“มีการเปิดลำโพง ผมรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงพึมพำสบถของผู้ชาย มันฟังดูคุ้นมาก……”
เมื่อพูดมาแบบนี้ เธอก็นึกขึ้นได้ แก้วที่อาคิระถืออยู่นั้นหก น้ำร้อนก็หกสาดที่หลังมือของเขา และเขาก็บ่นพึมพำเสียงต่ำ
ยู่ยี่โน้มตัวเข้าหา และกอดเขาไว้ ราวกับลูกแมวตัวหนึ่งไถร่างไปกับตัวเขา“ไม่โกรธฉันแล้วเหรอ?”
“อืม……”เขาตอบกลับ ให้เธอนั่งดีๆ เขาจะไปโกรธเธอจริงจังได้ยังไง ยิ่งไปกว่านั้นเจอเรื่องแบบนี้ ที่เธอทำมันก็ถูกแล้ว
ในที่สุดเธอก็ยิ้มได้“ คุณรู้ไหม คุณในแบบนี้ มันทำฉันกลัวมาก!”
จ้องมองเธอ ฉันทัชก็พูดขึ้น“ คุณยังรู้จักกลัวด้วยเหรอ?”
“ฉันกลัวคุณจะเย็นชาใส่ฉัน ฉันไม่ชอบที่คุณทำแบบนี้กับฉันเลย”เธอพูด“แล้วนี่ คุณจะทำยังไงกับอาคิระ?”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ แววตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา ไม่มีไอร้อน ดวงตาดำขลับเย็นเยือก
ลังเลอยู่ชั่วครู่ ยู่ยี่ก็พูดว่า “ช่างมันเถอะ เขารู้ตัวว่าทำผิด และคงรู้สำนึกแล้ว ในตอนที่ฉันกับเขาวิ่งหนีออกจากกระท่อมแล้วเจอกับอันตราย ในสถานการณ์ที่คับขัน เขาเป็นคนผลักฉันออกไป แต่แล้วตัวเองก็ถูกต้นไม้ล้มทับเข้าที่ขาอย่างจัง ”
“หากเขาไม่ได้พาคุณไปที่กระท่อมนั้น ไหนเลยจะยังต้องการความช่วยเหลือจากเขา ?” เขากำลังอธิบายข้อเท็จจริง รวบรัดและได้ใจความ
“เขาก็เป็นคนที่น่าสงสาร การตายของดาหวันเขาเอาแต่โทษตัวเอง คิดว่าเพราะตัวเองเป็นต้นเหตุให้เธอต้องตาย เขาบอกว่าเขาลืมการตายของดาหวันไม่ได้เลย นอนหลับ ก็ยังคงฝันถึง เหมือนเป็นตราบาป ที่เขาหลบหนีไม่พ้น ทำได้เพียงกักขังตัวเองอยู่ในนั้น
เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองมีความสุข และไม่ยอมให้คุณมีความสุข สำหรับเขา คุณกับเขาเป็นคนที่ใกล้ชิดดาหวันมากที่สุด เขายังพูดอีกว่า เขาเป็นคนแนะนำดาหวันให้คุณได้รู้จัก
หากดาหวันไม่รู้จักคุณ โศกนาฏกรรมแบบนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น เธอเพิ่งจะอายุยี่สิบ อนาคตยังสดใส แต่กลับมามีจุดจบแบบนี้ เขารู้สึกว่ามันเป็นเพราะความผิดของตัวเขาเอง ……”
ผู้ชายที่หวนคิดถึงแต่อดีต โดยเนื้อแท้แล้วไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร หรือจะพูดก็คือเธอรู้สึกใจอ่อนกับน้ำใจที่เขาแสดงออกในตอนนั้น
ยู่ยี่พูดอย่างช้าๆ
“คนพลั้งเผลอทำผิดไม่น่ากลัว กลัวก็แต่ผิดมันอยู่ซ้ำๆ ช่วงเวลาวิกฤติตอนที่อยู่ในป่าเขาผลักฉันออกแล้วตัวเองเจ็บแทน ความมีน้ำใจในตอนนั้นมันทำให้ฉันเชื่อว่าเขาสำนึกผิดแล้วจริงๆ รู้ว่าทำผิดไป ไม่อย่างนั้นคงไม่ช่วยฉันตอนที่อยู่ในป่าอยู่หลายครั้ง แม่ของคุณเป็นหนี้พ่อแม่เขา คุณก็รู้สึกละอายใจกับเอวา หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป ต่อให้คุณจะไม่รู้สึกผิด แต่พ่อแม่และคุณท่านก็จะยังคงจมอยู่กับความรู้สึกผิดนี้ไปตลอด
หากในเหตุการณ์เลวร้ายครั้งนี้ ฉันได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือเขายังไม่รู้สำนึก คุณจะทำยังไงกับเขาฉันก็คงไม่มีความเห็นอะไร เพราะนั้นก็ถือว่าเป็นผลกรรมที่เขาสมควรได้รับ
แต่ตอนนี้สถานการณ์มันต่างออกไป งั้นก็จึงต้องแยกออกเป็นประเด็นไป จะถือว่าเป็นการจัดสรรของพระเจ้าก็ได้ คนคนหนึ่งจะก้าวข้ามฝันร้ายนั้นไปได้ก็ต้องมีอะไรมากระตุ้นปลุกให้ตื่น กลับสู่สภาวะปกติ ในตอนนี้เขาก็ฟื้นตื่นขึ้นมาแล้วจริงๆ……”
“……”ฉันทัชไม่พูดอะไร ทำเพียงนั่งยองๆอยู่ตรงหน้าเธอ นิ้วที่นุ่มนวลบีบยาแล้วทาไปยังเข่าที่บวมแดงอย่างอ่อนโยน
รู้สึกทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย ยู่ยี่ก้มหน้าลง เห็นเพียงเขาทายาให้เธอด้วยมือเดียว มือซ้ายขนาบอยู่ด้านข้าง แทบจะไม่ขยับเลย
และคิดไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในป่า ที่โก๋เล่าให้ฟัง เธอก็ขมวดคิ้ว สองมือรีบคว้าไปที่เสื้อของเขา แล้วถอดออก
เป็นไปตามคาด ที่ไหล่และแผ่นหลังนั้นบวมแดงจนน่าตกใจ นึกภาพออกเลยว่าต้นไม้ที่โค่นล้มลงมานั้นรุนแรง และหนักแค่ไหน!
ทันใดนั้น ยู่ยี่ก็รู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมา หัวใจบีบเกร็ง ปลายนิ้วค่อยๆเคลื่อนผ่านไปทั่วบริเวณที่บวมแดง ลูบไล้ไปมา“ ทานยาแล้วหรือยัง?”
“หมอตรวจดูให้แล้ว ไม่เป็นอะไรมาก พักสักสองสามวันก็ดีขึ้น……”เขาเหยียดริมฝีปาก จงใจพูดอย่างเรียบเฉย เหมือนไม่มีอะไร กลัวเธอจะเป็นกังวล
แต่ยู่ยี่ก็ยังเป็นกังวลใจ ขบริมฝีปากแน่น และลูบไปที่ไหล่เบาๆ ในตอนนั้นมันจะเจ็บปวดมากแค่ไหนกัน!
“ที่รัก หยุดมือที่หยอกเย้าไปมาของคุณได้ไหม?”เขาพูดเสียงเบา และตอนนี้ ความโกรธทั้งหมดที่เคยมีก็จางหายไปหมดแล้ว
“ฉันหยอกเย้าที่ไหนกัน?” เธอขมวดคิ้ว และโต้กลับ
ฉันทัชสูดหายใจเบาๆ ขาที่นั่งยองๆอยู่ก็ลุกยืนขึ้น นั่งลงตรงข้ามเธอ และพูดว่า “แต่มันทำให้ผมรู้สึก……”
ยู่ยี่สะดุ้งเล็กน้อย ความรู้สึกที่ตึงเครียดก็หายไป ทั้งโกรธและทั้งตลก“ เวลาแบบนี้ คุณยังจะมีความรู้สึกอะไรอีก ?”
“คุณจะดูไหม?”ดวงตาฉันทัชดำขลับ สายตามองไปที่หว่างขา
ตามสัญชาตญาณ เธอกวาดตามองตาม ก็เห็นในกางเกงสูทที่สวมใส่นูนขึ้นมาอย่างชัดเจน
ห้ามไม่ได้ ใบหน้าเห่อแดงขึ้นมาเล็กน้อย ยู่ยี่ถลึงตามองเขา“เมื่อก่อนทำไมไม่เคยเห็นคุณทะลึ่งแบบนี้มากัน ? หรือเมื่อก่อนแกล้งทำตัวเป็นสุภาพบุรุษเหรอ ? ที่แท้ก็หมาป่าในคราบลูกแกะ ฉันถูกคราบลูกแกะที่คุณปลอมหลอกเอาซะแล้ว ?”
“อันที่จริงแล้ว ผู้ชายมักมีแรงกระตุ้นจากผู้หญิงที่ตัวเองรัก นี่เป็นเรื่องปรกติมาก……”เขามองดูเธอเงียบๆ“เพราะรักจึงรู้สึกว่าสวยงาม และเพราะสวยงามก็จึงหวั่นไหว ความปรารถนาเกิดจากความคิด หากผู้ชายไม่อยากจะนอนกับผู้หญิง คุณจะรู้สึกยังไง ?”
เธอรู้สึกว่าเหตุผลที่บิดเบี้ยวของเขาก็พอฟังขึ้นอยู่บ้าง ริมฝีปากขยับและกำลังจะพูดอะไร ฝ่ามือใหญ่ของฉันทัชก็วางลงบนไหล่ของเธอ ดวงตาดำขลับสีเข้มพร้อมรอยยิ้ม เอ่ยพูดช้าๆว่า“ ตอนที่เจอกันครั้งแรก ใครกันที่หาข้อมูลจากคอมพิวเตอร์เรื่องบนเตียงของผู้ชาย ?”
ได้ยินดังนั้น ใบหน้าที่เห่อร้อนของยู่ยี่ก็แดงก่ำราวกับลูกตำลึงสุก
แต่แล้ว เธอก็เอ่ยพูดขึ้นอย่างช้าๆว่า“ บอกมาตามตรง ตอนนั้นคุณรู้สึกยังไงกับฉัน?”
“เอาเรื่องจริง?”ฉันทัชมองไปยังแก้มที่ราวกับแต้มสีอมชมพูของเธอครุ่นคิด แล้วพูดว่า“ ปรารถนาอย่างมาก ”
“……”หน้าผากของยู่ยี่ถูกปกคลุมจนดำมืด
เมื่อเห็นดังนั้น ฉันทัชก็หัวเราะออกมาเบาๆ นิ้วเรียวยาวที่อบอุ่นเกี่ยวเส้นผมที่ปรกแก้มทั้งสองข้างทัดไปที่ใบหู สายตาอ่อนโยน“ล้อคุณเล่น ตอนที่เห็นรู้สึกพิเศษมาก เป็นอารมณ์ที่อธิบายไม่ถูก……”
เธอยังคงถามต่อว่า“รู้สึกพิเศษยังไง?”
“ไร้เดียงสาและเย้ายวนผสมผสานกัน ขี้อายเล็กน้อยบวกกับเปิดเผย ดูขัดกันแต่ก็มีเสน่ห์……”
ยู่ยี่ฟังจนเคลิ้ม มุมปากมีรอยยิ้มปรากฏ ราวกับคิดอะไรขึ้นมาได้ เธอก็รีบพูดว่า“คุณจะทำยังไงกับอาคิระ ?”
“นี่ไม่ใช่เรื่องที่คุณควรจะสนใจ ตอนนี้สิ่งที่คุณควรสนใจคือกิ่งทองหิวแล้ว ฟังสิ เขากำลังร้องไห้……” ค่อยๆยืนขึ้น ฉันทัชคลี่รอยยับบนเสื้อออก และเลี่ยงคำถามของเธอ
เมื่อได้ยิน ยู่ยี่ก็ให้พยาบาลอุ้มเด็กน้อยมาไว้ในอ้อมแขน ลูบไปยังใบหน้าที่เล็กและอ่อนนุ่มนั้น จูบหอมไม่หยุด
เด็กน้อยหัวเราะคิกคัก ปากก็เอาแต่เป่าเล่นน้ำลายไม่หยุด พยาบาลได้ชงนมผงให้เด็กน้อยกินไปแล้ว จนอิ่มแปล้ ไม่ว่าใครมาหยอกก็จะหัวเราะคิกคัก
“กิ่งทอง อืม กิ่งทองของเราเป็นเด็กดีที่สุด……”เธอหยอกเอิน รู้สึกว่าลูกชายตัวเองจิ้มลิ้มมาก นุ่มนิ่ม และยังมีกลิ่นนมติดด้วย
อีกด้านหนึ่ง
เนเน่ไปยังสถานกักกันอีกครั้ง เรนนี่ซูบผอมจนดูไม่ได้ โหนกแก้มออกจนเห็นชัดมาก ไม่มีเนื้อมีหนังเลยแม้แต่น้อย ช่างน่าตกใจไม่น้อย
“มีอะไร?”เรนนี่ไม่มีแม้แต่แรงจะพูด ดูอ่อนแออยู่ตลอด
“เงินที่เธอให้ฉันพาย่าไปหาหมอจนหมดแล้ว ลุงใหญ่ไม่อยากจะยุ่ง ย่ายังอยู่โรงพยาบาล ตอนนี้ฉันไม่มีเงินเลย” เนเน่กล่าว
นิ่งอยู่นาน เรนนี่ก็พูดขึ้นว่า“ ฉันจะบอกเบอร์ให้ เธอจำมันไว้ แล้วโทรไปขอเงินเขา ”
เนเน่จดเอาไว้ แล้วถามเธอ จะบอกกับเขาว่ายังไง แล้วเขาชื่ออะไร ?
“นั่นคือผู้หญิงที่ให้กำเนิดฉัน แต่ไม่เคยเลี้ยงดูฉัน หลังจากที่คลอดฉันเพราะหน้าตายังสะสวยเธอก็หนีไปใช้ชีวิตอยู่กับเศรษฐี”เรนนี่พูดอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว “ตั้งแต่ที่รู้ความ ฉันก็ได้ถือว่าเขาตายจากไปแล้ว”
ชีวิตนี้เธอรับเงินจากผู้หญิงคนนั้นมาสองครั้ง ครั้งแรกคือเมื่อสามปีก่อน ผู้หญิงคนนั้นให้เงินเธอมาห้าล้าน เธอในตอนนั้นกำลังขัดสน ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะไม่รับเงินนั้นไว้
ซื้อบ้านหลังหนึ่ง จากนั้นเธอก็เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ จากรูปร่างตลอดจนหน้าตา รูปร่างของเธออาศัยเข้าฟิตเนส หน้าอกกับใบหน้าศัลยกรรมมาเล็กน้อย หากจะได้ก็ต้องได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ และต้องหาอะไรมาแลกเปลี่ยน และเรื่องความสวยความงามก็เป็นสิ่งที่ผู้หญิงล้วนแสวงหากันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ครั้งที่สองก็คือครั้งนี้ ย่าป่วยหนัก เธอจะทิ้งขว้างไม่สนใจไม่ได้ ย่าเลี้ยงเธอมาตั้งแต่เด็ก
เนเน่รู้สึกตกใจเล็กน้อย เรนนี่กลับทำหน้าเยาะเย้ยและไม่ได้รู้สึกอะไร“อยู่คุยเป็นเพื่อนฉันต่ออีกสักเดี๋ยวนะ หากเธอมาครั้งหน้า ฉันไม่รู้ว่าตัวเองจะยังได้อยู่ที่นี่อีกไหม……”
……
หลังจากที่อาคิระมาถึงที่เฮทเค ผู้หญิงถูกนำตัวออกจากห้องฉุกเฉิน และพ้นขีดอันตรายแล้ว เด็กชายยังไม่ออกจากห้องฉุกเฉิน
หลังจากที่ผ่านไปอีกสองชั่วโมง เด็กชายก็ถูกเข็นออกมา ที่ขามีผ้าพันเต็มไปหมด ถูกยึดเอาไว้ เห็นชัดว่าที่ท่อนขานั้นอาการสาหัสมาก เขายังไม่รู้สึกตัว ถูก แพทย์และพยาบาลพาเข้าห้องไอซียูอีกครั้ง
เมื่อเทียบระหว่างคนทั้งสอง เห็นชัดว่าเด็กชายนั้นอาการสาหัสมาก
หมอบอกว่า ไม่รู้ว่าเด็กชายจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไร หากไม่ฟื้นภายใน36ชั่วโมง ก็จะตกอยู่ในอันตราย
ผู้หญิงนั่งอยู่บนรถเข็น ใบหน้าของเธอมีแผลฉกรรจ์ เมื่อได้ยินที่หมอพูด ร่างกายก็ล้มไปยังพนักพิงเต็มแรง เจ็บปวด สั่นสะท้าน และหวาดกลัว
ท่าทีของอาคิระในตอนนี้มืดมนอย่างมาก ดวงตาดูราวกับฉาบไปด้วยแสงเย็น จ้องเขม็งมองผู้หญิงคนนั้นอย่างเหี้ยมโหด“ เธอพิการคนเดียวไม่พอ ต้องให้ลูกพิการตามเธอไปด้วยถึงจะพอใจ ใช่ไหม?”
แผ่นหลังที่เรียวยาวของหญิงสาวเหยียดตรง สองมือที่วางบนที่พักแขนของรถเข็นมีเส้นเลือดพันกันยุ่งเหยิง เมื่อได้ยินคำนี้ เธอมองไปยังอาคิระอย่างไม่เชื่อสายตา รูม่านตาขยายใหญ่ ละอองน้ำคลอหน่วยแวววับ ราวกับหยดน้ำจะกลิ้งลงมาได้ทุกเมื่อ
ไม่อยากเห็นสายตาแบบนั้น อาคิระเบือนหน้าหนี พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาราวน้ำแข็งว่า“ หากลูกไม่เป็นอะไร ก็ถือว่าเธอโชคดีไป แต่ถ้าลูกเป็นอะไร……”
ประโยคสุดท้ายหยุดลงอย่างกะทันหัน เขาไม่ได้พูดอะไรอีก เดินตรงไปที่ห้องไอซียูทันที
มีเพียงหญิงสาวที่ยังอยู่ที่เดิม เธอเงยหน้าขึ้น แล้วเชิดคาง ข่มน้ำตาให้มันไหลกลับเข้าไปภายใน พึมพำด้วยเสียงที่แทบจะไม่ได้ยิน“ นั่นก็ลูกฉันเหมือนกัน ลูกที่ฉันเป็นคนให้กำเนิด……”