บทที่ 945 ฉันรับปากคุณ

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 945 ฉันรับปากคุณ

ฉินเทียนรู้ว่า วาฬสเปิร์มจะต้องโชคร้าย บางทีตอนนี้ มันอาจกลายเป็นอาหารในปากของวาฬเพชฌฆาตและวาฬหลังค่อมไปแล้ว

แต่เมื่อมองไปที่หวังตัวยวี่ที่โศกโศกต่อหน้าเขา เขาก็ไม่สามารถบอกได้จริง ๆ

“มันน่าจะสามารถหลบหนีได้ ”เขาทำได้เพียงคลุมเครือและทำอะไรไม่ถูก

หวังตัวยวี่ไม่ได้โง่ จากสายตาของฉินเทียน เธอได้เห็นคำตอบแล้ว หญิงสาวที่เคยอารมณ์ร้อนและชอบครอบงำ ทันใดนั้นก็กลายเป็นคนเงียบเหงาลงไป

ฉินเทียนไม่รู้ว่าจะเกลี้ยกล่อมเธออย่างไร แต่เมื่อเขาเห็นกระเป๋าหนังสีดำห้อยลงมาจากเอวของหวังตัวยวี่เขาก็เปลี่ยนหัวข้อ

“เอ่อ บนตัวคุณยังงมีพลุไฟส่งสัญญาณไหม ?”

“หรือว่า คุณยังมีวิธีติดต่อคนของพวกคุณไหม ? ให้พวกเขามาพาพวกเราออกไป!”

หวังตัวยวี่ยังคงเงียบ และสอดมือเข้าไปในกระเป๋าหนังสีดำ

ฉินเทียนมีความสุขมาก ใครจะรู้ เมื่อเขาคิดว่าหวังตัวยวี่กำลังจะหยิบพลุไฟสัญญาณออกมา บนมือของหวังตัวยวี่ในมือ กลับมีนกหวีดโคลนสีดำ

เป็นรูปนกสามรู ฉินเทียนจำมันได้ และเขาก็เคยเล่นมันตอนที่เขายังเป็นเด็ก มันเป็นเครื่องดนตรีธรรมดา ๆ

หวังตัวยวี่ใส่นกหวีดโคลนเข้าปาก กดรูทั้งสองเป็นจังหวะด้วยนิ้วมือทั้งสองข้าง แล้วเป่าขึ้นมา

เสียงสะอื้นและเสียงครวญครางกระจายไปตามน้ำทะเลที่เป็นลูกคลื่น ในความมึนงง แสงแดดบนท้องฟ้าก็หรี่ลง และ พื้นผิวทะเลก็ถูกปกคลุมด้วยชั้นเงา

ทะเลที่ไร้ขอบเขตทั้งหมดกลายเป็นความเศร้า

ฉินเทียนถูกดึงดูดโดยไม่รู้ตัวด้วยเสียงอันเศร้าสร้อยนี้ และเขาฟังอย่างเงียบ ๆ ความคิดของเขาล่องลอยไปพร้อมกับเสียงครวญคราง และเขาจำสิ่งต่าง ๆ ในอดีตได้มากมาย

หวังตัวยวี่เป่าอยู่เป็นเวลานานก่อนจะหยุดลงในที่สุด ดวงตาของที่แดงทั้งสองของเธอบวมขึ้นมา

และมองดูระยะไกลเป็นครั้งสุดท้าย เธอกระซิบว่า “พลุไฟส่งสัญญาณไม่มีแล้ว พวกเราทำได้แค่ว่ายน้ำไปที่เกาะ”

“เอาล่ะ” ฉินเทียนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “เราพักผ่อนสักหน่อยเถอะ เมื่อคุณฟื้นพลังแล้ว ก็เริ่มว่ายน้ำกัน”

เมื่อมองไปที่ทะเลอันกว้างใหญ่ เขามองไม่เห็นแม้แต่เงาของเกาะ และเขาไม่รู้ว่าเขาจะต้องว่ายน้ำไปอีกนานแค่ไหน

เขาลังเลอยู่ครูหนึ่ง แต่ก็ยังถามคำถามที่เขากังวลมากที่สุด

“เรื่องนั้น______”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ น้ำทะเลในระยะไกลก็พุ่งขึ้นขึ้นมา

มีคำกล่าวว่าเมื่อถูกงูกัดแล้วก็จะกลัวเชือกนับปี ทันใดนั้นการแสดงออกของฉินเทียนเปลี่ยนไปอย่างมาก พูดว่า “แย่แล้ว ยังมีวาฬอีกตัว!”

“พวกเรารีบไปกันเถอะ!”

เขาผลักแผ่นไม้ และกำลังจะหนีจากสถานที่ที่อันตรายนี้

ในระยะไกล มีเสียงร้องเบา ๆ ของวาฬ และนำก็กระเซ็น และสัตว์ประหลาดตัวใหญ่เผยให้เห็นกระดูกสันหลังสีดำของมัน

  “อาเซียง!”

“คืออาเซียง ! ”

หวังตัวยวี่รีบลุกขึ้นยืนบนกระดานไม้และตะโกนเสียงดัง “อาเซียง ! ฉันอยู่ที่นี่ ! ”

  “อาเซียง!”

ในขณะตะโกน น้ำตาก็ไหลด้วยความปีติยินดีมากขึ้น

ฉินเทียนคิดไม่ถึงว่า วาฬสเปิร์มตัวนี้จะรอดชีวิตมาได้ แม้อาการบาดเจ็บจากสาหัสอยู่ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่อันตรายถึงชีวิต

หวังตัวยวี่กระโดดลงไปในน้ำ ว่ายน้ำด้วยแรงทั้งหมดที่มี และคว้าสร้อยข้อมืออีกครั้ง เธอกอดปลาวาฬสเปิร์มและจูบครั้งแล้วครั้งเล่า

ฉินเทียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก และรอยยิ้มที่พึงพอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา สำหรับเขาสิ่งที่ดีที่สุดคือวาฬตัวนี้สามารถพาพวกเขามาถึงเกาะได้เร็วที่สุด

“มาเร็ว” หวังตัวยวี่อ่อนโยนผิดปกติและพูดกับฉินเทียนเสียงเบา

ฉินเทียนรีบปีนขึ้นไปบนหลังวาฬสเปิร์ม

คราวนี้ ทั้งสองคนนั่งลง หวังตัวยวี่อยู่ข้างหน้า และฉินเทียนอยู่ข้างหลัง

จินเทียนสามารถมองเห็นผมที่ปลิวไสวของหวังตัวยวี่แต่มองไม่เห็นใบหน้าของเธอ แต่เมื่อนึกถึงเห็ดหลินจือเลือดมันทำให้เขารู้สึกเหมือนมีก้อนในลำคอ

แต่ข้าก็รู้สึกว่า ตอนนี้ไม่เหมาะสมควรที่จะกล่าวถึง

วาฬสเปิร์มว่ายน้ำอย่างมั่นคงอยู่บนผิวน้ำทะเล

“อาเซียงถูกล้อมรอบไปด้วยวาฬเพชฌฆาตสองตัวเมื่อตอนมันยังเด็ก และในตอนที่มันหมดหวัง มันก็กระโดดขึ้นเรือลำใหญ่ของฉัน”

“ฉันฆ่าวาฬเพชฌฆาตและช่วยมันไว้ ตั้งแต่นั้นมา เราก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน”

“ในสายตาของฉัน หลายครั้ง ผู้คนบนโลกนี้ ยังเทียบไม่ได้กับวาฬตัวหนึ่งที่พูดไม่ได้เลย คุณว่าจริงไหม ? ”

หวังตัวยวี่มองกลับไปที่ฉินเทียน และถามคำถามทันที ดวงตาของเธอดูเหมือนจะปลิวไปตามลม ดูเบลอเล็กน้อย

ผมยาวสลวยที่ปลายผมปลิวสยายข้างแก้มของฉินเทียน

ฉินเทียนรู้สึกคัน หลีกเลี่ยงโดยไม่รู้ตัว พยักหน้าและพูดว่า “ใช่”

“สัตว์บางครั้งก็มีความเห็นอกเห็นใจมากกว่ามนุษย์ ”

“ฉันรู้จักกับคนหนึ่ง ที่ชอบเป็นเพื่อนกับหมาป่า”

หวังตัวยวี่มองฉินเทียนอย่างลึกซึ้งที่ และทันใดนั้นก็ยิ้มออกมา “ไม่คิดเลยว่าคุณยังมีความเอาใจเขามาใส่ใจเราอยู่”

“เมื่อครู่มันอันตรายมาก ทำไมคุณไม่ทิ้งฉันและหนีไปคนเดียวล่ะ ? ”

ฉินเทียนพูดด้วยใบหน้าตรง “ในใจคุณ ฉันเป็นคนไร้ยางอายขนาดนั้นเลยเหรอ”

หวังตัวยวี่หัวเราะเบา ๆ กัดฟันและพูดว่า “คุณไม่ได้ไร้ยางอาย คุณไม่ได้ไร้ยังอาย คุณมาหาฉัน______”

ราวกับคิดอะไรที่กำลังน่าอาย เธอหน้าแดงและหยุดพูด

เธอหันศีรษะและทั้งสองก็เงียบลงอีกครั้ง แต่ตอนนี้มันใกล้กว่าเมื่อครู่เล็กน้อย

เพื่อขจัดความอับอาย ฉินเทียนไม่มีอะไรจะพูด “ใช่แล้ว ฉันไม่ได้ช่วยคุณ แต่เป็นวาฬหลังค่อม”

“ถ้าไม่ใช่เพราะมัน เราทุกคนคงถูกวาฬเพชฌฆาตตัวนั้นฆ่าตายไปแล้ว”

“คุณว่า ทำไมวาฬหลังค่อมถึงช่วยพวกเราล่ะ ?”

หวังตัวยวี่กระซิบ “โง่จัง ไม่มีความรู้เรื่องนี้เลยสักนิด”

“วาฬหลังค่อมเปรียบเสมือนลูกเรือใน《วันพีช》ที่ชอบต่อสู้กับความอยุติธรรม ในทางกลับกัน เป็นเพราะวาฬเพชฌฆาตมีความดุร้ายมากกว่า และชอบที่จะกินลูกของวาฬสเปิร์มหรือวาฬสีเทา”

“หลังจากไปมา หลังคานก็ก่อตัวขึ้นแบบนี้ ”

“แบบนี้นี่เอง!” ฉินเทียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพูดว่า “ดูไปแบบนี้แล้ว วาฬหลังค่อมก็น่ารักทีเดียว”

หวังตัวยวี่ตะคอก “มันดีกว่าผู้มักมากตัณหามากอยู่แล้ว!”

เจ้ามักมากตัณหา?

ฉินเทียนไม่รูว่าทำไมเขาถึงทำให้คุณหนูใหญ่คนนี้ขุ่นเคือง ดังนั้นเขาจึงได้แต่ปิดปากเงียบไม่พูดอะไร

โชคดีก็คือ ด้วยการสนับสนุนของวาฬสเปิร์ม ในไม่ช้า เขาก็เห็นเงาของเกาะเล็ก ๆ อยู่ไกล ๆ

นี่คือสมองของตงไห่กรุ๊ป เกาะหวังเหรอ? เมื่อนึกถึงเรื่องต่อจากนี้ อารมณ์ของ ฉินเทียนก็หนักขึ้นอีกครั้ง

เมื่อระยะใกล้เข้ามาเล็กน้อย สามารถเห็นเรือบนฝั่ง และคนเดินเท้าที่ตัวเล็กเท่ามด

หวังตัวยวี่ไม่รู้ว่าคิดถึงอะไร ทันใดนั้นก็ตบวาฬสเปิร์มและพูดด้วยเสียงเบา “อาเซียงเราไปหลังเกาะที่ไม่มีคนอยู่กันเถอะ”

สถานที่ที่ไม่มีใครอยู่ ? ฉินเทียนเดาว่า เธอไม่ต้องการให้คนอื่นเห็นว่าเธอปรากฏตัวพร้อมกับเขา

ในไม่ช้า ก็มาถึงด้านหลังเกาะบนฝั่งมีโขดหินแปลก ๆ

ยังเหลืออีกไม่กี่ร้อยเมตร หวังตัวยวี่กังวลว่าแนวปะการังบนชายฝั่งจะข่วนวาฬของเธอ ดังนั้นเธอจึงขอให้ปลาวาฬสเปิร์มหยุด

เธอเหลือบมองฉินเทียน และการแสดงออกของเธอก็ซับซ้อนขึ้นทันที

ฉินเทียนรู้สึกกระวนกระวายใจและรีบพูดว่า “คุณไม่ต้องกังวล ฉัน______”

เขาต้องการจะบอกว่า ฉันให้ราคาที่น่าพอใจแก่คุณอย่างแน่นอน นอกจากเรื่องเงินแล้วยังสามารถต่อรองเงื่อนไขอื่น ๆ ได้

หวังตัวยวี่ขัดจังหวะเขา กัดฟันและพูดว่า “เมื่อครู่ที่คุณจูบฉัน คุณแค่ต้องการช่วยฉันจริง ๆ เหรอ ? ”

ฉินเทียนอ้าปากกว้างด้วยความประหลาดใจ เขาคิดว่าหวังตัวยวี่ ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลย และน่าจะลืมไปแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่า จู่ ๆ จะโดนถามมาแบบนี้

เขาหน้าแดงและต้องการอธิบาย

หวังตัวยวี่ไม่ให้โอกาสเขาแต่จู่ ๆ ก็หน้าแดง กัดฟันและพูดว่า “เรื่องนั้น ฉัน……สัญญาเรื่องนั้นกับคุณได้”