บทที่ 279

ศิษย์หลักอันดับ 1

 

เนื่องจากการรับรู้ที่น่ากลัวของเขา มันจึงทำให้หลี่ฟู่เฉินสามารถมองทะลุข้อบกพร่องของทักษะดาบของหลี่เซียงหรูได้อย่างง่ายดาย นอกเหนือจากนี้ เจตจำนงดาบวารีเชี่ยวกรากของหลี่เซียงหรูก็อยู่ในช่วงเริ่มต้น ในขณะที่เจตจำนงแห่งดาบเพลิงปีศาจของหลี่ฟู่เฉินอยู่ในขั้นโตเต็มวัยแล้ว เมื่อนำปัจจัยเหล่านี้มารวมกัน มันจึงเพียงพอสำหรับการปกปิดช่องว่างของสามระดับได้

 

“หือ?”

 

หลี่เซียงหรูเลิกคิ้วขึ้น เขาที่คลั่งไคล้ดาบรู้ดีว่าดาบทุกดาบของหลี่ฟู่เฉินมุ่งเป้าไปที่ข้อบกพร่องของทักษะดาบเขาและมันก็น่าเจ็บแค้นเกินไป

 

หลี่เซียงหรูรู้สึกว่าเขามั่นใจมากพอที่จะปกปิดข้อบกพร่องของทักษะดาบเขาแม้แต่กระทั้งนักสู้ขอบเขตสวรรค์จะมาเองก็ตาม

 

“นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้รับการยอมรับให้เป็นศิษย์ส่วนตัวภายใต้ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์คนแรก?” หลี่เซียงหรูจำได้ทันทีว่ามีการทดสอบการรับรู้ในบททดสอบของเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ เห็นได้ชัดว่าการรับรู้ของหลี่ฟู่เฉินเข้าสู่ระดับที่บ้าคลั่งแล้ว

 

การรับรู้ของหลี่ฟู่เฉินนั้นน่ากลัวกว่าที่หลี่เซียงหรูจินตนาการไว้มาก แต่ไม่ว่าการรับรู้ของหลี่ฟู่เฉินจะน่ากลัวเพียงใด ร่างกายของเขาก็ต้องรับมันให้ได้ด้วย ร่างกายของหลี่ฟู่เฉินไม่สามารถติดตามการรับรู้อันทรงพลังของเขาได้ ไม่เช่นนั้นแล้ว ต้องการแค่ดาบเดียวเขาก็สามารถเอาชนะหลี่เซียงหรูได้แล้ว

 

“กระแสน้ำเชี่ยวกราก!”

 

หลี่เซียงหรูระเบิดพลังออกมาพร้อมกับใช้ท่าสุดท้ายของทักษะดาบเชี่ยวกราก ดาบพลังฉีที่รุนแรงคล้ายกับแม่น้ำสายยาวที่ไหลเชี่ยว มันเข้าเฉือนหลี่ฟู่เฉินจากมุมต่างๆ

 

“เงาสังหารเพลิงปีศาจ!”

 

เงาสีแดงเข้มพุ่งออกมา ขณะที่หลี่ฟู่เฉินใช้ท่าสุดท้ายของทักษะดาบเพลิงปีศาจ

 

บูม บูม บูม!

 

เมื่อดาบพลังฉีปะทะกัน มันปลดปล่อยคลื่นกระแทกที่น่าหวาดกลัวออกมา ซึ่งนี่ก็ได้ทำให้เวทีแข่งขันแตกสลายลงไป

 

“ทรงพลังเกินไปแล้ว เพียงแค่คลื่นปะทะจากดาบพลังฉีก็เพียงพอที่จะทำให้กระดูกของข้าแตกสลายแล้ว” ศิษย์หลักรู้สึกท้อแท้

 

บนซากปรักหักพังที่ยื่นออกมาบนเวทีการแข่งขัน หลี่ฟู่เฉินยืนตรง ขณะที่หันหน้าปะทะกับสายลม สภาวะพลังฉีของเขาอาจไม่ได้ดูไร้ขอบเขตเหมือนกับดาบคลั่ง แต่มันก็เต็มไปด้วยเจตจำนงที่รุนแรงเป็นพิเศษ

 

บนซากปรักหักพังที่สั้นกว่าอีกชิ้นหนึ่ง หลี่เซียงหรูยืนอยู่บนนั้น ขณะที่มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเขา ในการปะทะกันของท่าไม้ตายนี้ เขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ การรับรู้ของหลี่ฟู่เฉินนั้นโดดเด่นเกินไปและดาบของเขาก็พุ่งเข้าจุดอ่อนทุกจุด ทำลายการป้องกันของหลี่เซียงหรูได้ตามต้องการ

 

หลังจากที่ได้เห็นฉากนี้ ทุกคนก็รู้ว่าหลี่ฟู่เฉินเป็นผู้กุมอำนาจเหนือกว่า

 

ณ ขณะนี้เอง ทุกคนรู้สึกถึงอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน ราวกับว่าพวกเขาเห็นราชาแห่งดาบ การเพิ่มขึ้นของพลังอำนาจที่ไม่มีใครขัดขวางได้

 

“ตำนานใหม่ถือกำเนิดขึ้นแล้ว” เฉินฟางหัวพึมพำ

 

ในอดีต ดาบคลั่ง หลี่เซียงหรูเป็นตำนาน ตอนนี้หลี่ฟู่เฉินก็ได้เป็นตำนานครั้งใหม่

 

“เขา… โดดเด่นเกินไป” หวูฉิงเหม่ยกล่าวด้วยเสียงที่นุ่มนวล

 

เกาฉางเทียนพยักหน้า มันเป็นเรื่องจริง การพุ่งขึ้นอย่างกะทันหันของหลี่ฟู่เฉินนั้นรวดเร็วและรุนแรงเกินไป มากจนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะแสดงความรู้สึกอย่างไร

 

ทุกคนยังจำช่วงเวลาที่พวกเขายังอยู่ในระดับเดียวกันได้

 

โดยไม่ทันรู้ตัว หลี่ฟู่เฉินได้แซงหน้าทุกคนและก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดได้ด้วยตัวเองแล้ว

 

มันคงเป็นเรื่องน่าสังเวชที่ต้องเป็นศัตรูของเขา ในขณะที่การที่ได้เป็นเพื่อนของเขาเองก็เป็นความทุกข์ร้อน

 

ใครจะเป็นศัตรูหรือมิตรของเขาได้อย่างไร หากพวกเขาก้าวตามเขาไม่ทัน?

 

แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนกันก็ตาม แต่พวกเขาก็อาจจะเป็นเพื่อนธรรมดาๆ หรือแค่คนรู้จัก

 

‘จุดสูงสุดมักโดดเดี่ยวเสมอ’ ผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงมักจะอยู่อย่างสันโดษ

 

พวกเขาสงสัยว่าหลี่ฟู่เฉินจะได้ลิ้มรสความสันโดษแบบนี้หรือไม่

 

“หากเด็กคนนี้เป็นโครงกระดูกระดับ 5 ดาว เมื่อเขาถึงจุดสูงสุด เขาจะอยู่ยงคงกระพันในทวีปยูนิคอร์นตะวันออก” ผู้อาวุโสสูงสุดที่อาวุโสที่สุดกำลังอุทานด้วยความชื่นชมและรู้สึกสงสารในเวลาเดียวกัน

 

ท้ายที่สุดแล้วโครงกระดูก 1 ดาวของเขาก็อ่อนแอเกินไป นอกจากนี้ ด้วยการรับรู้ดังกล่าวและเสริมกับโครงกระดูกระดับ 5 ดาว จะไม่เหมือนกับการติดปีกให้เสือหรือ?

 

โอหยางเหวินเทียนกล่าว “บางทีปาฏิหาริย์บางอย่างอาจเกิดขึ้นกับเขา”

 

ในทวีปยูนิคอร์นตะวันออก ตั้งแต่สมัยโบราณ ไม่มีใครเคยได้ยินเกี่ยวกับโครงกระดูกระดับ 1 ดาวที่สามารถบรรลุขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดได้ บางทีอาจเป็นเพียงในยุคที่ผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงยังคงอยู่ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่โครงกระดูกระดับ 3 ดาวนี้ได้ไปถึงขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด แต่มีข่าวลือว่าแต่ละคนได้พบเผชิญกับเรื่องที่ท้าทายสวรรค์กันมาทั้งนั้น

 

ฟังผู้อาวุโสทั้งสอง จ้าวหวูจินกล่าวในใจ ‘หลี่ฟู่เฉิน เจ้าจะไปได้ไกลสุดเท่าไหน?’

 

บนเวทีการแข่งขันที่แตกสลาย หลี่ฟู่เฉินและหลี่เซียงหรูได้ปะทะกันอีกครั้ง

 

ครั้งนี้หลี่ฟู่เฉินแสดงให้เห็นถึงความโดดเด่นของตนมากยิ่งขึ้นเพราะเขาใช้กลยุทธ์ของเขา

 

ในแง่ของเต๋าแห่งดาบ หลี่เซียงหรูสูสีกับหลี่ฟู่เฉินมาก แต่ในแง่ของเต๋าต่อสู้อื่นๆ หลี่เซียงหรูด้อยกว่าหลี่ฟู่เฉินหลายระดับนัก

 

หลังจากผ่านไปกว่าสิบกระบวนท่า หลี่เซียงหรูอาเจียนออกมาเป็นเลือดและถอยออกมา ภายใต้การโจมตีที่รุนแรงจากหลี่ฟู่เฉิน มันเป็นเรื่องที่น่ายกย่องสำหรับเขาแล้วที่ทนต่อกระบวนท่ามากมายได้

 

“ให้เรายุติการต่อสู้นี้เถอะ! หลี่ฟู่เฉิน ชนะ!”

 

ด้วยคำใบ้ของโอหยางเหวินเทียน จ้าวหวูจินยืนขึ้นประกาศ

 

ไม่ว่าจะเป็นหลี่ฟู่เฉินหรือหลี่เซียงหรู พวกเขาทั้งคู่ล้วนแล้วแต่เป็นกองกำลังหลักของนิกายวารีครามสำหรับการแข่งขันการจัดอันดับดารา มันคงไม่เป็นการดีหากมีใครได้รับบาดเจ็บ

 

แต่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าหลี่เซียงหรูทุดความสามารถทั้งหมดที่มีไปแล้ว ในขณะที่หลี่ฟู่เฉินยังคงมีแรงเหลืออยู่ หลี่ฟู่เฉินอาจจะยังมีไพ่ตายบางอย่างซ่อนเอาไว้อยู่

 

“หลี่ฟู่เฉินชิเซียงชนะ”

 

“กลายเป็นศิษย์หลักอันดับ 1 ของนิกายเมื่ออายุ 20 ปี สิ่งนี้ไม่เคยมีมาก่อน”

 

“ข้าอายุ 30 แล้วและข้าก็ยังคงเป็นแค่ศิษย์ชั้นใน มันช่างน่าโมโหจริงๆ ที่ต้องเปรียบเทียบกับอีกคน”

 

เกิดความโกลาหลในผู้ชม

 

อายุ 20 ปีเป็นอายุที่ศิษย์ชั้นนอกได้รับเลื่อนขั้นเป็นศิษย์ชั้นใน หากใครไม่สามารถเลื่อนขั้นเป็นศิษย์ชั้นในได้เมื่ออายุ 20 ปี พวกเขาก็จะไม่สามารถกลายเป็นศิษย์ชั้นในได้ แต่หลี่ฟู่เฉินกลายเป็นศิษย์หลักอันดับ 1 เมื่อตอนอายุ 20 ปี

 

ในส่วนต่อมาของการแข่งขัน หลี่ฟู่เฉินเอาชนะเซี่ยเฟิง เฉินหยวนหูเอาชนะบูฉิงสง และหลี่เซียงหรูเอาชนะบูฉิงสง

 

ดังนั้นสี่อันดับแรกจึงถูกกำหนดมาแล้ว

 

พวกเขาคือหลี่ฟู่เฉิน หลี่เซียงหรู เฉินหยวนหู และ เซี่ยเฟิง

 

สองอันดับแรกคือหลี่ฟู่เฉินและหลี่เซียงหรู

 

“หินดวงดาวทั้งสองนี้เป็นรางวัลของเจ้า ใช้มันให้เป็นประโยชน์” เมื่อการประลองคัดเลือกในนิกายสิ้นสุดลง จ้าวหวูจินโบกมือและโบกหินดวงดาวไปยังหลี่เซียงหรู และหลี่ฟู่เฉินคนละชิ้น

 

หลังจากได้รับหินดวงดาวแล้ว หลี่ฟู่เฉินและหลี่เซียงหรูคำนับด้วยการป้องมือเพื่อแสดงความขอบคุณ

 

หินดวงดาวนั้นลึกลับมากและไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหน เมื่อมันถูกบดขยี้ พวกเขาจะถูกเคลื่อนย้ายไปยังเขตแดนเส้นทางดวงดาวได้ทันที มันไม่ได้ถูกจำกัดด้วยพื้นที่หรือภูมิประเทศ

 

เวลาผ่านไปสามวันนับตั้งแต่การแข่งขันคัดเลือกในนิกาย

 

ในช่วงสามวันนี้ ทุกคนในทุกมุมกำลังคุยกันเกี่ยวกับการประลองคัดเลือกในนิกายที่สิ้นสุดลง

 

ศิษย์หลักอันดับ 1 หลี่ฟู่เฉิน

 

ดาบปีศาจ หลี่ฟู่เฉิน

 

นักดาบชายหนุ่มวารีคราม หลี่ฟู่เฉิน

 

โดยธรรมชาติแล้วหัวข้อการสนทนาทั้งหมดมุ่งเน้นไปที่หลี่ฟู่เฉิน

 

ข่าวลือจะไม่มีน่าเชื่อชือได้เท่ากับการเป็นพยานโดยตรง ไม่ว่าหลี่ฟู่เฉินจะเก่งกาจเพียงใด พวกมันทั้งหมดก็เป็นเพียงแค่คำบอกเล่า ไม่มีใครรู้ว่ามีส่วนที่เกินจริงหรือไม่และท้ายที่สุดแล้วการฟังหูไว้หูก็ดีกว่ามาก

 

ในเวลาเดียวกัน นิกายสวรรค์ปีศาจ นิกายเร้นวิญญาณและนิกายโหมกระบี่ได้จบการคัดเลือกในนิกายแล้ว

 

เช่นเดียวกับนิกายวารีคราม ทั้งสามนิกายเองก็มีสี่ช่องตามลำดับ

 

ในบรรดาสี่ช่องของนิกายสวรรค์ปีศาจ หยานฉิงหวูเองก็อยู่ในนั้น

 

นอกจากนี้ หยางฉิงหวูเองก็มีความสำเร็จเช่นเดียวกับหลี่ฟู่เฉิน ทำลายสถิติของนิกายสวรรค์ปีศาจ และกลายเป็นศิษย์หลักอันดับ 1 ที่อายุน้อยที่สุดของนิกายสวรรค์ปีศาจ

 

เมื่อเทียบกันแล้ว หยานฉิงหวูเด็กกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะเธออายุเพียง 18 ปี

 

เมื่อถึงจุดๆ นึง โครงกระดูกระดับ 6 ดาวก็เป็นความสามารถที่น่าเชื่อถือได้มากที่สุด

 

หากนิกายใดต้องเลือกระหว่างหลี่ฟู่เฉินหรือโครงกระดูก 6 ดาว ส่วนใหญ่จะเลือกโครงกระดูกระดับ 6 ดาว

 

***

 

มันเป็นเวลาดึกเรียบร้อยแล้ว หลี่ฟู่เฉินบดหินดวงดาวในมือของเขาและเข้าสู่เขตแดนเส้นทางดวงดาวทันที

 

ตอนนี้ สิ่งเดียวที่จำกัดเขาก็คือเวลาและการฝึกฝน

 

เวลาเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถควบคุมได้ แต่ก็มีหลายวิธีที่จะปกปิดพลังฝึกฝน

 

เขตแดนเส้นทางดางดาว เป็นวิธีที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยทั้งยังไม่มีผลข้างเคียง

 

“ข้าสงสัยว่าคราวนี้ข้าจะไปได้ถึงส่วนไหนของเส้นทางดวงดาว?”

 

ยืนอยู่บนส่วนแรกของเส้นทางดวงดาว หลี่ฟู่เฉินมองไปในระยะไกลและครุ่นคิดอยู่ในใจ

 

 

ติดตามก่อนใครได้ที่เพจ indynovels