ตอนที่ 1037 - โคมลอยเป็นจริง

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.
  “ฮ่าๆ พระเอกมาแล้ว!”
  ซือหยูหัวเราะร่าแม้จะเป็นระยะไกล เขาก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นเป้าหมายของสัตว์ประหลาดที่อยู่ในวายุนั้น
  ในขณะเดียวกันสัมผัสอันตรายที่เขารู้สึกมานานก็ได้ชัดเจนขึ้นในเวลานี้ สิ่งที่เล็งเป้าเขาตั้งแต่สวนบุพผาได้มาถึงแล้ว
  “เจ้ามาถูกเวลาพอดี!”
  ซือหยูกล่าวด้วยรอยยิ้ม
  ม่านน้ำแข็งรอบกายปิงหวูชิงที่นางใช้ปิดตัวจากโลกภายนอกสลายไปนางเข้ามาที่ข้างซือหยูพร้อมขมวดคิ้วพูด
  “เจ้านี่ก่อเรื่องได้ทั้งจิวโจวเลยนะ”
  ทีแรกเขาได้ทำให้พวกมีดสวรรค์โกรธแค้น จากนั้นเขายังทำให้ฮั่นเฟยไม่พอใจ ตอนนี้เสี้ยววิญญาณที่มีพลังมหาศาลยังเข้ามาหาเขาอีก
  ซือหยูรู้สึกว่าถูกมองผิด
  “เจ้าแน่ใจรึว่าเป็นข้า?บางทีเจ้าเสี้ยววิญญาณนั่นอาจจะเข้าใจว่าข้าเป็นคนอื่นก็ได้ ใช่ไหม?”
  ปั้ง…ปั้ง…
  โลกสีเขียวที่เกิดขึ้นทำให้บรรยากาศน่าสยดสยอง
  เสียงสายลมสีเทาร้องคำรามเสียงที่มีเสียงหยดเลือดปะปนดังสะท้อนออกมา
  “สำนักอสูรสวรรค์อยู่ที่นี่หรือไม่?”
  ซือหยูหัวเราะ
  “เห็นไหมข้าบอกเจ้าแล้ว ชายหนุ่มรูปหล่ออนาคตสดใสอย่างข้าที่เอาแต่ทำดีให้โลกจนผู้ชนชื่นชอบจะมีศัตรูมากมายได้ยังไง?”
  ปิงหวูชิงหัวเราะด้วยความโกรธหากพูดเรื่องการก่อเรื่อง ไม่ใช่ว่าซือหยูคือปรมาจารย์แห่งตำหนักโลหิตรึ?
  สำนักอสูรสวรรค์?ฮั่นเฟยเลิกคิ้ว
  “ตามหาข้ารึ?”
  “เจ้าเป็นศิษย์สำนักอสูรสวรรค์สินะส่งซือหยูเซี่ยนจากสำนักเจ้ามาให้ข้า แล้วเจ้าจะรอดตาย”
  เสี้ยววิญญาณยังคงพุ่งเข้ามาในวายุ
  ปิงหวูชิงแสยะยิ้ม
  “ดูเหมือนคนรูปหล่ออย่างเจ้าจะไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบเลยนะ!”
  “มีแค่คนทั่วไปเท่านั้นแหละที่คนอื่นจะไม่อิจฉา…”
  ซือหยูพูดย้อนเขาตั้งใจจะยั่วปิงหวูชิง
  ปิงหวูชิงเหลือบมองเขา
  “ครั้งนี้เจ้าไปก่อเรื่องให้ใครอีก?ข้าว่าน่าจะเป็นสำนักใหญ่”
  “เจ้าถามข้าหรือ?แล้วข้าจะไปถามใครต่อเล่า?”
  ซือหยูทำหน้าไร้เดียงสาและดูงุนงง
  “ฮื่มเจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปก่อเรื่องใส่ใครมาสินะ?”
  ปิงหวูชิงกลอกตา
  ซือหยูยักไหล่
  “เจ้าก็ถามดูสิ!ข้าจะไปรู้ได้ยังไง?”
  …
  ซือหยูเซี่ยนหรือ?สายตานับไม่ถ้วนหันมองซือหยูราวสายฟ้า
  ซือหยูได้แต่พูดเบาๆ
  “ถ้าคนพวกนั้นไม่มองข้ามันจะตายใช่ไหม?เจ้าพวกทารกขี้สงสัยในร่างหนุ่มสาว!”
  “เจ้าน่าจะพูดว่ามนุษย์กลัวชื่อเสียงเหมือนกับหมูที่กลัวการเติบโตแข็งแรงไม่ใช่รึ?”
  ปิงหวูชิงพูดอย่างพอใจพร้อมหัวเราะ
  ซือหยูจ้องมองนางอย่างถมึงทึงนางกล้าดียังไงมาหัวเราะตอนนี้! นางยังอยากจะเป็นมิตรกับเขาอยู่หรือไม่?
  “เจ้าเองรึ?”
  วายุเขียวหายไปพื้นสั่นสะเทือนอย่างแรง
  กระทิงทองแดงสูงเท่ามนุษย์ก้าวขาออกมาเมื่อกีบเท้าสัมผัสพื้น แรงสั่นสะเทือนได้แผ่ลงไปไม่จบสิ้น
  “ข้าเองอะไรอีกล่ะ? เจ้าผุดขึ้นจากนรกมาตามหาญาติที่ยังมีชีวิตอยู่รึ?”
  ซือหยูแสยะยิ้ม
  กระทิงทองแดงส่งบรรยากาศอันยิ่งใหญ่ออกมา
  “ข้าคือกระทิงเทพช่างสวรค์ไม่ใช่วิญญาณร้ายจากนรก!”
  “แล้วเจ้าเห็นข้าหน้าตาเหมือนกระทิงโง่ๆ รึ?”
  ซือหยูถาม
  “ข้าคือกระทิงเทพช่างสวรรค์ไม่ใช่…”
  กระทิงทองแดงพูดซ้ำ
  “ขออภัยแต่เจ้ามาหาผิดคนแล้ว ถ้าเจ้ามีวิชาสุดยอดอะไรจะส่งต่อให้ลูกหลานแม้จะตายไปแล้วก็บอกข้าได้ ข้าจะช่วยส่งต่อวิชาให้คนรุ่นหลังเอง”
  “ข้าคือกระทิงเทพช่างสวรรค์….”
  กระทิงทองแดงเริ่มหงุดหงิด
  “หรือเจ้ามีสมบัติที่ลืมไว้ว่าจะทิ้งให้ลูกหลานล่ะเจ้าบอกข้าได้นะ ข้าซื่อสัตย์ทั้งยังมีศักดิ์ศรี ข้าสัญญาว่าจะไม่ขโมยสมบัติเจ้า”
  กระทิงทองแดงเปล่งแสงเขียวทั้งร่างหัวจรดเท้ามันตะโกนเสียงดังลั่น
  “ไอ้บัดซบเอ้ย!ให้ข้าพูดจบก่อน!”
  เหล่าผู้คนเหลือบมองกันด้วยความสับสนเมื่อเห็นกระทิงทองแดงระเบิดความโกรธ
  บัดซบฝีปากซือหยูเซี่ยนมันมาจากโลกไหน มันทำให้เสี้ยววิญญาณเซียนถึงกับสาปแช่งด้วยความแค้น!
  “ก็ได้!จะพูดอะไรก็พูดมา แต่เร็ว ๆ ล่ะ!”
  ซือหยูผายมือ
  ฟู่ว!
  กระทิงทองแดงถอนหายใจยาวและจ้องมองซือหยูอย่างรำคาญและโมโห
  “เจ้ามันเด็กหยาบคาย!ด้วยตัวตนของข้า แม้แต่อาจารย์เจ้ายังต้องเรียกข้าเป็นผู้อาวุโสและอาจารย์”
  กระทิงทองแดงตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
  ซือหยูพยักหน้า
  “ตกลงเจ้ามาตามหาอะไรกันแน่?เจ้ามาหาข้าหรืออาจารย์ข้า?”
  “เจ้า!เจ้า! ย่อมได้ ข้าจะไม่เสียเวลากับเด็กไม่รู้จักโตอย่างเจ้า เจ้าทำร้ายศิษย์สำนักช่างสวรรค์ในยุคนี้ของพวกเรา ในฐานะผู้ปกป้องสำนักช่างสวรรค์ ข้าจะทำให้เจ้าต้องชดใช้!”
  กระทิงทองแดงถอนหายใจแรงมันโกรธซือหยูจัด
  ซือหยูแปลกใจ
  “อ้อเป็นเจ้าพวกโง่จากสำนักช่างสวรรค์นั่นเอง! พวกมันอยากใส่ร้ายข้าแต่กลับไปหลอกพวกเดียวกันเองเสียได้ พวกมันยังหน้าด้านไม่พออีกเรอะ? แล้วตอนนี้ยังขอให้ผู้ปกปักษ์รักษาสำนักต้องมาล้างแค้นให้อีก? พอข้าตีเด็ก คนแก่ก็มาแก้แค้นข้า!”
  กระทิงทองแดงตัวแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง
  “เจ้าพูดให้ชัดเจ้าหมายความว่ายังไงที่พวกมันอยากใส่ร้ายเจ้าแล้วหลอกพวกเดียวกันเอง? เจ้าอย่าได้บังอาจทำให้นามแห่งช่างสวรรค์ต้องแปดเปื้อน!”
  “ฮ่า!ข้าต้องทำเองด้วยเรอะ?”
  ซือหยูบอกเล่าประสบการณ์ที่ได้เจอกับสำนักช่างสวรรค์อย่างเปิดเผยและบอกเรื่องจริงทั้งหมด
  เขาอธิบายตอนที่เขาช่วยศิษย์พี่ใหญ่จากมือตงฟางเถียนเฟิงแต่ยู่เหลียงก็อยากจะตอบแทนน้ำใจของเขาด้วยความชั่วช้า ศิษย์พี่ใหญ่ตัดสินใจให้เขาเป็นหมากในแผนการ วางแผนให้ซือหยูล่อจ้าวสวนบุพผาออกมา
  ตงฟางเถียนเฟิงเข้ามาพูดบ้าง
  “ใช่แล้วนี่เป็นเรื่องจริง พวกช่างสวรรค์ไม่ใช่คนดี พวกนั้นเห็นข้าเดินทางตามลำพังเลยพยายามเอาอมยิ้มมาหลอกข้าแล้วให้ข้าเป่าขลุ่ยให้ฟัง ข้าไม่รู้เรื่องเครื่องดนตรีเลยอยากจะปลีกตัวออกมา แต่พวกมันก็หยุดข้า ข้าต้องทำร้ายพวกมันแล้วฆ่าบางคนทิ้งไป พวกมันคือพวกบัดซบ พวกมันกล้าดียังไงมาบังคับให้ข้าเป่าขลุ่ย? พวกพิลึก!”
  ผู้คนตกตะลึงเมื่อได้ฟังตงฟางเถียนเฟิง
  คนสำนักช่างสวรรค์ไม่รู้จักตงฟางเถียนเฟิงและให้นางเป่าขลุ่ย…นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
  “หึ!ไม่แปลกใจเลย พวกสำนักช่างสวรรค์มีบุรุษมากกว่าสตรี อัตราร้อยต่อหนึ่งเห็นจะได้ เจ้าพวกนี้เอาแต่ขลุกตัวทำหุ่นเชิดทั้งวันจนกลายเป็นพวกเคร่งตำราไร้ค่า”
  “พอสุดท้ายพวกลิงได้โอกาสลงเขาเจอสตรีพวกมันก็เลือดร้อนจนกลายเป็นสัตว์ป่า”
  “ใช่ข้าได้ยินอยู่ตลอดว่าพวกศิษย์ช่างสวรรค์ละโมบแค่ไหน ข้าคิดอยู่ตลอดว่ามันเป็นเรื่องจริง! พวกมันไม่ใช่แค่โลภ แต่พวกมันคือปืนยิงยานบินในคราบมนุษย์! พวกมันสอยทุกอย่างที่ลอยได้ที่ได้เจอ!”
  ถ้าหากเป็นการใส่ความจากซือหยูคนเดียวกระทิงทองแดงจะไม่เชื่อข่าวลือเหล่านั้นอย่างแน่นอน มันจะปล่อยให้ซือหยูคนเดียวทำลายเกียรติยศของสำนักช่างสวรรค์ได้ยังไง?
  แต่ยังมีพยานจากตงฟางเถียนเฟิงและคำพูดคำจาจากหลายๆ คนโดยรอบมาด้วย
  ข่าวลือหลายเรื่องมักจะกลายเป็นเรื่องจริงกระทิงทองแดงที่มักคิดถึงแต่ศักดิ์ศรีจำต้องตกใจ
  ตอนนี้มันถึงได้ตระหนักว่ายอดฝีมือจากสำนักตัวเองกำลังใส่ความซือหยูอีกทั้งยังลอบวางอุบายใส่ซือหยูอีก ใครจะไปคิดเล่าว่าพวกช่างสวรรค์คือกลุ่มที่โหดร้ายป่าเถื่อนตั้งแต่แรกแล้วโยนความผิดให้ซือหยูเพียงลำพัง?
  ถ้าหากมันทำให้ซือหยูต้องลำบากชื่อเสียงของสำนักช่างสวรรค์จะแปดเปื้อน ความสัมพันธ์ระหว่างสำนักช่างสวรรค์กับสำนักอสูรสวรรค์ก็จะถูกทำลายเช่นกัน
  นี่มันเป็นเรื่องยากซะแล้ว!
  “เฮ้ไอ้หัวกระทิง เจ้าเป็นใครกันแน่? เจ้าเกี่ยวข้องอย่างไรกับไอ้พวกชั่วที่ดีแต่พูด พวกใช้ไม่ได้ที่ดีแต่ใส่ร้ายคนอื่นบ้าง? เจ้าสบคบคิดกับพวกมันรึ?”
  ซือหยูมองหยาม
  กระทิงทองแดงตัวแข็งทื่อ
  “อืมมข้า ข้าเป็นกระทิงช่า…อะแฮ่ม ข้าหมายถึง ข้าก็แค่ผ่านทางมา”
  “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ไม่มีอะไรเกี่ยวกับสำนักช่างสวรรค์สินะ?”
  ซือหยูขมวดคิ้วถาม
  กระทิงทองแดงยืดอกกล่าว
  “แน่นอนผู้มีเกียรติอย่างข้าจะไปจับกลุ่มสมคบกับพวกคนน่าขยะแขยงเช่นนั้นรึ? ข้าไม่รู้จักพวกมันเลย!”
  ซือหยูถอนหายใจแรง
  “เช่นนั้นแล้วเจ้าจะมาที่นี่เพื่ออะไรกันเจ้าแค่มาปากพล่อยเรอะ?”
  “ฮ่าๆๆๆๆ ข้าก็แค่มาปรับอารมณ์ให้ดีขึ้นเท่านั้น ข้าได้เห็นพวกคนมีพรสวรรค์อย่างเจ้าต่อสู้กันแล้วก็ดีใจ”
  กระทิงทองแดงหัวเราะอย่างโง่เง่า
  ซือหยูตำหนิด้วยความรำคาญเมื่อมองเงาแสงเขียวรอบๆ ที่เหมือนกับฉากหนังสยองขวัญ
  “เอาไอ้แสงเขียวบัดซบของเจ้าออกไปได้แล้ว!พวกผียังต้องกลัวเจ้าเลย!”
  กระทิงทองแดงพูดไม่ออกแล้วตัวมันเองไม่ใช่ผีหรอกรึ?