่ง ครู่หนึ่งนั้นที่ลุกขึ้นได้ยินเสียงสูดหายใจยืดยาวเสียงหนึ่งซึ่งไม่รู้ว่าเจ็บปวดหรือหลุดพ้นของกงอิ้น

 

 

นางไม่กล้าหันหน้ากลับมา รอคอยอีกสักพักหนึ่ง หลังจากปรับสีแดงสีขาวบนใบหน้าอีกครั้ง นางหันกายนั่งคุกเข่าบนเตียงเขา ยื่นหน้าเข้าใกล้ เบิกตากว้างใส่ดวงตากลมโตของเขา ตะคอกว่า “ข้าลำบากลำบนแวะมารอบหนึ่งนี้ แน่นอนว่าไม่อาจมาเสียเที่ยว ต่อให้ไม่น่ามองยังควรมองให้มากอีกหน่อยถึงคุ้มทุน!” คว้าสาบเสื้อเขาไว้ในครั้งเดียว แสยะยิ้มกล่าวว่า “มองเสร็จแล้วขายเข้าหอคณิกาชาย ผู้ใดใช้ให้เจ้าชอบโอ้อวดแสนยานุภาพใส่ข้า…”

 

 

นางผลักแผ่วเบาครั้งหนึ่ง ดูคล้ายผลักเขาแต่แท้จริงแล้วแค่ป้องกันไอ้คนใจดำจอมหยิ่งลงมือ นางเตรียมหายตัวทุกชั่วขณะ ขาก้าวถอยไปข้างหลังแล้ว

 

 

เสียงพลั่กเสียงหนึ่งดังแผ่วเบา กงอิ้นกลับอ่อนยวบล้มลงไปทั้งแบบนั้น

 

 

จิ่งเหิงปัวเบิกสองตากว้างอย่างตื่นตกใจ นั่งคุกเข่ามองดูสองมือของตนเอง…อาไร้? เมื่อครู่อุลตร้าแมนสิงร่างแล้วเหรอ? กงอิ้นจะถูกผลักล้มง่ายดายขนาดนี้ไปได้อย่างไร?

 

 

แล้วก้มหน้ามองกงอิ้น ไอ้ตัวดี!

 

 

โฉมสะคราญผู้อ่อนแรงเสื้อผ้าหลุดลุ่ยล้มอยู่บนเตียง ผมยาวพลิ้วสยาย หลับตาเพียงน้อย สีหน้าซีดขาวท่วงท่างดงามทรงเสน่ห์คนนั้นใช่กงอิ้นจริงเหรอ?

 

 

ไม่ใช่จิ้งอวิ๋นแต่งกายปลอมตัวมาหรอกมั้ง?

 

 

กงอิ้นที่ทำท่วงท่านี้เปี่ยมด้วย…ความรู้สึกละมุนละไมจริงแฮะ…

 

 

คงจะไม่มีกับดักอะไรมั้ง?

 

 

จิ่งเหิงปัวมองตำหนักใหญ่แวบหนึ่งอย่างระแวดระวัง ตำหนักใหญ่กว้างโล่งเกินไปสะอาดเกินไปแล้ว นางมั่นใจว่านอกจากตนเองกับกงอิ้นแล้ว แม้แต่แมลงสาบยังไม่อาจมีอยู่

 

 

แล้วมองดูมหาเทพกงที่เรือนร่างอ่อนแรงผลักล้มลงบนเตียงได้ง่ายดาย นางรับรู้ถึงความจริงน่าตื่นตะลึงเรื่องหนึ่งในที่สุด

 

 

เทียนซือซั่น! ได้ผลแล้ว! จริง! ด้วย!

 

 

แหม ชั่วขณะที่ราชินีพลิกมาเป็นเจ้านายมาถึงแล้ว

 

 

ความโกรธของจิ่งเหิงปัวปะทุจากเบื้องลึกในใจ ความชั่วร้ายกำเนิดจากข้างถุงน้ำดี!

 

 

นางหันกายครั้งหนึ่ง…ล้มลงอย่างรุนแรง นอนหลับข้างกายกงอิ้นแล้ว

 

 

กงอิ้นไม่มีความเคลื่อนไหว

 

 

มือเท้าของจิ่งเหิงปัวปัดกวาดกอบโกยผ้าห่มปลายเท้ากับชุดคลุมตัวนอกของกงอิ้นเข้ามากอดไว้ ดวงตาคู่หนึ่งมองดูกงอิ้นอย่างระแวดระวังจากด้านบนผ้าห่ม ถ้าเขาระเบิดโทสะลงมือ นางจะกอดชุดคลุมเขาหายตัว เขาแต่งตัวแบบนี้คงตามออกมาไม่ได้หรอกมั้ง?

 

 

กงอิ้นไม่มีความเคลื่อนไหว

 

 

จิ่งเหิงปัวรู้สึกวางใจอยู่บ้าง ตามความเข้าใจที่นางมีต่อกงอิ้น มหาเทพไม่เสียเวลาทำกับดักทำร้ายคนอื่น เขาดุร้ายเปิดเผย ลงมือสังหารสิ้นซาก

 

 

นางเหวี่ยงผ้าห่มทิ้ง เหวี่ยงชุดคลุมของกงอิ้นไว้บนพื้น นอนตะแคงมือหนึ่งเท้าแก้มมองดูกงอิ้น มองแวบหนึ่งยิ้มเยาะเสียงหนึ่ง มองอีกแวบหนึ่งยิ้มเยาะอีกเสียงหนึ่ง

 

 

สายลมสายน้ำผลัดพัดผลัดไหลในสามสิบปีจริงด้วย!

 

 

กลางวันเพิ่งทะเลาะกันไปรอบหนึ่ง กลางคืนมอบโอกาสแก้แค้นให้นาง

 

 

มหาราชครูผู้สูงส่งเหนือผู้อื่น มหาขุนนางกังฉินผู้ชิงอำนาจยึดราชบัลลังก์ นักเผด็จการผู้ลอยแพจักรพรรดิ เจ้าเองก็มีวันนี้!

 

 

นางนอนอยู่บนเตียงชาวบ้าน กอดผ้าห่มชาวบ้านไว้ ยิ้มเยาะกับตนเองอยู่เนิ่นนาน

 

 

กงอิ้นยังคงหลับตาเช่นเดิม ริมฝีปากเม้มแน่น ตีความได้ว่าสูงส่งไม่อาจล่วงเกิน ยังตีความได้ว่าแล้วแต่ท่านจะเชยชม ยังตีความได้อีกว่าแล้วแต่ท่านจะล่วงละเมิด

 

 

แน่นอนว่าจิ่งเหิงปัวเอนเอียงไปทางแบบสุดท้าย

 

 

“เหอะๆๆ!” จิ่งเหิงปัวยิ้มเยาะเสร็จแล้ว ยื่นมือออกมาผลักบุรุษฝั่งตรงข้ามครั้งหนึ่ง กล่าวว่า “กงอิ้น รีบขอโทษข้าเดี๋ยวนี้!”

 

 

กงอิ้นกลับถูกนางผลักจนกลิ้งเกลือกไปบนเตียง ใบหน้าหันไป ผมยาวสยายออกมาอย่างนุ่มนวล ร่วงโรยบนลำคอสีหยก

 

 

ดวงตาของจิ่งเหิงปัวสว่างวูบ…มหาเทพกงที่นวดเคล้นบีบคลึงได้ตามใจชอบ! โอกาสพลาดไม่ได้!

 

 

นางคลานเข้าไปบีบคางของกงอิ้นไว้ ร้องว่า “ขอโทษ!”

 

 

ขยี้ผมของกงอิ้นจนยุ่งเหยิง ร้องว่า “ขอโทษ!”

 

 

สองมือขยี้ใบหน้าของกงอิ้น ร้องว่า “ขอโทษ”

 

 

บีบลำคอของกงอิ้นไว้ ร้องว่า “ขอโทษ”

 

 

กงอิ้นลืมตาขึ้นมองนางครู่หนึ่งแล้วหลับตาลงอย่างหมางเมินเฉยเมย ดูคล้ายจะนอนหลับแล้ว

 

 

ดั่งกำหมัดชกปุยฝ้าย จิ่งเหิงปัวหมดลูกไม้กับกงอิ้นที่อ่อนยวบและไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแบบนี้ขึ้นมาเช่นกัน