บทที่ 698 ให้ข้าคอยได้ปกป้องเจ้า

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 698 ให้ข้าคอยได้ปกป้องเจ้า
“คนที่ข้าต้องการต่อสู้คือรองหัวหน้าเผ่าซือคง ยามจื่อคืนนี้ เขาจะมาที่ตำบลฉางซิง ข้าส่งคนไปซุ่มโจมตีเขาแล้ว แต่เขาเจ้าเล่ห์เพทุบายและยังมีวิชาเวทมนตร์ ข้าต้องการให้เจ้าช่วยต่อสู้จับตัวเขา”

“ฆ่าเขาเลยไหม?”

“จับเป็นก่อน ข้ายังต้องการถามเรื่องเกี่ยวกับมุกมังกร”

รอยยิ้มบนใบหน้าจอมมารอึ้งเล็กน้อย ราวกับคิดได้ถึงเรื่องราวที่ไม่มีความสุขที่ผ่านมา

อาจเป็นเพราะบรรยากาศไม่เอื้ออำนวย กู้ชูหน่วนรับรู้ได้ทันที

นางพูดขึ้นอย่างไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดีว่า “อาโม่ ข้าเป็นพี่สาวของเจ้าใช่ไหม?”

“อืม”

“ในเมื่อข้าเป็นพี่สาวของเจ้า เราก็ถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ยังจะต้องสนใจว่าฝีมือใครดีกว่าใครไหม? ที่ผ่านมาไม่ว่าระหว่างเราจะเกิดอะไรขึ้น ก็ล้วนผ่านไปแล้ว ต่อไปเราจะเข้าใจกันเป็นอย่างดี หรือ…. เจ้าคาดหวังให้พลังวิทยายุทธของข้าแย่กว่าเจ้าไปตลอด คนอื่นจะได้รังแกข้าได้อย่างง่ายๆ หรือ?”

จอมมารคว้าจับมือของนางไว้แน่น มองดูยอดเขาห่างไกล ใบหน้าคู่สวยไร้ที่ติเบ่งบานไปด้วยรอยยิ้ม

“พี่สาว อาโม่มีความสุขมาก เจ้าประสบปัญหาแล้วคนแรกที่เจ้าคิดถึงไม่ใช่เย่จิ่งหาน แต่เป็นข้า”

รอยยิ้มกู้ชูหน่วนแข็งทื่อ พร้อมค่อยๆ ชักมือตนเองกลับ

กลับคิดไม่ถึงว่าจอมมารจะยิ่งกำแน่น ไม่ว่านางจะออกแรงแค่ไหน ก็ชักมือกลับไม่ได้

ไหล่ถูกซือโม่เฟยปัดออก กู้ชูหน่วนจำต้องเผชิญหน้ากับเขา

กลับเห็นสีหน้าจอมมาร ที่น้อยครั้งจะแสดงให้เห็นถึงความไม่ล้อเล่น แต่พูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “พี่สาว ในเมื่อเย่จิ่งหานให้ความสุขเจ้าไม่ได้ งั้นต่อไปก็ให้อาโม่คอยปกป้องเจ้าดีไหม?”

เหนือยอดหุบเขา ชายหนึ่งหญิงหนึ่งยืนอยู่บนยอดเขา ลมพัดผ่านมา พัดผ่านเสื้อผ้าจอมมารปลิวไสวส่งเสียงดัง ยังปลิวเป่าผมบนหน้าผากของเขา งดงามราวกับไม่ใช่มนุษย์ในใต้หล้า

ใบหน้ารูปลักษณ์ของเขา คิ้วเหมือนดกดำราวภูเขาที่อยู่ห่างไกล สีเหมือนพระจันทร์กลางฤดูใบไม้ร่วง ดวงตาคู่หนึ่งมีสองสี

และสองสีนี้ก็ไม่ได้ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว กลับทำให้คนอดไม่ได้ที่จะดื่มด่ำลงไป

แววตาของเขาเร่าร้อน กู้ชูหน่วนมองดูอย่างค่อนข้างแสบตา

“เรื่องนี้ต่อไปค่อยว่ากัน ตอนนี้ข้าเพียงต้องการที่จะตามหามุกมังกรลูกที่เจ็ด แล้วก็ตามหาฆาตกรที่ฆ่าแม่ทัพใหญ่”

กู้ชูหน่วนหันหน้าไป

จากการกระทำของซือโม่เฟยเมื่อกี้ เขาก็คงที่จะรู้ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเย่จิ่งหานแล้ว

ก็ถูก เขาเป็นเจ้าแห่งเผ่าปีศาจ จะไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเย่จิ่งหานได้อย่างไร

ปกติซือโม่เฟยแลดูเหมือนลูกหมาที่ขี้ออดอ้อน แต่ที่จริงภายในใจของเขาเป็นเหมือนดั่งกระจก รู้ไปหมดทุกอย่าง แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้เท่านั้นเอง…..

“ได้ ขอเพียงพี่สาวต้องการ อาโม่จะช่วยให้พี่สาวสมดั่งปรารถนาให้เร็วที่สุด”

กู้ชูหน่วนรู้สึกได้ถึงความผิดหวังบนตัวจอมมาร ไม่ช้าก็กลับมายิ้มสดใส จูงมือนางเดินลงเขามาอย่างมีความสุข

กระทั่งนางไม่มั่นใจว่า ความผิดหวังของจอมมารเมื่อกี้ นางดูผิดไปหรือเปล่า

ตำบลฉางซิงอยู่ไม่ไกลจากหน่วยหลักสำนักวิญญาณมืด

เพราะกู้ชูหน่วนมีคำสั่งให้ไปกำจัดสำนักวิญญาณมืด บรรยากาศในตำบลฉางซิงที่กว้างใหญ่ดูแปลกๆ แม้แต่ลมก็ยังทำให้ความรู้สึกหนาวเหน็บ

กู้ชูหน่วนกับจอมมารรอรองหัวหน้าเผ่าซือคงก้าวมาหาความตายอยู่ใต้ต้นไม้มืด

รออยู่ตั้งนานก็ไม่เห็นเงาใครมา แต่รอจนเสี่ยวลู่มารายงานว่า

“นายหญิง รองหัวหน้าเผ่าซือคงเข้ามาในป่าเพียงแปบเดียวก็หายสาบสูญแล้ว คนของพวกเรายังไม่ทันได้ลงมือ”

“หายสาบสูญไปแล้วหรือ? เปิดเผยตัวตนแล้วหรือ?”

ที่นี่ล้วนเป็นคนของนาง จู่ๆ รองหัวหน้าเผ่าซือคงจะหายสาบสูญไปได้ยังไง?

“เป็นไปไม่ได้ พลังวิทยายุทธของรองหัวหน้าเผ่าซือคงนั้นสูงส่ง คนของเรากลัวถูกจับได้ จึงไม่มีใครสะกดรอยตามสักคน เพียงส่งนกติดตามกลิ่นสะกดรอยตามไป” เสี่ยวลู่ปฏิเสธทันที อย่างไม่ครุ่นคิด

หากหอหนึ่งในหล้าอย่างพวกเขาไม่มีความสามารถในการสะกดรอยตามคนอื่น ก็ไม่คู่ควรที่จะเป็นหอหนึ่งในหล้า

“งั้นก็ป่าแห่งนี้ยังมีทางลับ”