หลิวลี่ไม่ตอบ แต่กลับเอื้อมมือไปขยับเก้าอี้มานั่งข้างหน้าเฮ่อเหลี่ยน มือทั้งสองประสานกันบนตัก ปั้นยิ้มสวยออกมา พูดว่า “คุณชายใหญ่เจ้าขา ความลับของข้านี้จะต้องทำให้เมิ่งเชี่ยนโยวจบสิ้นทุกอย่างแน่ แต่ว่าท่านจะต้องรับปากกับข้าสองอย่าง ข้าจึงจะบอกท่าน”

 

 

เฮ่อเหลี่ยนหมดความอดทนตั้งนานแล้ว เมื่อได้ยินหลิวลี่พูดเช่นนี้ เขาก็ระเบิดความโกรธออกมา ยื่นมือมาบีบคอนาง พูดอย่างน่ากลัวว่า “คนอย่างเจ้า ยังกล้ามาเสนอเงื่อนไขกับข้าอีกหรือ”

 

 

หลิวลี่ถูกบีบคอ เจ็บจนพูดไม่ออก แต่ใบหน้านางไร้ซึ่งความรู้สึกกลัว ยังคงอดทนกัดฟันพูดออกมาที่ละคำ “คุณชายใหญ่…ถ้าหาก…ไม่…อยาก…จัดการ…นัง…ชั้นต่ำนั่น…ก็รีบ…ลงมือ…เถิดเจ้าค่ะ”

 

 

เขาตกต่ำถึงจุดนี้แล้ว เป็นฝีมือของเมิ่งเชี่ยนโยวและหวงฝู่อี้เซวียนทั้งสิ้น เฮ่อเหลี่ยนคิดอยู่ทุกลมหายใจว่าจะจัดการกับสองคนนั้นอย่างไร จะปล่อยโอกาสดีๆ เช่นนี้ให้หลุดมือไปได้อย่างไร เมื่อได้ยินดังนั้นก็ปล่อยมือลง ปรับน้ำเสียงเล็กน้อย “ขอให้สิ่งที่เจ้าพูดแป็นความจริงเถอะ มิเช่นนั้นข้ามีเป็นร้อยเป็นพันวิธีที่จะทรมานให้เจ้าตาย”

 

 

เมื่อเป็นอิสระแล้ว หลิวลี่ไอออกมาอย่างแรง จากนั้นจึงได้หายใจหอบแรง

 

 

เฮ่อเหลี่ยนมองนางด้วยความรังเกียจ พูดว่า “บอกเงื่อนไขของเจ้ามา”

 

 

หลิวลี่หายใจสงบขึ้น พูดว่า “คุณชายใหญ่วางใจเถิดเจ้าค่ะ เงื่อนไขของข้าง่ายนิดเดียว ไม่ทำให้ท่านต้องลำบากใจแน่นอน”

 

 

“อย่าพล่ามให้มาก เงื่อนไขอะไรว่ามา” เฮ่อเหลี่ยนถามอย่างหมดความอดทน

 

 

เมื่อเห็นว่าเขาหมดความอดทนถึงขีดสุดแล้ว หลิวลี่จึงไม่ได้พูดจาไร้สาระอีกต่อไป ชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว พูดว่า “ข้อแรก ข้าอยากจะให้คุณชายใหญ่รับข้ากลับไปอยู่ข้างกายของท่านดังเดิม ข้าไม่ขออะไรมาก ขอเป็นภรรยาน้อยของท่านก็พอเจ้าค่ะ”

 

 

เฮ่อเหลี่ยนหรี่ตาลง จ้องมองนาง

 

 

ใจของหลิวลี่สั่นระรัว แต่กลับมองตอบสายตาเขาด้วยใบหน้าไร้ซึ่งความกลัว

 

 

เฮ่อเหลี่ยนยิ้มอย่างมีเลศนัย “เจ้าแน่ใจหรือ”

 

 

หลิวลี่พยักหน้าอย่างมั่นใจ

 

 

นี่เป็นเพราะนางไม่รู้ว่าเขาไร้ความเป็นคนไปเสียแล้ว มิเช่นนั้นก็คงไม่เสนอข้อเสนอเช่นนี้ออกมา กระนั้น มารยาในการบริการชายของหลิวลี่ก็ดีไม่น้อย น่าจะเป็นเพราะว่ามีคนสอนงานก่อนจะถูกส่งตัวเข้ามา หากไม่ใช่เพราะนางฟันหักไปสองซี่ละก็ เขาคงจะเอ็นดูนางอยู่บ้าง แต่ในเมื่อนางยกข้อเสนอเช่นนี้มา เฮ่อเหลี่ยนก็ตอบรับด้วยความยินดี เมื่อนางมั่นอกมั่นใจเสียเพียงนี้ ตอนเล่นสนุกกับนางคงจะบันเทิงกว่าพวกสาวใช้จืดชืดพวกนั้นเป็นแน่ เขาจึงพยักหน้า ตอบตกลง “ได้สิ เรื่องนี้ข้าตกลง แล้วข้อที่สองเล่า”

 

 

เมื่อได้ยินเขาตอบตกลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้ หลิวลี่ดีใจเป็นอย่างมาก เผยสีหน้ามีความสุขออกมา “ข้อที่สองง่ายกว่าข้อแรกอีกเจ้าค่ะ เมื่ออยู่ที่นี่ข้าขอเรือนส่วนตัว นอกจากท่านและคนรับใช้แล้ว ห้ามมิให้ใครเข้าออกเด็ดขาด รวมทั้งฮูหยินก็ห้ามเข้าเจ้าค่ะ”

 

 

หลายปีมานี้นางร่อนเร่ขอข้าวกิน ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของฮูหยินมาว่าเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียว และขี้หึง ตนภรรยาน้อย นางเป็นภรรยาเอก ภายหน้าตนได้รับความรักความเอ็นดูจากคุณชายใหญ่ หากนางมาหาเรื่องถึงที่ จะถือว่านางรนหาเรื่องใส่ตัว จึงได้ยกข้อเสนอเช่นนี้ขึ้นมา เป้าหมายก็เพื่อจะป้องกันตัวเอง

 

 

จะว่าไปหลิวลี่คนนี้ก็คิดอะไรรอบคอบดีอยู่ วางแผนเส้นทางชีวิตภายภาคหน้าของตนในจวนนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว หากเป็นเมื่อก่อน ก็คงจะได้เฉิดฉายอยู่พักหนึ่ง แต่น่าเสียดาย นางคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าเฮ่อเหลี่ยนศูนย์เสียความเป็นผู้เป็นคนไปแล้ว ฮูหยินไม่เพียงแต่จะไม่มาหาเรื่องนาง หากแต่ยังหวังอยากจะให้เฮ่อเหลี่ยนอยู่กับนางทุกวันใจจะขาด ส่วนนางก็จะได้เริ่มใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมานอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

 

 

แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องในอนาคต บัดนี้ชีวิตอดอยากที่ยาวนานมาถึงห้าปีจะจบลงเสียที หลิวลี่ดีใจจนแทบทนไม่ไหว ยังคงฝันกลางวันเช่นนั้นอยู่

 

 

เฮ่อเหลี่ยนยิ้ม รอยยิ้มนั้นมีความน่ากลัวซ่อนอยู่ แฝงไปด้วยความสะใจ

 

 

หลิวลี่สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ แต่ก็บอกไม่ถูกว่าผิดปกติอย่างไร

 

 

เฮ่อเหลี่ยนพยักหน้า รีบตอบตกลงทันที “ได้เลย ข้ายอมรับข้อตกลงของเจ้าทั้งหมด ตอนนี้รีบบอกความลับของเจ้ามาเถิด”

 

 

ในที่สุดก็จะได้ใช้ชีวิตโดยมีคนรองมือรองเท้าเสียที หลิวลี่ตื่นเต้นเป็นที่สุด ดีใจแทบแย่ นางพยายามอดกลั้นความรู้สึกที่อยากจะกระโดดโลดเต้นร้องตะโกนออกมาอย่างดีใจ เม้มปาก เดินเช้าประชิดใบหน้าของเฮ่อเหลี่ยน

 

 

เฮ่อเหลี่ยนถอยหลังทันที หลบตานาง ถามเสียงดุว่า “เจ้าจะทำอะไรน่ะ”

 

 

“คุณชายใหญ่เจ้าขา กำแพงมีหู ประตูมีช่อง ความลับนี้มีเพียงท่านกับข้าที่รู้ ให้ใครอื่นรู้อีกไม่ได้นะเจ้าคะ ให้ข้ากระซิบข้างหูท่านเถิด”

 

 

เฮ่อเหลี่ยนขมวดคิ้ว จ้องนาง

 

 

หลิวลี่พยักหน้า

 

 

เฮ่อเหลี่ยนเอียงหูให้นางอย่างเต็มใจ

 

 

หลิวลี่นำปากแนบติดข้างหูของเขา กระซิบบอกความลับที่นางกุมอยู่

 

 

เฮ่อเหลี่ยนผุดลุกขึ้นมา คว้าเสื้อของนาง ยกตัวนางขึ้นจากเก้าอี้ ดึงมาด้านหน้าของตน ถามอย่างดุดัน “ที่เจ้าพูดเป็นความจริงหรือ”

 

 

“แน่นอนเจ้าค่ะ ข้าจะโกหกคุณชายใหญ่ได้อย่างไร ข้าน่ะโตมากับนางนะเจ้าคะ นางเป็นคนเช่นไรข้ารู้ดียิ่งกว่าใคร ไม่ใช่แบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้แน่นอน”

 

 

เขาคลายมือลง ไม่แม้แต่จะชายตามองหลิวลี่ที่หล่นฟุบอยู่บนพื้น เฮ่อเหลี่ยนสั่งคนนอกประตูด้วยเสียงรีบร้อนว่า “เร็วเข้า ไปเชิญท่านพ่อกลับบ้าน บอกว่าข้ามีเรื่องด่วนจะพูดด้วย”

 

 

บ่าวรับใช้ตอบรับ เสียงฝีเท้าวิ่งไกลออกไป

 

 

เฮ่อเหลี่ยนเดินวนไปมาในห้องอย่างร้อนใจ เมื่อคิดถึงความลับที่หลิวลี่ว่า จึงหัวเราะออกมาเสียงดัง “เมิ่งเชี่ยนโยว เจ้าไม่รอดแน่ ข้าจะรอดูว่าครานี้เจ้าจะเอาตัวรอดอย่างไร”

 

 

หลิวลี่นั่งอยู่บนพื้น มองเฮ่อเหลี่ยนด้วยสายตาง้องอน อยากให้เขาพยุงนางขึ้นมา ใครจะไปคิดว่าเขากลับไม่ใส่ใจนางเลยแม้แต่น้อย นางไม่พอใจ จึงได้ดัดทำเสียงออดอ้อนอย่างที่ตนคิดว่าน่ารัก พูดไปว่า “คุณชายใหญ่ล่ะก็!”

 

 

แต่นางลืมไป ว่ากล่องเสียงของนางพังไปแล้ว เสียงที่ออกมาจึงได้กลายเป็นเสียงแหบแห้งไม่น่าฟังเอาเสียเลย เสียงนี้เมื่อตะโกนออกไปก็ทำเอาเฮ่อเหลี่ยนรู้สึกแสบแก้วหู เกือบจะยกขาถีบนางไปอีกครั้ง แต่เมื่อคิดได้ว่านางยังมีประโยชน์อยู่ จึงได้อดกลั้นเอาไว้ เอ็ดนางไปว่า “ยังไม่รีบลุกขึ้นมาอีกหรือ”

 

 

มือที่หลิวลี่ยื่นมาหวังจะให้เขาช่วยดึงขึ้นหยุดชะงักทันที ใบหน้างุนงงขึ้นมา นางไม่เข้าใจว่านางบอกความลับเขาไปมากเพียงนั้นแล้ว ทั้งยังได้รับตบรางวัลแล้ว เหตุใดเฮ่อเหลี่ยนยังทำท่าทีเช่นนั้นกับนางอีกนะ

 

 

นางหดมือกลับ ยืนขึ้นมา มองเฮ่อเหลี่ยนด้วยอาการน้อยใจ

 

 

ตอนนี้จิตใจทั้งหมดของเฮ่อเหลี่ยนจดจ่ออยู่กับความลับที่นางว่า ไม่แม้แต่จะชายตามองนางเลยแม้แต่น้อย

 

 

เมื่อบ่าวรับใช้ได้ยินที่เขาสั่งแล้ว จึงได้รีบไปหาเฮ่อจาง รายงานอย่างนอบน้อมว่า “นายท่านขอรับ คุณชายใหญ่มีเรื่องด่วนต้องการจะพบท่าน ขอให้ท่านรีบกลับจวนด้วยขอรับ”

 

 

น้ำเสียงของบ่าวรับใช้ค่อนข้างรีบร้อน เฮ่อจางขมวดคิ้วลง ถามว่า “เรื่องอะไรกัน”

 

 

บ่าวรับใช้ส่ายหน้า “บ่าวไม่ทราบขอรับ”

 

 

ตั้งแต่ที่เขาอบรมเฮ่อเหลี่ยนครั้งนั้น พักนี้เขาทำตัวดีขึ้นมาก คงจะไม่ได้ไปสร้างเรื่องวุ่นวายร้ายแรงอะไรอีก แล้วจะเป็นเรื่องอะไรที่ทำให้เขาต้องรีบร้อนส่งคนมาตามเขากลับไปเช่นนี้ เขาครุ่นคิด พลางยืนขึ้น เดินไปด้านนอก และขึ้นเกี้ยวกลับจวนไป

 

 

เมื่อถึงจวน ก็รีบสั่งว่า “ให้คุณชายใหญ่ไปพบข้าที่ห้องหนังสือ”

 

 

เฮ่อเหลี่ยนทำตามที่สัญญาไว้ สั่งอวิ๋นซีว่า “เก็บกวาดเรือนให้หลิวอี๋เหนียงที จัดแจงที่พักให้นางอาศัย และหาคนไปคอยรับใช้นาง”

 

 

คำว่าอี๋เหนียงคำเดียว สามารถแสดงถึงสถานะของหลิวลี่ในตอนนี้ได้

 

 

อวิ๋นซีผงะไปเล็กน้อย จากนั้นก็ตอบรับอย่างนอบน้อม

 

 

เฮ่อเหลี่ยนสาวเท้ายาวออกไปด้านนอก

 

 

หลิวลี่มองอวิ๋นซีอย่างเย้ยหยัน

 

 

สีหน้าของอวิ๋นซีไม่ได้เปลี่ยนไป พูดว่า “หลิวอี๋เหนียง เชิญเจ้าค่ะ”

 

 

หลิวลี่เชิดหน้าขึ้น เดินไปด้านหน้านาง ถามอย่างภาคภูมิว่า “ตอนนี้ข้าคงสามารถใส่เสื้อผ้าใหม่ได้แล้วสินะ”

 

 

อวิ๋นซีตอบโดยไร้ทีท่าไม่พอใจว่า “เรื่องนั้นข้าน้อยตัดสินใจไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ จะต้องได้รับการอนุญาตจากฮูหยินก่อนเจ้าค่ะ”

 

 

ฮูหยินจัดการเรื่องทุกอย่างในบ้านนี้ อวิ๋นซีตอบเช่นนี้ไม่ถือว่าเป็นการปัดความรับผิดชอบ หลิวลี่แค่นเสียงไม่พอใจ เดินออกไปนอกห้อง

 

 

อวิ๋นซี ส่ายหัวให้นางเล็กน้อย เดินตามไปด้านหลัง

 

 

เฮ่อเหลี่ยนมาถึงห้องหนังสือแล้ว เขารีบบอกความลับที่หลิวลี่บอกทันที ไม่ต้องรอให้เฮ่อจางถามไถ่

 

 

เฮ่อจางเองก็ยืนขึ้นด้วยความตื่นเต้น ถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนว่า “ที่เจ้าพูดเป็นเรื่องจริงหรือ มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ”

 

 

“แน่เสียยิ่งกว่าแน่อีกขอรับ อนุที่ถูกลูกไล่ออกไปจากบ้านเมื่อหลายปีก่อน โตมากับหญิงชั้นต่ำนั่น นางบอกข้ากับปากของนางเอง”

 

 

“ดี หากนี่เป็นเรื่องจริง ครานี้เราเอานางถึงตายได้เลย หากนางตายแล้ว เจ้าโง่นั่นก็อยู่ได้อีกไม่นานหรอก” เฮ่อจางกล่าว

 

 

เฮ่อเหลี่ยนพยักหน้าไม่หยุด “ดังนั้นลูกจึงได้รีบส่งคนไปเรียกท่านพ่อกลับมาอย่างไรล่ะขอรับ มาหารือกันว่าเราควรจะเปิดเผยเรื่องนี้อย่างไรดี ให้ฮ่องเต้ออกคำสั่งจัดการพวกมัน โดยที่พวกเราไม่ต้องออกแรงเอง”

 

 

เฮ่อจางโบกมือ “อย่ารีบร้อนไป นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดของเรา ต้องเตรียมการให้รอบคอบที่สุด อย่าให้พวกมันได้มีโอกาสแว้งกัดเราได้ อย่างนี้แล้วกัน เจ้าส่งคนหลายๆ กลุ่มไปสืบที่ตำบลชิงซีสักหน่อย หากมั่นใจว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง คนอย่างข้าก็มีวิธีให้ฮ่องเต้ลงมือก็แล้วกัน”

 

 

เฮ่อเหลี่ยนตอบตกลง เดินออกจากห้องหนังสือไป เรียกตัวองครักษ์เงา และองครักษ์ประจำจวน รวมถึงบ่าวรับใช้ที่ไว้ใจได้มารวมกัน ออกคำสั่งกับพวกเขา

 

 

เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป มีคนแบ่งกลุ่มออกมาจากจวนมหาเสนาบดี ขี่ม้ามุ่งหน้าออกจากเมืองหลวงไป

 

 

 

 

มันฝรั่งในหลินเฉิงปลูกช้ากว่าที่เป่ยเฉิง ดังนั้นจึงสุกช้ากว่า ไม่เพียงเท่านี้ หัวมันยังเล็กกว่าด้วย แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ คนที่หลินเฉิงก็ดีใจกันมากแล้ว ภายใต้การชี้แนะของหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยว ไม่นานพวกเขาก็เก็บเกี่ยวเสร็จทั้งหมด เมื่อเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้เพียงพอแล้ว จางเจ๋อหวยก็แจกจ่ายให้แต่ละบ้านอย่างเท่าเทียมกัน เมื่อรวมกับที่เคยส่งมาเมื่อครั้งก่อน สามารถอยู่ได้ถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยวหน้าได้อย่างไม่มีปัญหา

 

 

ขณะเดียวกันเมิ่งเชี่ยนโยวก็ได้ให้สัญญากับชาวบ้านว่า หากครั้งหน้ามันฝรั่งของแต่ละบ้านมีเพิ่มขึ้น พวกเขาจะเก็บกลับไป หรือจะเอามาแลกเป็นธัญพืชชนิดต่างๆ ก็ได้

 

 

แน่นอนว่าชาวบ้านต่างพากันดีใจเป็นอย่างมาก

 

 

เมื่อเสร็จเรื่องวุ่นๆ ที่หลินเฉิงแล้ว ตอนแรกทั้งสองตั้งใจว่าจะเดินทางกลับตำบลชิงซีทันที แต่เมิ่งเชี่ยนโยวนึกได้ว่าสัญญากับเมิ่งจงจวี่ไปว่าจะเชิญพระราชโองการกลับไปให้คนในตระกูลได้บูชากัน จึงได้เปลี่ยนใจ กลับเมืองหลวงมาก่อน ตั้งใจว่าเมื่อเชิญราชโองการแล้วจะกลับบ้านทันที

 

 

หลังจากเข้าเมืองหลวงมาแล้ว หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้ตามเมิ่งเชี่ยนโยวไปที่หนานเฉิง บอกว่า “ข้าไม่ได้กลับจวนมาราวครึ่งเดือนแล้ว อยากกลับไปเยี่ยมท่านแม่เสียหน่อย จากนั้นก็จะเตรียมของขวัญด้วย เจ้ากลับบ้านไปพักผ่อนก่อน วันมะรืนเราค่อยกลับบ้านด้วยกัน”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า หันหลังกลับกลางทาง กลับไปยังหนานเฉิง

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนเห็นนางไกลออกไปแล้ว จึงได้สั่งรถม้าให้เดินทางกลับจวน

 

 

เมื่อถึงหน้าประตูจวนแล้ว ก็ลงจากรถม้า ขณะที่กำลังจะก้าวเดินเข้าไปด้านในนั้น ก็มีพระสงฆ์สติไม่ดีผู้หนึ่งยืนขวางหน้าเอาไว้พร้อมกับยิ้มหัวเราะ เขาไม่พูดอะไร แต่กลับมองพิจารณาเขาซ้ายทีขวาที

 

 

หวงฝู่อี้ที่อยู่ด้านหลังกำลังจะเดินมาไล่เขาไป

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนห้ามเขาไว้ สั่งว่า “เอาเงินให้ท่านไปบ้าง”

 

 

หวงฝู่อี้ตอบรับ ควักเศษเงินออกมาเล็กน้อย มอบให้พระสงฆ์สติไม่ดีผู้นั้นไป

 

 

“ท่านยังมีธุระอะไรอีกหรือขอรับ” หวงฝู่อี้เซวียนถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

 

 

พระสงฆ์ยิ้มพร้อมกับเปิดปากพูด แต่กลับพูดหลายประโยคที่ไม่สัมพันธ์กัน “บุพเพสันนิวาสพันปี พบกันชาตินี้ หายนะใกล้เข้ามา จากกันอย่างน่ากลัว…” เขายังพูดไม่จบ แต่จิตใจของหวงฝู่อี้เซวียนก็หดหู่ลงทันที พูดตัดบทของเขา สั่งหวงฝู่อี้ว่า “เชิญไต้ซือไปที่เรือนรับรองแขกชั่วคราวก่อน สั่งให้คนดูแลไต้ซือให้ดี ข้าไปทักทายเสด็จแม่เรียบร้อยแล้วจะรีบตามไป” จากนั้นก็สั่งว่า “เชิญขึ้นรถม้าของข้าไปขอรับ”

 

 

หวงฝู่อี้งงเล็กน้อย มองพระสงฆ์เสียสติผู้นั้นอย่างไม่เชื่อสายตา จากนั้นก็ตอบรับด้วยความนอบน้อม

 

 

พระสงฆ์ที่แลดูสติไม่ดีผู้นั้นก็ไม่ปฏิเสธ เดินยิ้มมายังรถม้า ยกขาก้าวขึ้นไปบนรถ จากนั้นก็แหงนหน้าขึ้น นอนแผ่อยู่ด้านบนอย่างสบายใจ

 

 

เมื่อเห็นว่าเขาใส่เสื้อผ้าเก่าซอมซ่อแต่กลับนอนแผ่สบายใจอยู่บนรถม้าหรูหราอย่างไม่สนใจอะไร และยังทำเบาะรองแสนแพงสกปรกอีก หวงฝู่อี้ย่นคิ้วลงด้วยความรู้สึกเจ็บปวดใจ

 

 

สีหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนยังคงเดิม สั่งเขาว่า “ดูแลท่านให้ดี หากมีอะไรผิดพลาด ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่”

 

 

อยู่กับเขามานานหลายปี เป็นครั้งแรกที่อี้เซวียนพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงจริงจังเช่นนี้ หวงฝู่อี้ผงะไปครู่หนึ่ง คิดได้ว่าบางทีพระสงฆ์รูปนี้อาจจะมีความสำคัญกับซื่อจื่อเป็นอย่างมาก จึงได้รีบขึ้นไปบนรถม้า สั่งให้คนรถไปยังเรือนรับรองชั่วคราว

 

 

เมื่อเห็นรถม้าแล่นออกไป ในใจของหวงฝู่อี้เซวียนก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา รีบเดินเข้าไปด้านใน ไปยังเรือนของพระชายา บอกนางว่าตนกลับมาแล้ว นางจะได้ไม่ต้องกังวลใจ จากนั้น ก็รีบกลับออกไป

 

 

พระชายาเห็นเขามาได้ครู่หนึ่งก็รีบออกไป ในใจก็รู้สึกไม่ดี เขาเพิ่งจะแยกจากโยวเอ๋อร์ ฮ่องเต้เองก็ยังไม่ได้มีรับสั่งอะไรถึงเขา แล้วเขารีบร้อนเช่นนี้ไปทำอะไรกัน

 

 

ขณะเดียวกันนั้น กลุ่มคนที่จวนมหาเสนาบดีส่งไปสืบเรื่องได้กลับมาแล้ว เรื่องที่ไปสืบมาใกล้เคียงกับที่หลิวลี่กล่าว

 

 

เมื่อได้คำตอบที่แน่ชัดแล้ว เฮ่อจางและเฮ่อเหลี่ยนก็ดีใจกันยกใหญ่

 

 

เฮ่อจางสั่งว่า “เข้าไปส่งข่าวในวัง ข้าจะขอเข้าพบกุ้ยเฟย”