เนื่องจากท้องฟ้ายามกลางคืนมืดมิด อีกทั้งเอาแต่ตามหาตัวผีสาวที่ว่า พวกผู้คุมต่างก็ไม่ได้สังเกตว่าฝูงวาฬเข้ามาใกล้แล้ว ถ้าเปลี่ยนเป็นตอนกลางวันที่แสงสว่างเต็มที่ พวกเขาน่าจะมองเห็นวาฬเพชฌฆาตพ่นน้ำอยู่แต่ไกล อย่างน้อยก็มองเห็นเงามหึมาเข้ามาใกล้เรือเล็ก
พอเรือเล็กถูกวาฬเพชฌฆาตดันจนเสียสมดุล พวกผู้คุมก็เซไปซ้ายที ขวาที ก่อนจะรู้ว่ามีบางอย่างอยู่ใต้เรือ
บางคนยังนึกถึงเรื่องผีและวิญญาณ จึงร้องว่า “ผีแน่ๆ! ผีน้ำยกเรือของพวกเรา! พวกเราต้องเรือล่มแน่ๆ! มันอยากโยนพวกเราลงน้ำ! แล้วลากคอพวกเราไปก้นทะเล!”
พวกเขาก็ลนลานเป็นทุนเดิม คราวนี้ยิ่งไม่มีสติกว่าเดิม
ส่วนจะจัดการผู้คุมพวกนี้อย่างไร จางจื่ออันกับพวกภูตสัตว์เลี้ยงเห็นต่างกัน บางตัวเสนอให้ล่มเรือจมน้ำตายทั้งหมด ถึงอย่างไรผู้คุมพวกนี้ก็เป็นฆาตกรที่มีกลิ่นคาวเลือดเต็มมือ ตายไปก็ดีสำหรับพวกเขาแล้ว แต่เซฮวากลับคัดค้านข้อเสนอนี้อย่างรุนแรง
เซฮวาไม่ได้สนใจเท่าไรว่าคนพวกนี้จะเป็นหรือตาย แต่ปัญหาคือพวกเขาส่วนใหญ่น่าจะว่ายน้ำเป็น แค่ทำเรือล่มอย่างเดียวไม่น่าจะจมน้ำตายได้ ตรงทางเข้าอ่าวห่างจากท่าเรือสองสามเมตร แม้น้ำทะเลจะค่อนข้างหนาวเย็น แต่ขอแค่เป็นคนที่ว่ายน้ำเป็นก็น่าจะรอดไปได้…ด้วยเหตุนี้ ล่มเรือเล็กอย่างเดียวไม่มีประโยชน์ นอกเสียจากให้พวกวาฬเพชฌฆาตลากพวกเขาไปยังก้นทะเลลึก หรือให้วาฬเพชฌฆาตกัดพวกเขาให้ตายเสียเลย
แต่นี่เป็นไปได้ยาก วาฬเพชฌฆาตเป็นมิตรกับมนุษย์มาก และมีสติปัญญาในระดับสูง ให้วาฬเพชฌฆาตมาทำเรื่องแบบนี้จะเหมาะสมจริงๆ เหรอ?
เมื่อวาฬเพชฌฆาตจู่โจมมนุษย์ ใครจะกล้ารับประกันว่าต่อไปพวกมันจะไม่จู่โจมมนุษย์คนอื่นที่ไม่มีความผิด ต้องรู้ไว้ว่าวาฬเพชฌฆาตไม่เคยมีประวัติจู่โจมมนุษย์ แต่กลับมีชื่อเสียงไม่ดีว่า ‘วาฬฆ่าคน’ หากพูดตามความรู้เรื่องท้องทะเลที่เผยแพร่กันทั่วไป หลายๆ คนรู้ว่าวาฬเพชฌฆาตไม่ทำร้ายคน แต่เมื่อได้ชื่อเสียงไม่ดีนี้จริงๆ ภาพลักษณ์ของวาฬเพชฌฆาตก็คงเสียหายอย่างหนัก
ที่สำคัญที่สุดคือ เจทู ผู้นำของฝูงวาฬ มันอาจจะไม่เห็นด้วยกับแผนการนี้ หากเปลี่ยนให้คนมาอยู่ในตำแหน่งของมัน ก็คงจะไม่อยากให้หลานหรือเหลนของตัวเองกลายเป็นฆาตกรฆ่าคน
อย่าได้สบประมาทสติปัญญาของคนแก่อายุร้อยปี มันมีชีวิตมาได้นานขนาดนี้ นำฝูงวาฬทางใต้โดยไม่เปิดเผยตัวตน และรอเวลาอยู่ที่ชายฝั่งทะเลอันห่างไกลแห่งนี้ รวมถึงให้โลกภายนอกเข้าใจผิดคิดว่ามันตายไปแล้ว เท่านี้ก็พอจะอธิบายได้ว่ามันมีสติปัญญาน่าเคารพยำเกรงขนาดไหน มันรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร รู้ว่าตัวเองควรทำอะไร รู้ดีว่ามนุษย์มีเจตนาดีและเจตนาร้ายต่อมันอย่างไร
พอพูดอย่างนี้ ไม่เพียงแต่พวกภูตสัตว์เลี้ยงที่คิดว่าไม่ควรให้ฝูงวาฬมาทำเรื่องแบบนี้ แม้แต่จางจื่ออันก็ยังครุ่นคิดดีๆ อีกครั้ง ตอนแรกเขาวางแผนไว้ว่ากลับไปแล้วจะเผยแพร่รูปและวิดีโอของเจทูที่ยังมีชีวิตต่อสาธารณชน แต่เก็บไว้เป็นความลับคงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด
ปัญหาในตอนนี้อยู่ที่ควรจะจัดการผู้คุมพวกนี้อย่างไร
ปั่นหัวพวกเขาแล้วจะให้พวกเขาถอยไปได้เหรอ? เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้เลย ไม่ต่างอะไรกับปล่อยเสือกลับถ้ำ ต่อไปจะเกิดปัญหาไม่จบสิ้น
จางจื่ออันกลับนึกได้วิธีหนึ่ง เขาให้เซฮวาสอบถามเจทูสักหน่อยว่าในทะเลแถวนี้มีเกาะร้างอะไรไหม
เซฮวาถามเจทูและได้รับคำตอบยืนยันแล้ว ว่านอกอ่าวมีเกาะร้างอยู่สองสามเกาะจริงๆ แต่แทนที่จะพูดว่าเป็นเกาะร้าง พูดว่าเป็นโขดหินอยู่รวมกันน่าจะดีกว่า เพราะพื้นที่เล็กมาก ตอนน้ำขึ้นพอจะมีหินโผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำบ้าง ส่วนตอนน้ำขึ้นก็สูงเหนือน้ำทะเลประมาณยี่สิบเซนติเมตร บนโขดหินไม่มีหญ้าขึ้นเลยสักต้น อย่างมากก็มีลูกปลา ลูกกุ้ง และปูอยู่ในแอ่งน้ำจำนวนหนึ่ง แม้แต่ยืนก็ยังยาก เป็นไปไม่ได้ที่จะหาแหล่งน้ำจืดพบ
จางจื่ออันเสนอว่า ให้ฝูงวาฬดันเรือเล็กพาพวกเขาไปถึงโขดหินนั่น จากนั้นก็สะบัดเรือไปทางโขดหิน ทำอย่างนี้ใต้เรืออาจจะชนโขดหินจนเกิดรอยรั่วและเกยตื้น หรือชนโขดหินจนเรือพัง และพวกผู้คุมก็จะติดอยู่บนโขดหินกลับไม่ได้
น้ำทะเลเย็นเฉียบขนาดนี้ นอกจากสวมชุดดำน้ำแบบเต็มตัว แค่ว่ายน้ำไปไม่กี่เมตรก็ถึงขีดจำกัดแล้ว พอว่ายน้ำไปนานๆ เข้ามือเท้าก็จะชาไปหมด
พวกผู้คุมถูกขังอยู่บนโขดหิน ร้องเรียกสวรรค์ไม่ตอบ ร้องเรียกพื้นดินไม่สะเทือน ไม่มีน้ำและอาหาร ทำได้แค่รอคนอื่นมาพบและช่วยเหลือ นอกจากตัดกำลังของอีกฝ่ายได้มากแล้ว ยังทำให้ตัวเองมีแต้มต่อไปโดยปริยาย เท่ากับใช้ผู้คุมพวกนี้เป็นตัวประกัน อาจจะยังเจรจาเงื่อนไขได้
พวกภูตสัตว์เลี้ยงไม่คัดค้านแผนการนี้ พวกผู้คุมคงทนอยู่บนหินโสโครกในสภาพที่ไม่มีน้ำและอาหารได้ประมาณสามวัน ไม่ว่าผลสุดท้ายเป็นอย่างไร ในสามวันนี้เรื่องราวก็คงจบสิ้นไปเรียบร้อยแล้ว รอพวกตำรวจไปช่วยพวกเขาบนโขดหินก็แล้วกัน ถ้าในสามวันนี้พวกเขายังไม่ฆ่ากันเองละก็…
เซฮวาปรึกษาแผนการนี้กับเจทูสักพัก ก็ได้รับการตกลงจากฝ่ายหลังแล้ว
พอตำรวจมา จะต้องสอบถามเรื่องราวที่ผ่านมาของพวกผู้คุม แล้วพวกผู้คุมจะตอบอย่างไรล่ะ?
ไม่เพียงแต่ผู้คุมพวกนี้ ยังรวมถึงชาวนาที่ไร้ความรู้สึกพวกนั้น หลังจากตำรวจมาแล้วจะทำบันทึกกับทุกคน พวกเขาจะพูดเรื่องผีสาว แมวประหลาดอะไรพวกนี้ แต่ตำรวจจะเชื่อเหรอ?
ใครจะไปเชื่อคนที่ถูกล้างสมองแปลกๆ พวกนี้กัน? ไม่ว่าพวกเขาจะพูดอะไร คนอื่นก็คงไม่เห็นว่าเป็นเรื่องจริง
อีกอย่างหมู่บ้านนี้ก็ล้าสมัยยิ่งกว่าอะไร แม้แต่กล้องวงจรปิดก็ไม่มี ทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ไม่มีทางหลงเหลือบันทึกจากกล้องเอาไว้ เอื้ออำนวยแผนการได้ดีอย่างยิ่ง
ฝูงวาฬทำตามแผนที่ตกลงกันไว้เรียบร้อย เจทูเป็นฝ่ายสั่งการ วาฬทุกตัวโผล่ออกมาจากใต้เรือ และดันเรือเล็กหลายลำไปทางชายฝั่งทะเลที่ห่างออกไปอย่างรวดเร็ว
พวกผู้คุมบนเรือเล็กต่างก็สติกระเจิง แสงไฟในหมู่บ้านและประภาคารตรงหน้าไกลออกไปเรื่อยๆ รอบด้านค่อยๆ อับแสงลง เรือเล็กกำลังออกห่างจากแผ่นดิน แล้วถูกดันไปทางทะเลลึก
เดิมทีพวกเขามีโอกาสกระโดดหนีลงไปในทะเล แต่ด้วยความหวาดกลัวต่อผีสาวในทะเล จึงพลาดโอกาสดีๆ ไปแล้ว ขณะที่กำลังลังเล ระยะห่างระหว่างเรือเล็กกับชายฝั่งก็ถึงระดับที่ถึงแม้พวกเขาตัวแข็งอยู่ในทะเลก็ว่ายกลับไปถึงชายฝั่งไม่ได้
พวกเขารู้ว่าน้ำทะเลที่นี่หนาวเย็นแค่ไหน กระโดดลงน้ำตอนนี้ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ถึงพวกเขาอยากเป็นแจ็ค ก็คงไม่มีสาวอกโตมาให้ชื่นชม จะมีก็แต่ผีสาวน่ากลัวในทะเลลึก
ไม่รู้ว่าใครได้สติขึ้นมาก่อน พบว่าที่ดันพวกเขาอยู่คือวาฬ จึงยกปืนเทเซอร์ร้องว่า “ใช้ปืนช็อตพวกมัน!”
แต่ปืนเทเซอร์ไม่ได้ผลแม้กระทั่งกับสุนัขตัวใหญ่ ใช้รับมือกับวาฬเพชฌฆาตโตเต็มวัยหนักหลายตันแบบนี้ ไม่ต่างอะไรกับช่วยเกาตรงที่คัน ไม่มีทางยิงทะลุได้แม้แต่ผิวหนังภายนอกของพวกมัน ไม่เพียงไม่ได้ผลอะไร กลับทำให้ฝูงวาฬหงุดหงิดพวกเขา พากันพ่นเสาน้ำราดพวกเขาจนชุ่มไปทั้งตัว
พอลมทะเลพัดมาที พวกเขาหนาวจนหน้าเขียว ต่างก็นอนหลบลมทะเลอยู่ตรงท้องเรือ ส่วนพวกเรือเล็กจะถูกส่งไปอยู่ที่ไหน พวกเขาก็ต้องฟังบัญชาสวรรค์แล้ว
จางจื่ออันมองผ่านกล้องส่องวัตถุในที่มืด ส่งพวกเรือเล็กค่อยๆ หายออกไปจากสายตา จากนี้ก็เริ่มตามแผนได้แล้ว