DND.
“ฮ่าๆ พระเอกมาแล้ว!”
ซือหยูหัวเราะร่าแม้จะเป็นระยะไกล เขาก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นเป้าหมายของสัตว์ประหลาดที่อยู่ในวายุนั้น
ในขณะเดียวกันสัมผัสอันตรายที่เขารู้สึกมานานก็ได้ชัดเจนขึ้นในเวลานี้ สิ่งที่เล็งเป้าเขาตั้งแต่สวนบุพผาได้มาถึงแล้ว
“เจ้ามาถูกเวลาพอดี!”
ซือหยูกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ม่านน้ำแข็งรอบกายปิงหวูชิงที่นางใช้ปิดตัวจากโลกภายนอกสลายไปนางเข้ามาที่ข้างซือหยูพร้อมขมวดคิ้วพูด
“เจ้านี่ก่อเรื่องได้ทั้งจิวโจวเลยนะ”
ทีแรกเขาได้ทำให้พวกมีดสวรรค์โกรธแค้น จากนั้นเขายังทำให้ฮั่นเฟยไม่พอใจ ตอนนี้เสี้ยววิญญาณที่มีพลังมหาศาลยังเข้ามาหาเขาอีก
ซือหยูรู้สึกว่าถูกมองผิด
“เจ้าแน่ใจรึว่าเป็นข้า?บางทีเจ้าเสี้ยววิญญาณนั่นอาจจะเข้าใจว่าข้าเป็นคนอื่นก็ได้ ใช่ไหม?”
ปั้ง…ปั้ง…
โลกสีเขียวที่เกิดขึ้นทำให้บรรยากาศน่าสยดสยอง
เสียงสายลมสีเทาร้องคำรามเสียงที่มีเสียงหยดเลือดปะปนดังสะท้อนออกมา
“สำนักอสูรสวรรค์อยู่ที่นี่หรือไม่?”
ซือหยูหัวเราะ
“เห็นไหมข้าบอกเจ้าแล้ว ชายหนุ่มรูปหล่ออนาคตสดใสอย่างข้าที่เอาแต่ทำดีให้โลกจนผู้ชนชื่นชอบจะมีศัตรูมากมายได้ยังไง?”
ปิงหวูชิงหัวเราะด้วยความโกรธหากพูดเรื่องการก่อเรื่อง ไม่ใช่ว่าซือหยูคือปรมาจารย์แห่งตำหนักโลหิตรึ?
สำนักอสูรสวรรค์?ฮั่นเฟยเลิกคิ้ว
“ตามหาข้ารึ?”
“เจ้าเป็นศิษย์สำนักอสูรสวรรค์สินะส่งซือหยูเซี่ยนจากสำนักเจ้ามาให้ข้า แล้วเจ้าจะรอดตาย”
เสี้ยววิญญาณยังคงพุ่งเข้ามาในวายุ
ปิงหวูชิงแสยะยิ้ม
“ดูเหมือนคนรูปหล่ออย่างเจ้าจะไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบเลยนะ!”
“มีแค่คนทั่วไปเท่านั้นแหละที่คนอื่นจะไม่อิจฉา…”
ซือหยูพูดย้อนเขาตั้งใจจะยั่วปิงหวูชิง
ปิงหวูชิงเหลือบมองเขา
“ครั้งนี้เจ้าไปก่อเรื่องให้ใครอีก?ข้าว่าน่าจะเป็นสำนักใหญ่”
“เจ้าถามข้าหรือ?แล้วข้าจะไปถามใครต่อเล่า?”
ซือหยูทำหน้าไร้เดียงสาและดูงุนงง
“ฮื่มเจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปก่อเรื่องใส่ใครมาสินะ?”
ปิงหวูชิงกลอกตา
ซือหยูยักไหล่
“เจ้าก็ถามดูสิ!ข้าจะไปรู้ได้ยังไง?”
…
ซือหยูเซี่ยนหรือ?สายตานับไม่ถ้วนหันมองซือหยูราวสายฟ้า
ซือหยูได้แต่พูดเบาๆ
“ถ้าคนพวกนั้นไม่มองข้ามันจะตายใช่ไหม?เจ้าพวกทารกขี้สงสัยในร่างหนุ่มสาว!”
“เจ้าน่าจะพูดว่ามนุษย์กลัวชื่อเสียงเหมือนกับหมูที่กลัวการเติบโตแข็งแรงไม่ใช่รึ?”
ปิงหวูชิงพูดอย่างพอใจพร้อมหัวเราะ
ซือหยูจ้องมองนางอย่างถมึงทึงนางกล้าดียังไงมาหัวเราะตอนนี้! นางยังอยากจะเป็นมิตรกับเขาอยู่หรือไม่?
“เจ้าเองรึ?”
วายุเขียวหายไปพื้นสั่นสะเทือนอย่างแรง
กระทิงทองแดงสูงเท่ามนุษย์ก้าวขาออกมาเมื่อกีบเท้าสัมผัสพื้น แรงสั่นสะเทือนได้แผ่ลงไปไม่จบสิ้น
“ข้าเองอะไรอีกล่ะ? เจ้าผุดขึ้นจากนรกมาตามหาญาติที่ยังมีชีวิตอยู่รึ?”
ซือหยูแสยะยิ้ม
กระทิงทองแดงส่งบรรยากาศอันยิ่งใหญ่ออกมา
“ข้าคือกระทิงเทพช่างสวรค์ไม่ใช่วิญญาณร้ายจากนรก!”
“แล้วเจ้าเห็นข้าหน้าตาเหมือนกระทิงโง่ๆ รึ?”
ซือหยูถาม
“ข้าคือกระทิงเทพช่างสวรรค์ไม่ใช่…”
กระทิงทองแดงพูดซ้ำ
“ขออภัยแต่เจ้ามาหาผิดคนแล้ว ถ้าเจ้ามีวิชาสุดยอดอะไรจะส่งต่อให้ลูกหลานแม้จะตายไปแล้วก็บอกข้าได้ ข้าจะช่วยส่งต่อวิชาให้คนรุ่นหลังเอง”
“ข้าคือกระทิงเทพช่างสวรรค์….”
กระทิงทองแดงเริ่มหงุดหงิด
“หรือเจ้ามีสมบัติที่ลืมไว้ว่าจะทิ้งให้ลูกหลานล่ะเจ้าบอกข้าได้นะ ข้าซื่อสัตย์ทั้งยังมีศักดิ์ศรี ข้าสัญญาว่าจะไม่ขโมยสมบัติเจ้า”
กระทิงทองแดงเปล่งแสงเขียวทั้งร่างหัวจรดเท้ามันตะโกนเสียงดังลั่น
“ไอ้บัดซบเอ้ย!ให้ข้าพูดจบก่อน!”
เหล่าผู้คนเหลือบมองกันด้วยความสับสนเมื่อเห็นกระทิงทองแดงระเบิดความโกรธ
บัดซบฝีปากซือหยูเซี่ยนมันมาจากโลกไหน มันทำให้เสี้ยววิญญาณเซียนถึงกับสาปแช่งด้วยความแค้น!
“ก็ได้!จะพูดอะไรก็พูดมา แต่เร็ว ๆ ล่ะ!”
ซือหยูผายมือ
ฟู่ว!
กระทิงทองแดงถอนหายใจยาวและจ้องมองซือหยูอย่างรำคาญและโมโห
“เจ้ามันเด็กหยาบคาย!ด้วยตัวตนของข้า แม้แต่อาจารย์เจ้ายังต้องเรียกข้าเป็นผู้อาวุโสและอาจารย์”
กระทิงทองแดงตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
ซือหยูพยักหน้า
“ตกลงเจ้ามาตามหาอะไรกันแน่?เจ้ามาหาข้าหรืออาจารย์ข้า?”
“เจ้า!เจ้า! ย่อมได้ ข้าจะไม่เสียเวลากับเด็กไม่รู้จักโตอย่างเจ้า เจ้าทำร้ายศิษย์สำนักช่างสวรรค์ในยุคนี้ของพวกเรา ในฐานะผู้ปกป้องสำนักช่างสวรรค์ ข้าจะทำให้เจ้าต้องชดใช้!”
กระทิงทองแดงถอนหายใจแรงมันโกรธซือหยูจัด
ซือหยูแปลกใจ
“อ้อเป็นเจ้าพวกโง่จากสำนักช่างสวรรค์นั่นเอง! พวกมันอยากใส่ร้ายข้าแต่กลับไปหลอกพวกเดียวกันเองเสียได้ พวกมันยังหน้าด้านไม่พออีกเรอะ? แล้วตอนนี้ยังขอให้ผู้ปกปักษ์รักษาสำนักต้องมาล้างแค้นให้อีก? พอข้าตีเด็ก คนแก่ก็มาแก้แค้นข้า!”
กระทิงทองแดงตัวแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง
“เจ้าพูดให้ชัดเจ้าหมายความว่ายังไงที่พวกมันอยากใส่ร้ายเจ้าแล้วหลอกพวกเดียวกันเอง? เจ้าอย่าได้บังอาจทำให้นามแห่งช่างสวรรค์ต้องแปดเปื้อน!”
“ฮ่า!ข้าต้องทำเองด้วยเรอะ?”
ซือหยูบอกเล่าประสบการณ์ที่ได้เจอกับสำนักช่างสวรรค์อย่างเปิดเผยและบอกเรื่องจริงทั้งหมด
เขาอธิบายตอนที่เขาช่วยศิษย์พี่ใหญ่จากมือตงฟางเถียนเฟิงแต่ยู่เหลียงก็อยากจะตอบแทนน้ำใจของเขาด้วยความชั่วช้า ศิษย์พี่ใหญ่ตัดสินใจให้เขาเป็นหมากในแผนการ วางแผนให้ซือหยูล่อจ้าวสวนบุพผาออกมา
ตงฟางเถียนเฟิงเข้ามาพูดบ้าง
“ใช่แล้วนี่เป็นเรื่องจริง พวกช่างสวรรค์ไม่ใช่คนดี พวกนั้นเห็นข้าเดินทางตามลำพังเลยพยายามเอาอมยิ้มมาหลอกข้าแล้วให้ข้าเป่าขลุ่ยให้ฟัง ข้าไม่รู้เรื่องเครื่องดนตรีเลยอยากจะปลีกตัวออกมา แต่พวกมันก็หยุดข้า ข้าต้องทำร้ายพวกมันแล้วฆ่าบางคนทิ้งไป พวกมันคือพวกบัดซบ พวกมันกล้าดียังไงมาบังคับให้ข้าเป่าขลุ่ย? พวกพิลึก!”
ผู้คนตกตะลึงเมื่อได้ฟังตงฟางเถียนเฟิง
คนสำนักช่างสวรรค์ไม่รู้จักตงฟางเถียนเฟิงและให้นางเป่าขลุ่ย…นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
“หึ!ไม่แปลกใจเลย พวกสำนักช่างสวรรค์มีบุรุษมากกว่าสตรี อัตราร้อยต่อหนึ่งเห็นจะได้ เจ้าพวกนี้เอาแต่ขลุกตัวทำหุ่นเชิดทั้งวันจนกลายเป็นพวกเคร่งตำราไร้ค่า”
“พอสุดท้ายพวกลิงได้โอกาสลงเขาเจอสตรีพวกมันก็เลือดร้อนจนกลายเป็นสัตว์ป่า”
“ใช่ข้าได้ยินอยู่ตลอดว่าพวกศิษย์ช่างสวรรค์ละโมบแค่ไหน ข้าคิดอยู่ตลอดว่ามันเป็นเรื่องจริง! พวกมันไม่ใช่แค่โลภ แต่พวกมันคือปืนยิงยานบินในคราบมนุษย์! พวกมันสอยทุกอย่างที่ลอยได้ที่ได้เจอ!”
ถ้าหากเป็นการใส่ความจากซือหยูคนเดียวกระทิงทองแดงจะไม่เชื่อข่าวลือเหล่านั้นอย่างแน่นอน มันจะปล่อยให้ซือหยูคนเดียวทำลายเกียรติยศของสำนักช่างสวรรค์ได้ยังไง?
แต่ยังมีพยานจากตงฟางเถียนเฟิงและคำพูดคำจาจากหลายๆ คนโดยรอบมาด้วย
ข่าวลือหลายเรื่องมักจะกลายเป็นเรื่องจริงกระทิงทองแดงที่มักคิดถึงแต่ศักดิ์ศรีจำต้องตกใจ
ตอนนี้มันถึงได้ตระหนักว่ายอดฝีมือจากสำนักตัวเองกำลังใส่ความซือหยูอีกทั้งยังลอบวางอุบายใส่ซือหยูอีก ใครจะไปคิดเล่าว่าพวกช่างสวรรค์คือกลุ่มที่โหดร้ายป่าเถื่อนตั้งแต่แรกแล้วโยนความผิดให้ซือหยูเพียงลำพัง?
ถ้าหากมันทำให้ซือหยูต้องลำบากชื่อเสียงของสำนักช่างสวรรค์จะแปดเปื้อน ความสัมพันธ์ระหว่างสำนักช่างสวรรค์กับสำนักอสูรสวรรค์ก็จะถูกทำลายเช่นกัน
นี่มันเป็นเรื่องยากซะแล้ว!
“เฮ้ไอ้หัวกระทิง เจ้าเป็นใครกันแน่? เจ้าเกี่ยวข้องอย่างไรกับไอ้พวกชั่วที่ดีแต่พูด พวกใช้ไม่ได้ที่ดีแต่ใส่ร้ายคนอื่นบ้าง? เจ้าสบคบคิดกับพวกมันรึ?”
ซือหยูมองหยาม
กระทิงทองแดงตัวแข็งทื่อ
“อืมมข้า ข้าเป็นกระทิงช่า…อะแฮ่ม ข้าหมายถึง ข้าก็แค่ผ่านทางมา”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ไม่มีอะไรเกี่ยวกับสำนักช่างสวรรค์สินะ?”
ซือหยูขมวดคิ้วถาม
กระทิงทองแดงยืดอกกล่าว
“แน่นอนผู้มีเกียรติอย่างข้าจะไปจับกลุ่มสมคบกับพวกคนน่าขยะแขยงเช่นนั้นรึ? ข้าไม่รู้จักพวกมันเลย!”
ซือหยูถอนหายใจแรง
“เช่นนั้นแล้วเจ้าจะมาที่นี่เพื่ออะไรกันเจ้าแค่มาปากพล่อยเรอะ?”
“ฮ่าๆๆๆๆ ข้าก็แค่มาปรับอารมณ์ให้ดีขึ้นเท่านั้น ข้าได้เห็นพวกคนมีพรสวรรค์อย่างเจ้าต่อสู้กันแล้วก็ดีใจ”
กระทิงทองแดงหัวเราะอย่างโง่เง่า
ซือหยูตำหนิด้วยความรำคาญเมื่อมองเงาแสงเขียวรอบๆ ที่เหมือนกับฉากหนังสยองขวัญ
“เอาไอ้แสงเขียวบัดซบของเจ้าออกไปได้แล้ว!พวกผียังต้องกลัวเจ้าเลย!”
กระทิงทองแดงพูดไม่ออกแล้วตัวมันเองไม่ใช่ผีหรอกรึ?