“ยี่สิบคนเหรอ? มันไม่น้อยไปหน่อยเหรออารองฟู่?”
สีหน้าของเย่เทียนเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดขึ้น ก่อนหน้านี้ฟู้โก๋เฉียงเคยพูดว่ากําลังพลที่ติดอาวุธที่อยู่ภายใต้ส้งลา มีอย่างน้อยสามร้อยคน ถ้ารวมผู้หญิงและเด็กในหมู่บ้านอย่างน้อยก็ห้าร้อยกว่าคนนะ ?
เอายี่สิบคนเข้าไปบุก ปริมาณคนต่างกันเกินไปละมั้ง?
แม้ว่าพลังความแข็งแกร่งของเย่เทียจะเพียงพอที่จะล้มล้างทุกระดับดิน แต่นี่คือสงคราม กระสุนไม่มีตานะ และเขาก็ไม่กล้าประมาท!
“เสี่ยวเย่ คุณอย่าดูถูกคนทั้งยี่สิบคนนี้”
ฟู้โก๋เฉียงส่ายศีรษะเล็กน้อยและพูดอย่างภาคภูมิใจ “ตั้งแต่เด็กพวกเขาถูกส่งไปโรงเรียนพิเศษเพื่อการฝึกฝน พวกเขาทุกคนทั้งหมดต่างก็เป็นมือปืนชั้นหนึ่ง! หลังจากเรียนจบ ยังมีประสบการณ์การต่อสู้ที่ดุเดือดมากมาย เป็นยอดฝีมือที่สามารถสู้ได้หนึ่งต่อสิบได้อย่างแน่นอน! ”
“ไม่เพียงเท่านี้ อุปกรณ์ของพวกเขาฉันยังใช้ความพยายามอย่างมากในการจัดเตรียม กองกำลังเป็นที่ได้รับการติดตั้งพวกเขาก็ติดตั้งด้วย และที่กองกำลังพิเศษไม่ได้ติดตั้ง พวกเขาก็ยิ่งมีด้วย!”
“ตระกูลฟู่ของเราสามารถยืนหยัดในสามเหลี่ยมทมิฬอย่างมั่งคง และยังสามารถครองตำแหน่งที่ดีในสหภาพทหารได้ ก็เพราะมีการดำรงอยู่ของพวกเขานั่นเอง!”
“ผมก็ไปด้วย!”
ก่อนที่เย่เทียนจะตอบ เสียงต่ำๆก็ดังขึ้นนอกประตู “และยังสามารถนำนักฆ่าเหรียญทองสิบนายไปช่วยคุณด้วย แต่ฉันมีเงื่อนไขข้อหนึ่ง ถ้าหากพบหานชิงจ้าว เขาต้องมอบให้กับฉันเป็นคนจัดการ !”
ทั้งสามคนรีบมองไปตามเสียง นอกจากฮาชิโมโตะ ฟูจิโนะแล้วใครจะเป็นใครได้อีก?
“คุณ?”
เย่เทียนตกตะลึง จากนั้นมองไปที่ฮาชิโมโตะ ฟูจิโนะด้วยท่าทางแปลกๆ มองริมฝีปากสีซีดเซียวของเขา และส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา “ตัวคุณได้รับบาดเจ็บอยู่ ดังนั้นคุณควรรักษาพักฟื้นให้ดีๆนะ!”
นี่ก็เป็นเรื่องปกติ ยังไงก่อนหน้านี้ฮาชิโมโตะ ฟูจิโนะก็เป็นคู่ต่อสู้ แม้ว่าตอนนี้ความสัมพันธ์จะเปลี่ยนไป เย่เทียนก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่านี่เป็นแผนการเจ็บตัวของ ฮาชิโมโตะ ฟูจิโนะหรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ หากพาฮาชิโมโตะ ฟูจิโนะไปด้วย ก็คงเป็นเรื่องโชคร้ายที่ใหญ่หลวงแน่!
“พิษในร่างกายของฉันโดยพื้นฐานได้ขับออกหมดแล้ว”
ฮาชิโมโตะ ฟูจิโนะปฏิเสธข้อเสนอของเย่เทียน โดยไม่ลังเล และพูดอย่างเฉยเมย “แม้ว่าตัวฉันจะยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ แต่ถ้าจะจัดการกับหานชิงจ้าวตัวเล็กๆแค่นั้นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร!”
“ไม่ใช่ ฮาชิโมโตะ ฟูจิโนะคุณคงเข้าใจความหมายของผมผิด”
เมื่อมองดูท่าทางที่ดูถูกของฮาชิโมโตะ ฟูจิโนะ เย่เทียนก็อดหัวเราะอย่างขมขื่นไม่ได้ “ผมไม่ได้กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของคุณ ผมแค่คิดว่าเมื่อวานคุณยังตะโกนจะฆ่าเรา แต่วันนี้ก็ตะโกนบอกว่าจะไปพร้อมกัน คุณว่าผมจะเชื่อใจคุณได้ยังไงล่ะ?”
“เย่เทียน! คุณหมายความว่ายังไง? อย่าคิดว่าคุณช่วยฉันไว้ ก็จะดูถูกสบประมาทฉันได้นะ!”
ฮาชิโมโตะ ฟูจิโนะได้ยินเช่นนี้ ก็โกรธจัดในทันที “ฉันฮาชิโมโตะ ฟูจิโนะ ใจซื่อมือสะอาด ในเมื่อคุณช่วยชีวิตฉันไว้ ฉันก็เป็นหนี้ชีวิตคุณ ฉันเป็น…”
“หยุด หยุด หยุด!”
เมื่อเห็นฮาชิโมโตะ ฟูจิโนะต้องการจะพูดต่อ เย่เทียนก็โบกมือเพื่อขัดจังหวะ ส่ายศีรษะแล้วพูดว่า “เหตุผลของคุณไม่เพียงพอสักนิด คุณมีข้อแก้ตัวอื่นใดอีกไหม?”
“เอ๊ะ?!”
ฮาชิโมโตะ ฟูจิโนะพูดไม่ออกครู่หนึ่ง ยกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้ มีแสงวาบวาบอยู่ในใจ นึกถึงข้อมูลที่เพิ่งไปหาน้องสาวเพื่อถามเรื่องที่ไปสืบมา แล้วรีบพูดขึ้นว่า “เย่เทียน ถ้าข้อมูลที่ฉันสืบถูกต้อง ดูเหมือนว่าไม่นานมานี้คุณพึ่งเข้าร่วมกิลด์แห่งความลับใช่ไหมล่ะ?ฉันเป็นรองหัวหน้าของกิลด์แห่งความลับ ตามกฎของกิลด์แห่งความลับ คุณต้องร่วมมือกับฉันโดยไม่มีเงื่อนไข มิฉะนั้นคุณจะถูกสมาชิกกิลด์ทุกคนตามฆ่า!”
“ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนนายกับน้องสาวของฉัน ยัง…”
“ได้ ได้ ได้ คุณไม่ต้องพูดต่อแล้ว พวกเราไปด้วยกัน!”
ไม่รอให้ฮาชิโมโตะ ฟูจิโนะพูดจบ เย่เทียนก็พยักหน้าตอบตกลง ทำให้เขาไม่มีโอกาสพูดอะไรต่อไป
แม้ว่าเขากับฮาชิโมโตะ มินาโตะจะไม่มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งอะไรมาก แต่ด้วยทฤษฎีของฟู่เซิ่งหนาน ไม่แน่เขาอาจจะหาว่าตัวเองมีเรื่องวุ่นวายไม่รู้จบไม่สิ้น เย่เทียนไม่อยากคุยเกี่ยวกับหัวข้อที่ลึกซึ้งเช่นนี้
“เอ๊ะ?!”
ฮาชิโมโตะ ฟูจิโนะรู้สึกแปลกใจ เดิมทีเขาแค่อยากจะบอกว่าฮาชิโมโตะ มินาโตะกับเย่เทียนยังมีข้อตกลงกัน สันนิษฐานว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองน่าจะดี ก็คงเห็นแก่หน้ากันบ้าง?
แต่เขาคิดไม่ถึงว่า ปฏิกิริยาของเย่เทียนจะแรงขนาดนี้ แต่เขาเป็นคนที่เห็นอะไรๆมาจนชิน ในเมื่อบรรลุเป้าหมายแล้ว เขาก็ไม่ได้ไปคิดอะไรมากนัก ไม่ว่ายังไง เรื่องแค่นั้นเอง ก็แค่โทรกลับไปถามน้องสาว ก็รู้เรื่องทุกอย่างแล้วนี่
ต่อจากนั้นทุกคนก็เจรจาอย่างพิถีพิถันอีกครั้ง และหลังจากวางแผนการต่อสู้คร่าวๆ แล้วพวกเขาก็แยกย้ายกันไป
ฟู้โก๋เฉียงกับฮาชิโมโตะ ฟูจิโนะมีความเป็นมายังไงเย่เทียนไม่สน ตามหลังฟู่เซิ่งหนานแล้วเดินไปที่บ้านพักตากอากาศที่อยู่ข้างๆ
เมื่อมองไปที่ก้นที่บิดเบี้ยวของฟู่เซิ่งหนาน เย่เทียนก็เบ้ปากพูดเบาๆ ดูท่าทางเขาก็เหมือนหมาป่าใหญ่ที่ห่อด้วยผิวหนังมนุษย์ชัดๆ!
“วันนี้เหนื่อยจริงๆ คืนนี้ฉันต้องอาบน้ำนมสักหน่อย”
เมื่อเดินเข้าไปในบ้านพักตากอากาศ ฟู่เซิ่งหนานบิดขี้เกียจเหยียดออกโดยไม่รู้ตัว เผยให้เห็นรูปร่างที่งดงามอ่อนช้อยของเขา
“นี่คุณกำลังยั่วยวนผมอยู่เหรอ?”
เย่เทียนที่อยู่ข้างหลังมองจนแววตาเป็นประกาย และถ้าเขาน้ำลายไหลอีกหน่อย เขาจะดูเหมือนคนลามกจริงๆ
“มองอยู่ได้ ไม่เคยเห็นคนสวยบิดขี้เกียจหรือไง!”
ฟู่เซิ่งหนานรีบตั้งสติคืนอย่างรวดเร็ว จากนั้นถึงรู้ว่ามีผู้ชายร่างใหญ่อยู่ข้างหลังคนหนึ่ง รีบเปลี่ยนท่ากลับคืนมาอย่างรวดเร็ว จ้องมองท่าทีของเย่เทียน อย่างอารมณ์ไม่ดี
เย่เทียนยิ้มและลูบจมูก และรีบขึ้นไปชั้นบน พึมพำกับตัวเองว่าเขาจะไปแอบดูดีมั้ย
บูม บูม!
หลังจากกลับมาที่ห้อง เขาก็อาบน้ำอย่างมีความสุข รอผมเกือบแห้ง เย่เทียนกำลังเตรียมตัวจะเข้านอน แต่ประตูก็ถูกเคาะอีกครั้ง
เย่เทียนที่เพิ่งล้มตัวลงนอน พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “นั่นใคร จะทำอะไรอีก?”
“ฉันเอง เปิดประตู!”
เสียงหวานแหววดังมาจากนอกประตู “ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ!”
เย่เทียนจนปัญญา จึงรีบเร่งลุกลนวิ่งไปเปิดประตู ข้างนอกที่ยืนอยู่นอกจากฟู่เซิ่งหนานแล้วยังจะเป็นใครได้อีกล่ะ?
ขณะนี้ฟู่เซิ่งหนานได้อาบน้ำแช่น้ำนมเสร็จแล้วเรียบร้อย และมีกลิ่นนมหอมจางๆทั่วเรือนร่าง เขาสวมชุดผ้าไหมยาวและชุดนอน ทำให้รู้สึกได้ถึงความสวยงามและเย้ายวนใจ
“เมื่อกี้คุณอารองเพิ่งให้คนส่งมา ในนี้คือแผนที่ภูมิประเทศของหมู่บ้านส้งลาและตำแหน่งการป้องกันหลักด้วย”
เพียงแต่น่าเสียดาย ฟู่เซิ่งหนานไม่ได้ให้โอกาสเย่เทียนมองนานด้วยซ้ำ เห็นเพียงประตูเปิดออก รีบหยิบเอกสารในมือของเขาขึ้นมาและส่งให้เขาทันที “คุณอารองบอกว่า ทางด้านหมู่บ้านส้งลานอกจากหน้าผาแล้ว ด้านซ้ายการป้องกันป่าภูเขาเป็นจุดที่ค่อนข้างอ่อนแอ ถึงเวลานั้นทางที่ดีพวกคุณก็เริ่มโจมตีจากที่นั่น”
พูดจบ ฟู่เซิ่งหนานก็ไม่รอให้เย่เทียนตอบเลย หันหลังเดินบิดไปบิดมาและจากไปอย่างรวดเร็ว
เย่เทียนยิ้มอย่างขมขื่น เมื่อรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ก่อนหน้านี้เขาคงไม่กล้าพูดถึงความสัมพันธ์ทางศีลธรรมระหว่างชายและหญิงกับฟู่เซิ่งหนานแล้ว
หลังจากปิดประตู ขณะนี้เย่เทียนก็ไม่กล้าที่จะประมาท อดทนต่อความเหนื่อยล้า เปิดกระเป๋าเอกสาร และศึกษาข้อมูลในมืออย่างจริงจัง
แผนที่ละเอียดมาก แม้แต่จุดที่ส้งลาได้รับการคุ้มกันก็ถูกทำเครื่องหมายไว้อย่างชัดเจน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าฟู้โก๋เฉียงได้ทุ่มเทกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
นี่ก็เป็นสิ่งที่ช่วยไม่ได้ ถ้าไม่พูดถึงเรื่องพลังภายใน นักบู๊กับคนธรรมดาไม่ได้มีความแตกต่างกัน ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น ก็แค่ความเร็วและความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าหน่อย แต่ยังไงก็เป็นคนมีเลือดมีเนื้อ อยู่ต่อหน้าอาวุธที่ร้อนแรงก็เป็นแค่เศษขยะเหมือนๆกัน!
แม้ว่าเย่เทียนจะมีการฝึกพลังชั้นเจ็ด แต่โล่ทิพย์ป้องกันกายของเขาก็มีขีดจำกัด การต่อสู้กับกระสุนหลายสิบนัดไม่ใช่เรื่องยาก แต่พรุ่งนี้เป็นสงคราม จะเป็นกระสวยหรือกระสุน เขาจะกล้าที่จะประมาณได้ยังไง !