TB:บทที่ 253 พระเจ้าและเจ้าเหนือหัว

เมื่อไป่หลี่เห็นท่าทีของเฉินหลง เขาก็พยักหน้าอย่างพอใจ ตอนที่ชาวคุณหลุนระดับขอบเขตหลอมรวมธรรมชาติมาถึงที่นี่ พวกเขาสัมผัสไม่ได้ถึงการตั้งอยู่ของวิหารศักดิ์สิทธิ์ แต่อย่างไรก็ตาม วันนี้เฉินหลงกลับรู้สึกว่ามันควรค่ากับผู้สืบทอดที่ถูกสร้างโดยท่านเทพ

เพียงโบกมือขึ้น แสงจากประตูที่เป็นทางเข้าก็ค่อยๆปรากฏขึ้น ไป่หลี่หันไปมองเฉินหลงแล้วก็เดินนำต่อ ทางด้านเฉินหลงก็ยืนคิดอยู่ชั่วครู่และจากนั้นก็เดินตามไป

 

เมื่อผ่านประตูแสงเข้ามาแล้ว เฉินหลงก็มาถึงที่ตั้งของพระราชวังที่มีสไตล์ลักษณะเป็นแบบโบราณ และยังเห็นชาวคุณหลุนเดินปะปนร่วมอยู่ด้วยบ้าง

พูดก็คือไม่ใช่ชาวคุณหลุนทุกคนที่จะสามารถมาวิหารศักดิ์สิทธิ์ได้ พวกเขาจะต้องมีพลังที่แข็งแกร่งพอเพื่อที่จะเตรียมมาเป็นนักบุญด้วย สองพันกว่าปีที่ผ่านมาที่นี่ไม่มีใครรุกรานเข้ามาได้ แล้วทำไมยังมีคนบางกลุ่มอยู่ที่นี่กันละ เฉินหลงสงสัย

 

“เฉินหลง มากับข้าสิ” เมื่อเห็นสีหน้าที่งงงวยของเฉินหลง ไป่หลี่จึงหันไปพูดกับเขา

“ท่านอาวุโสไป่ ทำไมถึงมีชาวคุณหลุนบางคนอยู่ที่นี่ได้?” เฉินหลงถามด้วยความสงสัย

“การเตรียมความพร้อมเพื่อที่จะเป็นนักบุญเป็นสิ่งที่ค่อยๆพัฒนาพลังของพวกเขาได้และพวกเขาที่เหลือจะถูกพระเจ้าเรียกตัวให้ไปช่วยเข้าร่วมสงครามศักดิ์สิทธิ์” ไป่หลี่ไม่ได้ปิดบังอะไรกับเฉินหลงเลย

“ศักดิ์สิทธิ์? อะไรคือสงครามศักดิ์สิทธิ์? ” เฉินหลงได้ฟังแล้วก็ยังรู้สึกงง

“พลังของพระเจ้านั้นมีเกินกว่าที่ปราจารย์แห่งดวงดาวจะไปถึงในระดับศิราได้ ถ้าเจ้าอยากที่จะอัพเกรดระดับศิลาของเจ้า เจ้าก็ต้องมีทรัพยากรเยอะหน่อย และสงครามศักดิ์สิทธิ์เป็นที่แย่งชิงกันด้วยทรัพยากร” ในขณะที่กำลังเดินไป ไป่หลี่ก็อธิบายให้เฉินหลงเข้าใจอย่างง่ายๆ ถึงอย่างไรพลังของเฉินหลงตอนนี้ยังอ่อนแอและระดับศิราในระบบก็ยังเป็นเรื่องที่ห่างไกลสำหรับเขา

“สงครามทรัพยากร?! แต่ชาวคุณหลุนก็ต้องการพลังการต่อสู้ด้วยไม่ใช่หรอ เพื่อที่จะป้องกันพวกกองทัพสัตว์” เฉินหลงมองไป่หลี่อย่างไม่พอใจ

“พวกกองสัตว์ในเมืองคุณหลุนเป็นแค่เรื่องเล็ก สงครามการแย่งชิงทรัพยากรต่างหากถึงจะเป็นเรื่องใหญ่” ไป่หลี่ตอบเลี่ยงๆ

“นอกจากนี้ เจ้าก็ยังคงอยู่ที่นี่ในตอนนี้ และหมายถึงว่าเจ้าเป็นผู้สืบทอดที่ถูกกำหนดโดยพระเจ้า เจ้าจะต้องเข้ามาช่วยเหลือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเมืองคุณหลุน ยิ่งไปกว่านั้น เจ้ายังทำเรื่องพวกหาแร่เหล็กและเหมืองถ่านหินได้ดีนี่ ” พูดจบ ไป่หลี่ก็มองเฉินหลงอย่างชื่นชม

“ผู้สืบทอด? ข้าไปเป็นผู้สืบทอดของพระเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ” เมื่อได้ยินคำพูดของไป่หลี่ เฉินหลงก็มองไปที่ไป่หลี่อย่างหมดคำจะพูด

“ตั้งแต่ที่เจ้ามาถึงเมืองคุณหลุน เจ้าก็กลายเป็นผู้สืบทอดของพระเจ้าเรียบร้อยแล้ว” ไป่หลี่หันไปมองเฉินหลง

คำพูดของไป่หลี่ทำให้เฉินหลงถึงกับขมวดคิ้ว

“ฟังจากคำพูดของท่านอาวุโสไป่แล้ว ข้ามาที่นี่ได้ก็เพราะพระเจ้าเป็นคนจัดสรรหรอกหรอ?”

ไป่หลี่พูดด้วยรอยยิ้มว่า

“ไม่มีใครสามารถจัดสรรโชคตะตาของตัวเองได้หรอก เราทุกคนต่างเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆตามเส้นทางของโชคชะตา ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์สัมผัสและเห็นอย่างรางๆ เพียงว่าเจ้าจะมายังเมืองคุณหลุนในอนาคต และนั้นก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเจ้าถึงกลายมาเป็นผู้สืบทอด” เมื่อได้ยินไป่หลี่พูดดังนั้น เฉินหลงก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรต่อ

เมื่อเห็นว่าเฉินหลงไม่พูดอะไร ไป่หลี่ก็จบบทสนาลงและนำเฉินหลงไปยังตำหนักที่ใหญ่ที่สุดของทุกตำหนัก

ในขณะที่ไป่หลี่กำลังเดินเข้าไปในตำหนัก เฉินหลงก็เห็นท่านอาวุโสทั้งสิบเอ็ดคนกำลังยืนอยู่ในตำหนักและดูเหมือนจะมีระดับพลังเดียวกับเขา ในหมู่พวกเขา ท่านอาวุโสที่มีผิวกายสีเหลืองเป็นที่สะดุดมากที่สุด

“เฉินหลง ข้าเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของเหล่าผู้อาวุโสทั้งสิบสองของวิหารศักดิ์สิทธิ์ ข้ามีชื่อว่า หวงเหริน ” ท่านอาวุโสผู้ที่มีผิวกายสีเหลืองยิ้มให้กับเฉินหลง

“ไป่อี้”

“ไป่จื่อ”

“ไป่ซิ่น”

“ไป่เหลียง”

“เฮยจง”

“เฮยเซี่ยว”

“เฮยก่าน”

“เฮยกง”

“เฮยเหลียน “

“เฮยหรั่ง”

หลังจากที่ได้ยินการแนะนำตัวของพวกเขาทั้งสิบเอ็ดคนแล้ว เฉินหลงก็มองไปที่หวงเหรินอย่างอยากรู้ คนอื่นๆต่างใช้นามสกุลไม่เฮยก็ไป่ แต่ทำไมเขาถึงใช้นามสกุลหวงอยู่คนเดียวละ

“เฉินหลง พระเจ้าก็มาจากเผ่าพันธุ์เดียวกับเจ้า และเขาก็ใช้นามสกุลหวง ผู้อาวุโสทั้งสิบสองคนก็ต่างได้พลังและทักษะมาจากพระเจ้าเหมือนกัน หลังจากที่ผ่านการฝึกแล้ว ผิวกายจะแปรเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและนามสกุลทั้งไป่และเฮยก็จะสามารถเปลี่ยนเป็นหวงได้ แต่อย่างไรก็ตาม ไม่รู้ทำไมพวกเขาถึงฝึกฝนกันไม่สำเร็จเสียที มีเพียงข้าที่ฝึกสำเร็จ ดังนั้นนามสกุลของข้าจึงเปลี่ยนจากไป่มาเป็นหวงได้” หวงเหรินพูดพร้อมรอยยิ้ม

“ท่าน พระเจ้ามาจากเผ่าพันธุ์เดียวกับข้างั้นหรอ ท่านบอกข้าหน่อยได้ไหมว่าเขาเป็นใคร?” เมื่อหวงเหรินพูดจบ เฉินหลงก็อยากรู้เรื่องของพระเจ้าอย่างจริงจัง

 

“ไม่ต้องกังวลไป พวกเราพาเจ้ามาที่วิหารก็เพียงเพื่อให้เจ้าทราบว่าพระเจ้าเป็นใครและการมาที่นี่ของเจ้ามาเพื่ออะไร ตอนนี้มากับก่อนเถิด ” หวงเหรินพูดออกมาอย่างใจเย็น

เมื่อพูดจบ หวงเหรินก็เดินกลับไปปิดประตูตำหนัก

เฉินหลงก็ครุ่นคิดอยู่กับคำตอบที่ได้มาพร้อมกับเดินตามเขาไป

เขาผ่านเข้ามาที่นี่อย่างลึกลับแล้วที่นี่ก็เหมือนเป็นบ้านที่ไม่สามารถกลับออกไปได้ ยิ่งไปกว่านี้ ตอนนี้ยังได้รับภารกิจที่เจาะจงให้เขาทำด้วย เฉินหลงแค่อยากจะถามคำถามกับพระเจ้าว่าเขาควรจะทำอย่างไร

 

หลังจากที่เฉินหลงเดินผ่านประตูเข้ามา เขาก็ต้องตกใจกับภาพที่อยู่ตรงหน้า

ในอดีต ตำหนักเหล่านี้เดิมที่ควรจะมีภาพวาดสไตล์โบราณอยู่ แต่ภาพวาดที่อยู่ตรงหน้าเขากับเป็นภาพวาดที่ดูเปลี่ยนไป สิ่งที่ปรากฏบนภาพวาดพวกนั้นเป็นเหมือนกับภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์ ที่นี่เต็มไปด้วยภาพวาดนับไม่ถ้วนที่อยู่บนหน้าจอภาพแสงเสมือนจริงซึ่งประกอบไปด้วยรูปการต่อสู้บนหลังม้าในสมัยจีนโบราณ ภาพเมืองคุณหลุนและฉากของหนังสตาร์วอร์

เจ้าของภาพพวกนี้เป็นชายที่มีพลังอำนาจอยู่ทั่วร่างและกำลังถือมีดด้วยท่าทางที่ดูมีพลังอำนาจ

หลังจากที่เฉินหลงเข้ามาในห้องแล้ว ชายทุกคนที่อยู่ในรูปภาพก็หันหน้ามาทางเฉินหลงและพูดว่า “ในที่สุดเจ้าก็มาถึง”

เวลานี้ เฉินหลงก็เห็นใบหน้าของชายผู้นั้นด้วย โครงหน้าของเขาค่อนข้างเหลี่ยม มีคิ้วเรียวยาวดั่งใบมีด ภายใต้คิ้วนั้นมีดวงตาคู่สีน้ำตาลเข้มที่ดูเว้าลึกเล็กน้อย ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ของเขาจะไม่ค่อยงดงามเท่าไหร่ แต่มันดูเป็นลูกผู้ชายที่เต็มไปด้วยความเข็มแข็ง

หลังจากที่ชายคนนั้นพูดว่า‘ในที่สุดเจ้าก็มาถึง’ ม่านแสงทั้งหมดก็หันไปทางใบหน้าของชายคนนั้นทั้งหมด

“ท่านเป็นใคร?” แม้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับชายผู้นี้ เฉินหลงก็อดไมได้ที่จะมีความรู้สึกดีๆให้กับเขา

“ข้ามีชื่อว่า เซี่ยงอวี่ เจ้าคงจะเคยได้ยินนามของข้ามาก่อน” ถึงแม้ชายคนนี้จะดูทรงอำนาจ แต่เมื่อกับเฉินหลงเขาก็พูดอย่างสุภาพ

อย่างไรก็ตาม คำพูดที่สุภาพเหล่านั้นไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากกับเฉินหลง แต่กลับเป็นชื่อของชายผู้นั้นต่างหาก

“เซี่ยงอวี่?! เซี่ยงอวี่หรือซีฉู่ป้าหวาง เจ้าเหนือหัวผู้พิชิตแห่งฉู่ ขุนศึกผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยราชวงศ์ฉิน” เฉินหลงตาเบิกกว้างและมองไปที่ชายที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงอวี่บนหน้าจอด้วยสีหน้าอย่างไม่น่าเชื่อ

“ซีฉู่ป้าหวาง! ตอนนี้ข้าไม่ได้เป็นซีฉู่ป้าหวางมานานแล้ว ตอนนี้ข้าเป็นแค่เซี่ยงอวี่ ” เมื่อเซี่ยงอวี่ได้ยินคำว่า ฉู่ป้าหวาง ดวงตาของเขาก็แสดงออกเหมือนกำลังหวนนึกถึงอดีต

หลังจากที่ได้ยินว่าชายผู้นี้คือเซี่ยงอวี่จริงๆ จักระทั้ง 8 ของเฉินหลงก็รุกโชนขึ้นมาทันที เขาไม่อยากจะเชื่อว่าได้ได้พบกับคนที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ที่มากกว่า 2,000 ปีที่ผ่านมาตัวเป็นๆ เขาคงเสียใจกับความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง ถ้าเขาไม่ถามเรื่องที่ค้างคาใจมานาน

“เอ่อ ท่านเจ้าเหนือหัว ท่านไม่ได้ฆ่าตัวตายที่แม่น้ำอู่เจียงใช่หรือไม่? ท่านมาปรากฏอยู่ที่เมืองคุณหลุนอีกครั้งได้ยังไง? แล้วท่านกลายมาเป็นพระเจ้าแบบไหนกัน? แล้วของหยูจีละครับ? หยูจีและท่านได้เผาทำลายพระราชวังอาฝางกงหรือไม่ ” เมื่อได้ยินคำถามของเฉินหลง ใบหน้าของเซี่ยงอวี่ก็แสดงออกอย่างงุนงง อย่างไรก็ตาม เฉินหลงก็สังเกตเห็นว่าสายตาของเซี่ยงอวี่นั้นดูเศร้าตอนที่เขาพูดถึงเรื่องของหยูจี