ส่วนที่ 4 ตอนที่ 245 บุคคลลึกลับ

ความลับแห่งจินเหลียน

ที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือเถ้าแก่ร้านที่กำลังตบอกกระทืบเท้าฮึดฮัด เผยสีหน้าไม่พอใจด้วยเพราะขาดทุน ดวงตาทั้งสองคู่จ้องมองไปยังหินหยกในมือของจ่านป๋าย คับแค้นใจจนอยากจะแย่งคืนกลับมา

 

“จินเหลียน พวกเราจะเอากลับไปไหมครับ” จ่านป๋ายกระซิบข้างหู

 

ซีเหมินจินเหลียนพูดพลางยิ้มน้อยๆ “คุณเป็นคนซื้อก็ตัดสินใจเองเถอะ”

 

“ฉันว่าเอากลับไปเถอะ!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มแล้วพูดขึ้น “ฉันเอาไปแปรรูปทำเป็นของตกแต่งสำเร็จรูปให้คุณสักหน่อย ก็เพียงพอเป็นมรดกตกทอดของครอบครัวได้แล้ว”

 

“คุณหัวเราะเยาะผม!” จ่านป๋ายพูด

 

“ไปเถอะ พวกเราไปหาฉินเฮ่ากับอวิ๋นเจีย ทวงหนึ่งหมื่นหยวนยูโรคืนมา สองคนนี้หนีไปซะแล้ว!”              ซีเหมินจินเหลียนพูด

 

ในกลุ่มคนมีคนคอยไล่ถามว่าจะขายหินหยกทั้งสองก้อนนี้หรือเปล่า แต่ซีเหมินจินเหลียนปฏิเสธด้วยวาจาสุภาพ และก้าวเท้าเดินออกมาจากผู้คน พอดีกับที่เห็นอวิ๋นเจียกับฉินเฮ่ากำลังซื้อหินหยกอยู่ที่ร้านฝั่งตรงข้าม

 

“พวกเขาไม่ได้หนีไปสักหน่อย” จ่านป๋ายปัดมือพูด

 

ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้ตอบกลับไป มองไปอย่างสับสน จ่านป๋ายเองก็รู้สึกแปลกใจ อดไม่ได้เรียกต่อ “จินเหลียน…จินเหลียน…”

 

สายตาเห็นซีเหมินจินเหลียนยังไม่เคลื่อนไหว ก็รีบแตะบ่าให้เธอหันหน้ามาหา “คุณเป็นอะไรไปครับ หรือต้องมนตร์ไปแล้ว?”

 

ซีเหมินจินเหลียนมองไปทางจ่านป๋าย มีความรู้สึกแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก

 

“จินเหลียน ไม่เป็นไรใช่ไหม คุณอย่าทำให้ผมตกใจนะ” จ่านป๋ายกระเสือกกระสนพูดขึ้น

 

ซีเหมินจินเหลียนถึงได้เหมือนเรียกสติกลับมา มองไปทางจ่านป๋ายอยู่นานและปริปาก “เมื่อกี้ฉันเห็นคนคนหนึ่ง…”

 

จ่านป๋ายทำได้แค่ยิ้ม เห็นคนคนหนึ่ง? นี่แปลกตรงไหนกัน? ที่นี่ก็มีคนไปทั่วสารทิศ ทุกวันพบเจอแต่คนแปลกหน้า มีอะไรที่แปลก?

 

“ผมนึกว่าคุณเห็นผีซะอีก” จ่านป๋ายยิ้มเจ้าเล่ห์

 

“คนคนนั้น หน้าตาเหมือนคนคุ้นเคย” ซีเหมินจินหลียนไม่สนใจคำหัวเราะเยาะของเขา “หน้าตาคุ้นเคยมาก…เหมือนฉันเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก”

 

“เอาเถอะๆ บางทีอาจจะเป็นคนคุ้นเคยเมื่อในอดีต แต่อาจจะไม่ได้รู้จักมักจี่เท่าไหร่ วันนี้คุณเลยเห็นแล้วรู้สึกคุ้นหน้า…คุณเลยคิดไม่ออก นี่เป็นเรื่องธรรมดาครับ” จ่านป๋ายพูดปลอบเธอ

 

ซีเหมินจินเหลียนเอนศีรษะส่ายหน้าเบาๆ ไม่ใช่แบบนี้หรอก คนคนนี้แวบผ่านมาแปบหนึ่งแล้วหายไป เมื่อสักครู่…ตอนที่จ่านป๋ายเปิดหิน เธอก็เคยเห็นครั้งหนึ่ง เพียงแต่เงาด้านหลังสะท้อนความคุ้นเคยอย่างหน้าตกใจ

 

ถึงตอนนี้เธอไม่ได้เห็นใบหน้าของเขา แต่ด้วยความแปลกที่คุ้นเคย เธอจึงรู้สึกแคลงใจพิกล

 

“ฉันไม่รู้จักคนคนนั้น ไม่เคยรู้จักมาก่อน” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าพูด เสื้อสีดำโคร่งชุดหนึ่ง ราวกับภูตผีสางกลมกลืนอยู่ในความมืดมิด มีความรู้สึกชั่วร้ายบางอย่างที่เธอพูดไม่ออก และรู้สึกถึงความคุ้นเคยบางอย่าง?

 

“จินเหลียน อย่าเพิ่งคิดมากเลยครับ ผมอยู่ตรงนี้ ไม่มีอะไรหรอก” จ่านป๋ายประคองไหล่เธอและพูดขึ้น “ถ้าคุณเหนื่อย พวกเราก็กลับไปนอนพักผ่อนกันหน่อยไหม แล้วพรุ่งนี้ค่อยกลับมาดูต่อ”

 

ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าพูดขึ้น เธอไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้าหรืออ่อนเพลีย ที่สำคัญคือคนคนนั้นดูชั่วร้ายน่ากลัวเกินไป จู่ๆ…ร่างทั้งร่างก็มีความรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าฉงน

 

อยู่ๆ ก็โผล่มาท่ามกลางผู้คนและหายไปชั่วพริบตา แต่เธอยังรู้สึกหวาดผวาตกใจเล็กน้อย!

 

“จินเหลียน ไม่มีอะไรหรอก วางใจเถอะครับ” จ่านป๋ายพูดปลอบอีกครั้ง

 

 “อืม” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า และเดินไปทางฉินเฮ่าและอวิ๋นเจีย อวิ๋นเจียมองเห็นซีเหมินจินเหลียนรีบยิ้มและทักทาย “พี่ซีเหมินดวงดีจริงๆ เลย ฉันแพ้แล้ว เดี๋ยวไว้ฉันเอาเงินเดิมพันให้พี่นะคะ”

 

“ไม่เป็นไร” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มอ่อน ในใจแอบพูด “ถึงเธอจะวิ่งหนี กลับไปแล้วก็ยังไปหาเธอได้…” เธอจะไม่มีทางยอมขาดทุนทุกครั้ง ที่พอชนะแล้วไม่เอาเดิมพัน

 

อวิ๋นเจียทำได้แค่ยิ้ม จ่านป๋ายจูงมือซีเหมินจินเหลียนเดินไปร้านข้างๆ แต่ต่อมาโชคของจ่านป๋ายก็ดำเนินมาสู่ขาลง เดิมพันหินหยกต่อเนื่องกันสิบก้อน แต่ไม่มีก้อนไหนที่ชนะเดิมพันเลย

 

เพราะจ่านป๋ายเดิมพันชนะตอนแรกไปหนึ่งก้อน เลยมีนักธุรกิจหยกบางคนคอยแอบสะกดรอยตามเพื่อสังเกตการณ์พวกเขา แต่เนื่องจากจ่านป๋ายเดิมพันหินแพ้ต่อเนื่องไปสิบกว่าก้อน ผู้คนเลยไม่สนใจพากันแยกย้ายไปตามทางของตน

 

ตรงกันข้าม อวิ๋นเจียกับฉินเฮ่า เพราะอวิ๋นเจียเริ่มเดิมพันหินเลยชนะติดต่อกันหลายครั้ง แน่นอนจึงเป็นจุดสนใจของทุกคน

 

“จินเหลียน ผมไม่ไหวแล้ว คุณมาเองเถอะ อย่าลีลาอยู่เลยครับ” จ่านป๋ายยิ้มฝืน “กี่แสนยูโรจมหายไปหมดแล้ว นอกจากชนะเดิมพันครั้งนั้นไปเมื่อกี้ อันอื่นก็ไม่เคยเห็นสีสันมาก่อน”

 

ซีเหมินจินเหลียนยิ้มชั่วร้าย “คุณอยากเห็นสีอะไรล่ะ”

 

“ผม…” เดิมทีจ่านป๋ายแค่พูดจาไปเรื่อย แต่ได้ยินซีเหมินจินเหลียนถามไปแบบนั้น ลองคิดหน้าคิดหลังถึงรู้ว่าประโยคนี้ที่เขาพูดมีปัญหา รีบอธิบายว่า “ผมพูดถึง…สีของหยก!”

 

“ก็ใช่น่ะสิ แล้วคุณอยากเห็นสีอะไรอีก?” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มทั้งตาเจตนาถาม

 

จ่านป๋ายบ่นพึมพำ ซีเหมินจินเหลียนหูดีและได้ยินชัดแจ้ง เหลือบมองรอยยิ้มชั่วร้ายของซีเหมินจินเหลียน จ่านป๋ายได้แค่ฝืนยิ้ม เห็นได้ชัดว่าเธอตั้งใจเลือกคำมาพูด หรือเป็นเขาที่ผิดเหรอ?

 

“ที่แท้ก็อยากได้สีสวยๆ?” ซีเหมินจินเหลียนนำหินฐานขาวแต้มเขียวส่งไปให้จ่านป๋าย ยิ้มเบาบาง “คุณคงไม่ได้เหมือนพี่ชายของคุณที่มีความชอบพิเศษหรอกใช่ไหม?”

 

“จินเหลียน คุณก็เป็นคนชอบรังแกคน เห็นได้ชัดว่าชอบแกล้งคนซื่อๆ อย่างผม!” จ่านป๋ายพูด

 

ซีเหมินจินเหลียนเดิมทีอยากจะหัวเราะ แต่ในเวลานี้เธอรู้สึกเย็นวาบเสียวสันหลังขึ้นมา รีบหันหน้าไปทางร้านฝั่งตรงข้ามเห็นเงามืดสีดำเหมือนกับภูตผีปีศาจค่อยๆ เลือนหายไป

 

“จินเหลียน…” ครั้งนี้จ่านป๋ายก็เห็นอย่างชัดเจน เขากระซิบถามว่า “คนคนนั้นเป็นใครครับ?”

 

“ถ้าฉันรู้ก็ดีสิ” ซีเหมินจินเหลียนส่ายศีรษะพูด “เขาตามพวกเรามาสักพักแล้ว”

 

“ผมรับรองได้ว่าคนคนนี้ไม่ใช่โจร” จ่านป๋ายส่ายหน้าพูด

 

 “ดูจากตรงไหนเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนพูด

 

“ถ้าเขาเป็นโจร บนตัวของเขาคงไม่มีร่องรอยของฆาตกรที่เยือกเย็นแบบนี้” จ่านป๋ายพูด เดิมทีคิดว่าตัวเองชนะเดิมพันเลยไปเตะตาขโมยขโจรเข้า แต่ตอนนี้คนคนนี้ไม่มีทางเป็นขโมยได้

 

ไม่ว่าจะเป็นขโมยแบบไหนก็คงต้องระมัดระวังและปกปิดตัวตนมากกว่านี้ ซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มคนไม่ทำตัวเด่นสะดุดตาใคร แต่คนคนนี้…จ่านป๋ายแอบรู้สึกได้ว่า คนคนนี้กับสวี่อี้หรานน่าจะเป็นคนประเภทเดียวกัน แต่สวี่อี้หรานเกิดในตระกูลร่ำรวยมีชื่อเสียง ทำตัวไร้ร่องรอยได้มากกว่าเขา

 

“ระวังหน่อย ฉันดูเพิ่มอีกสักหลายๆ ก้อน เดิมทีคิดไว้ว่าจะซื้อมาแล้วรีบขาย แต่เมื่อสักครู่คุณไม่ได้แพ้” ซีเหมินจินเหลียนพูดเสียงเบาเสียงอ่อน แอบลอบถอนหายใจ เกรงว่ามาพม่าครั้งนี้ไม่ค่อยราบรื่นสักเท่าไหร่

 

“ครับ” จ่านป๋ายพยักหน้าพูด เธอรับหินหยกฐานขาวแต้มเขียวมาไว้ในมือ ซีเหมินจินเหลียนเริ่มตระเวนหาหินหยกแต่ละร้าน

 

เพราะเธอกับอวิ๋นเจียต่างเปิดหินท่ามกลางสาธารณชนเหมือนกัน แถมหินหยกที่เธอสนใจและซื้อกลับมาก็ดีกว่ามาก ดังนั้นเลยชนะเดิมพันมาสองก้อน เท่ากับสื่อว่าจ่านป๋ายแพ้ไม่เหลือท่า และได้ทวงคืนชัยชนะกลับมาทั้งหมด

 

เพราะเหตุการณ์เมื่อสักครู่ที่จ่านป๋ายเดิมพันแพ้ไปสิบกว่าก้อน ส่วนเธอเดิมพันชนะไปสองก้อนเลยไม่เป็นที่ดึงดูดสายตาของใคร

 

ในระหว่างที่ซีเหมินจินเหลียนก้มหน้าก้มตาเลือกหาหินหยกอยู่นั้น จู่ๆ ในใจของจ่านป๋ายรู้สึกว่าเงาที่ตามตัวพวกเขาอยู่เมื่อสักครู่ไม่ได้หลบๆ ซ่อนๆ แล้ว แต่กลับเดินเข้ามาหาพวกเขาอย่างโจ่งแจ้ง

 

“จินเหลียน…” จ่านป๋ายพูดขึ้น

 

“ฉันรู้แล้ว” ซีเหมินจินเหลียนพูด

 

ในขณะที่ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ เงามืดนั้นก็คืบคลานเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ซีเหมินจินเหลียนเงยหน้าขึ้นเพื่อมองคนที่มา…ถึงจะอยู่ในระยะใกล้ขึ้น แต่เธอก็ยังรู้สึกมองไม่ชัดเจน และมีความรู้สึกลี้ลับอย่างบอกไม่ถูก อายุไม่น่าจะเยอะ แต่ก็ไม่ใช่เด็กแล้ว น่าจะสักสี่สิบโดยประมาณ?

 

“คุณซีเหมิน?” เงามืดปริปากพูดภาษาจีนกลางคล่องแคล่ว

 

“ใช่แล้วค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า “คุณเป็นใครคะ มีธุระอะไรหรือเปล่า”

 

“ผมเป็นใครไม่สำคัญ” เงามืดเงยหน้าพูด ดวงตาดำอยู่ท่ามกลางแสงระยิบระยับ แสดงให้เห็นถึงพลังชั่วร้าย “ผมเป็นคนขายหินหยกดิบ ไม่รู้ว่าคุณซีเหมินสนใจจะไปดูหรือเปล่า?”

 

“สำหรับหินหยกดิบฉันสนใจมาตลอดค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด “ตอนนี้เหรอคะ?” ในขณะที่พูด เธอก็มองไปทางจ่านป๋าย

 

จ่านป๋ายพยักหน้าให้เธอเป็นการบอกให้เธอวางใจ

 

“ตอนนี้!” เงามืดพยักหน้าพูด “หากคุณซีเหมินสะดวก ตอนนี้ก็ไปดูสินค้ากัน”

 

“เชิญคุณนำทางเถอะค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด

 

“ตกลง” เงาดำพยักหน้าและหันตัวมุ่งเดินไปข้างหน้า

 

ซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายเดินตามไป เห็นได้ชัดเงามืดค่อนข้างคุ้นเคยกับพื้นที่นี้เป็นอย่างดี              นำซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายข้ามผ่านร้านค้าในถนนเดิมพันหิน

 

“ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรเหรอคะ” ซีเหมินจินเหลียนถาม

 

“พวกเราแค่ทำธุรกิจซื้อขายกัน ไม่ใช่ญาติสนิทมิตรสหาย ทำไมต้องถามเรื่องพวกนี้ด้วย?” เงามืดพูดเยือกเย็น

 

“พวกเราก็แค่แปลกใจว่าคุณรู้จักพวกเราได้อย่างไร” จ่านป๋ายรีบรับช่วงพูดต่อ

 

“เรื่องนี้ก็สำคัญด้วยเหรอ?” เงามืดเมินเฉย ยิ้มอย่างเยือกเย็น

 

จ่านป๋ายรู้สึกว่าบุคลิกของคนคนนี้ดูเคร่งขรึม อยากจะถามข้อมูลอะไรออกมาไม่ใช่ง่ายๆ เลย เมื่อครู่ที่ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกมีอะไรไม่ชอบมาพากล แต่ตอนนี้แม้แต่เขายังรู้สึกไม่ปกติด้วย หากเงามืดอยากจะขายหินหยกจริงๆ ในงานประมูลหยกใต้ดินที่กำลังจะเกิดขึ้นในตอนนี้ เขาน่าจะส่งหินหยกเขาไปร่วมประมูลในงานด้วยสิ ถ้าเป็นสินค้าดีก็ไม่ต้องกลัวที่จะขายไม่ออก

 

ความจริงไม่จำเป็นต้องแอบถ้ำมองและติดตามพวกเขาลับๆ ล่อๆ แบบนี้ จากนั้นก็มานัดดูสินค้า

 

“อีกไกลไหมครับ” จ่านป๋ายถาม

 

“ที่นี่ล่ะ” เงามืดเดินมาถึงหน้าประตูไม้เก่าแก่และหยุดฝีเท้าลง จากนั้นเอื้อมมือผลักประตูเดินเข้าไปข้างใน

 

ตามความรู้สึก ในห้องน่าจะไม่มีคนอื่น แต่จ่านป๋ายรู้สึกฉงนใจ ประตูนี้ไม่ได้ล็อกไว้ หากในบ้านมีหินหยกเกรดดี เขาไม่กลัวจะถูกคนขโมย? ความสงบเรียบร้อยของสังคมในพม่าดีเยี่ยมจนไม่ต้องระมัดระวังแล้วเหรอ?

 

ในบ้านไม่มีไฟ มีแต่ความมืดสนิทคืบคลานเข้ามา อาศัยยืมแสงไฟสลัวๆ บนถนนเดิมพันหิน                      ซีเหมินจินเหลียนเห็น…คนคนนี้กลมกลืนไปในความมืด…