ตอนที่ 2686 ดินแดนมรดก

ในขณะที่ซือเฟิงกำลังทำการร่ายเวทย์ที่ถูกบันทึกไว้ในม้วนคัมภีร์มรดก อักษรรูนศักสิทธิ์บนม้วนคัมภีร์มรดกก็เริ่มเปล่งแสงหลากสีส่องสว่างขึ้นมาทั่วห้องหลัก

หลังจากนั้นอักษรรูนศักสิทธิ์ก็แยกตัวออกมาจากม้วนคัมภีร์ที่บันทึกมันไว้ และลอยมาเชื่อมโยงกันกลายเป็นวงแหวนตรงหน้าของซือเฟิง และชั่วครู่ต่อมากระแสน้ำวนที่มืดมิดที่ไม่มีที่เปรียบได้ก็ปรากฎขึ้นภายในวงแหวนรูนนี้

กระน้ำวนที่มืดมิดนี้มีความสูงสามเมตร และเพียงแค่การมีอยู่อย่างเดียวของมันก็ทำให้มานาภายในห้องเบาบางลงอย่างมาก ซึ่งกระแสน้ำวนนี้มันเหมือนกับสัตว์ร้ายที่คอยกัดกินมานาในห้องอย่างไม่รู้จักอิ่ม

นี่สภาพแวดล้อมในดินแดนมรดกมันรุนแรงแค่ไหนกัน ? ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เมื่อได้สัมผัสกับมานาที่เบาบางรอบตัวเขา

ในตอนแรกเขาวางแผนที่จะท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ หลังจากที่เขาสามารถทลายขีดจำกัดของร่างมานาระดับอีปิคได้แล้ว ซึ่งด้วยวิธีนี้นั้นเขาจะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้น เพราะท้ายที่สุดแล้วในเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ นั้นมันไม่เหมือนกับเควสเลื่อนขั้น ขั้นต่ำกว่าที่ผ่านๆมา มันไม่มีตัวเลือกความยากใดๆให้ผู้เล่นเลือก และการปรับปรุงที่พวกเขาจะได้รับจากเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่นั้นมันขึ้นอยู่กับความคืบหน้า และความสำเร็จของพวกเขาในดินแดนมรดก

แน่นอนว่ามันยังมีความแตกต่างบางอย่างระหว่างดินแดนมรดกโดยธรรมชาติต่างๆ และยิ่งสภาพแวดล้อมภายในดินแดนมรดกรุนแรงเท่าไหร่ ผู้เล่นก็จะยิ่งได้รับมรดกขั้นสี่ยากขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตามการค้นหาดินแดนมรดกขั้นสี่นั้นคือสิ่งที่ยากที่สุด ในความเป็นจริงเมื่อท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ ผู้เล่นมักจะใช้เวลาราวเก้าสิบเปอเซ็นต์ในการค้นหาดินแดนมรดก

ในระยะสั้นผู้เล่นจะนับว่าโชคดีมากแล้วที่ได้พบกับดินแดนมรดก พวกเขาไม่ได้มีตัวเลือกให้เลือกเลยในเรื่องดินแดนมรดก ดังนั้นโชคจึงมีบทบาทสำคัญมากๆในการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่

ด้วยความโชคดี ผู้เล่นคนหนึ่งจะได้พบกับมรดกที่ดีและมีช่วงเวลาที่ง่ายขึ้นในการรับเอามรดกขั้นสี่ แต่หากผู้เล่นไม่มีโชค และได้ไปพบกับดินแดนมรดกที่มีสภาพแวดล้อมรุนแรง บางทีผู้เล่นอาจจะประสบกับความล้วเหลวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าสู่ดินแดนมรดกเลยด้วยซ้ำ นี่เป็นสถานการณ์ที่ซือเฟิงเคยเผชิญมาก่อน เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาล้มเหลวหลายครั้งในการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา

ในตอนนี้แม้ว่าเขาจะไม่สามารถระบุได้ว่าดินแดนมรดกที่ถูกเปิดขึ้นตรงหน้าของเขาเป็นแบบไหน แต่ตัดสินจากการที่วงแหวนรูนที่เปิดทางเข้าสู่ดินแดนมรดกกลืนกินมานาในห้องหลักไปเกือบทั้งหมด เขาก็สามารถบอกได้เลยว่าดินแดนมรดกที่ถูกเปิดขึ้นนี้มีมานาเบาบางมากๆ ในความเป็นจริงความหนาแน่นของมานาภายในดินแดนมรดกแห่งนี้ก็น่าจะต่ำกว่าห้องหลักในตอนนี้ด้วยซ้ำ ….

อย่างไรก็ตามก่อนที่ซือเฟิงจะทันได้สังเกตอะไรเพิ่มเติม มันก็มีเสียงการแจ้งเตือนของระบบหลายครั้งดังขึ้นมาที่หูของเขา

….

ระบบ : คุณได้เปิดประตูสู่ดินแดนมรดก กรุณาเข้าสู่ดินแดนมรดกภายในสามนาที ไม่งั้นประตูนี้จะปิดโดยอัตโนมัติ

ระบบ : คุณได้เปิดใช้งานเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่สำหรับเบลดเซ้นต์

เนื้อหาของเควส : เข้าสู่ดินแดนมรดก และรับเอามรดกโบราณ รางวัล : Unknwon

ระบบ : เมื่อคุณเข้าสู่ดินแดนมรดก คุณจะถูกห้ามไม่ให้ติดต่อกับโลกภายนอก และหากคุณตายภายในดินแดนมรดก คุณจะถูกเทเลพอร์ตออกจากดินแดนมรดกทันที และเลเวลของคุณก็จะลดลงห้าเลเวล ขณะที่วิญญาณของคุณก็จะติดสถานะอ่อนแอเป็นเวลาสามวัน โปรดพิจารณาการตัดสินใจของคุณอย่างรอบคอบ

….

ห้าเลเวล ?! ดินแดนมรดกแห่งนี้มันโหดร้ายอย่างแท้จริง !!! ซือเฟิงขมวดคิ้ว และค่อนข้างจะเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เมื่อเขาได้ยินเนื้อหาของเควส และการแจ้งเตือนจากระบบ

โดยปกติการตายในดินแดนมรดกขั้นสี่จะทำให้สูญเสียเพียงแค่สองถึงสามเลเวลเท่านั้น อย่างไรก็ตามตอนนี้หากเขาตายในดินแดนมรดกแห่งนี้เขาจะสูญเสียถึงห้าเลเวล นี่มันคือบทลงโทษจากการตายในดินแดนมรดกที่สูงที่สุดเท่าที่เขาเคยได้ยินมาเลย

อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็ไม่ได้ลังเลนานนัก เขาตัดสินใจจะเดินเข้าสู่ดินแดนมรดกทันที

ถ้าเป็นไปได้ เขาก็ไม่ต้องการจะเข้าไปในดินแดนมรดกที่มีสภาพแวดล้อมรุนแรงเช่นกัน อย่างไรก็ตามในตอนนี้เขาไม่มีทางเลือก เพราะหากเขาไม่เข้าไป มันจะถือว่าเขาล้มเหลวในการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ทันที ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น เขาก็จะต้องรออีกระยะหนึ่งเลยกว่าจะทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้อีกครั้ง โดยนั่นเป็นผลลัพธ์ที่เขาไม่ต้องการอย่างแน่นอน

เพราะท้ายที่สุดนอกเหนือจากปฎิบัติการลับของฟรอสต์ฮีฟเว่นที่กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว การทดสอบของมังกรศักสิทธิ์มันก็รอเขาอยู่เช่นกัน หากเขายอมแพ้ในการเข้าสู่ดินแดนมรดกตอนนี้ เขาก็จะต้องเผชิญหน้ากับการทดสอบของมังกรศักสิทธิ์ด้วยสถานะของผู้เล่นขั้นสามเท่านั้น ซึ่งพูดกันตามเนื้อผ้าแล้วเขาจะล้มเหลวแน่นอน หากเป็นแบบนั้น ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกัดฟันและเดินเข้าสู่ดินแดนมรดกแห่งนี้เพื่อมาลองท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่

โชคดีที่ม้วนคัมภีร์มรดกระดับอีปิคนี้มันอนุญาติให้เขาสามารถพยายามท้าทายได้สามครั้ง ซึ่งมากกว่าม้วนคัมภีร์มรดกระดับระดับดาร์คโกลที่อนุญาติแค่สองครั้ง ดังนั้นการที่เขามีสิทท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่สี่ครั้งติดกันโดยไม่ต้องรอเวลา มันจึงช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จของเขาได้อย่างมาก

เมื่อซือเฟิงก้าวเข้ามาในดินแดนมรดก ทิวทัศน์เบื้องหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

ปัจจุบันเขากำลังลอยอยู่อย่างอิสระกลางอากาศ ในขณะที่ท้องฟ้ารอบตัวของเขานั้นมืดมิดไปหมด และมีรอยแยกของมิติปรากฎขึ้นมากมายโดยรอบบริเวณ ซึ่งมันราวกับว่าโลกที่เขาพึ่งมาถึงนั้นได้พังทลายลงไปแล้ว มันไม่พื้นดินอยู่ใต้เท้าเขาเช่นกัน ทั้งหมดที่เขาเห็นด่านล่างคือเหวลึก และเพื่อให้เรื่องแย่ลง มานาที่นั้นแทบจะไม่มีอยู่เลย

“นี่ …” ซือเฟิงตกตะลึงไปชั่วขณะกับสถานการณ์นี้

เขาเคยไปยังดินแดนมรดกมาหลายแห่ง แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยจริงๆที่เขาได้มาเยือนดินแดนมรดกที่โหดร้ายแบบนี้ ในความเป็นจริงแทนที่จะเรียกว่าที่แห่งนี้เป็นดินแดนมรดก มันควรจะเรียกว่าเป็นโลกที่ถูกทำลายล้างไปแล้วซะมากกว่า

ถ้าไม่ใช่เพราะร่างมานาระดับอีปิคของเขา เขาคงจะหมดสติไปนานแล้ว จากสภาพแวดล้อมที่มีมานาเบาบางแบบนี้

ซือเฟิงนั้นไม่กล้าที่จะประมาทใดๆ เขาได้รับเปิดใช้งานสกิลเกลโดเมนทันทีเพื่อเว้นระยะห่างระหว่างตัวเขากับเหวลึกด้านล่าง

อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาเริ่มบินได้ไม่นาน แรงดึงดูดอันทรงพลังก็พุ่งมาจากเหวลึกด้านล่าง ซึ่งมันทำให้ร่างกายของเขารู้สึกหนักอึ้งมากๆ

ที่นี่ห้ามบินแบบระยะยาวด้วยงั้นหรอ ?

เมื่อมองไปที่เหวลึกเบื้องล่าง ซือเฟิงก็เริ่มจะเข้าใจกฎของดินแดนมรดกแห่งนี้ขึ้นมาบ้างแล้ว และเขาก็มุ่งหน้าไปยังหน้าผาที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที

สี่ร้อยหลา … สามร้อยหลา … สองร้อยหลา …

ยิ่งซือเฟิงยังคงบินอยู่นานเท่าไหร่ แรงโน้มถ่วงที่มันกระทำต่อร่างกายของเขาก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น ในตอนแรกแรงโน้มถ่วงนั้นมีมากกว่าปกติราวสองเท่า อย่างไรก็ตามตอนนี้มันมีมากกว่าปกติราวสิบเท่าแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นมันยังคงเพิ่มขึ้นอีกสองเท่าทุกๆวินาที สถานการณ์นี้ไม่เพียงแต่ทำให้ความเร็วในการบินของเขาลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่มันยังทำให้เขาควบคุมร่างกายได้ยากขึ้นด้วย

เร็วขึ้น !!! ฉันต้องเร็วกว่านี้ !!!

เมื่อแรงโน้มถ่วงเข้าใกล้ถึงระดับที่ไม่สามารถจะทนทานได้ ซือเฟิงก็ได้ดิ้นรนอย่างหนักเพื่อจะไปให้ถึงหน้าผาที่อยู่ใกล้ที่สุด

เมื่ออยู่ห่างจากหน้าผาไม่ถึงยี่สิบหลา ความสามารถในการบินของเขาก็ถูกทำให้หายไปทันที เป็นผลให้เขาดิ่งลงสู่เหวลึกเหมือนกับดาวตก และเพื่อทำให้เรื่องแย่ลง แรงโน้มถ่วงที่กระทำต่อร่างกายของเขาก็ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนี่มันยิ่งทำให้ความเร็วในการดิ่งของเขาเร็วขึ้นมาก
ไม่ได้การแล้ว !!! ในอัตรานี้นี่มันจะทำให้ฉันตายจากแรงลมก่อนจะตกลงกระแทกถึงพื้นด้วยซ้ำ

หลังจากดิ่งลงมาเป็นเวลาหลายสิบวินาที ซือเฟิงก็พบว่าแรงลมที่รุนแรงขึ้นจากความเร็วในการดิ่งลงของเขาที่เพิ่มขึ้นนั้นกำลังทำร้ายร่างกายของเขาอย่างหนัก ซึ่งในอัตรานี้มันจะทำให้เขาตายแน่นอน ในอีกไม่กี่สิบวินาที

เขาหยิบระเบิดเยือกแข็งขั้นสูงออกมาจากกระเป๋าของเขา และรีบจุดชนวนระเบิดด้านหลังของเขาทันที

ตู้ม … ตู้ม … ตู้ม …

พร้อมกับเสียงระเบิดที่ดังขึ้น ดอกไม้น้ำแข็งก็ปรากฎขึ้นกลางอากาศ

แม้ว่าซือเฟิงจะสูญเสีย HP ไปมากกว่ายี่สิบเปอเซ็นต์ และร่างกายของเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งอันเป็นผลมาจากระเบิดเยือกแข็งขั้นสูง แต่ผลกระทบของแรงระเบิดมันก็ทำให้เขาเข้าใกล้หน้าผาที่ใกล้ที่สุดมากขึ้น

อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นแบบนี้ ซือเฟิงก็ยังคงไม่คลายกังวล เพราะท้ายที่สุดถ้าเขาตกลงกระแทกกับหน้าผาด้วยความเร็วขนาดนี้ เขาจะไม่รอดแน่นอน

ในช่วงเวลาต่อมาชุดเกราะที่ซือเฟิงสวมใส่ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงจากความร้อน

และในขณะที่เขากำลังจะกระแทกเข้ากับหน้าผาราวกับอุกกาบาตที่ลุกโชน เขาก็ได้รับเปิดใช้งานสกิล Heavenly Dragon’s Power ทันที ซึ่งมันก็ทำให้ค่าสถานะพื้นฐาน พลังป้องกัน และ HP ของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก จากนั้นซือเฟิงก็ชัก Abyssal Blade ของเขาออกจากฝัก และแทงมันลงไปที่หน้าผา

ตู้ม !!!

หลังจากทำแบบนี้ Abyssal Blade ก็ยังแทงลงไปในพื้นลึกลงไปเรื่อยๆพร้อมกับร่างกายของซือเฟิง ซึ่งนี่มันก็ทำให้ HP ของซือเฟิงลดลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน

75%… 60%… 30%…

โชคดีที่ในที่สุดร่างของซือเฟิงก็หยุดลงหลังจากเขาเหลือ HP น้อยกว่าห้าแสน

หลังจากพาตัวเองหลุดพ้นออกมาจากเงื้อมมือของความตายได้ เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก นี่ถ้าไม่ใช่เพราะพลังของสกิล Heavenly Dragon’s Power เขาคงจะตายไปแล้วจริงๆ ….

ที่นี่คือดินแดนมรดกจริงๆหรอ ?

ตอนนี้จิตใจของซือเฟิงเต็มไปด้วยความสับสนมากๆ ขณะที่เขาจ้องมองไปยังเหวลึกที่ดูเหมือนจะไร้ที่สิ้นสุดด้านล่าง

ปัจจุบันเขาไม่เห็นร่องรอยใดๆของสิ่งมีชีวิตในดินแดนมรดกแห่งนี้เลย ซึ่งก็ไม่ต้องพูดถึงมอนสเตอร์ นอกเหนือจากเหวลึกที่ดูเหมือนจะไร้ที่สิ้นสุดแล้ว เขาก็มองเห็นเพียงหน้าผาที่ล้อมรอบเท่านั้น มันไม่มีร่องรอยของมรดกโบราณเลย

ไม่นานนักร่างมหึมาก็โผล่ออกมาจากเหวลึก และเมื่อได้เห็นร่างเหล่านี้ซือเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

เป็นไปได้ยังไง ?!

ดวงตาของซือเฟิงเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ เมื่อเขาเห็นร่างมหึมาเหล่านี้

เพราะท้ายที่สุดแล้วร่างเหล่านี้มันเป็นเผ่ามังกรที่ไม่ค่อยพบเห็นบ่อยนัก ในขณะเดียวกันมังกรเหล่านี้ก็ได้ค้นพบการปรากฎตัวของเขาแล้ว