ตอนที่ 721 หากคุณตาย ฉันจะติดตามไป (4)

อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!

ตอนที่ 721 หากคุณตาย ฉันจะติดตามไป (4) โดย Ink Stone_Romance

ตอนนี้ใครจะมีกะจิตกะใจไปสนใจเรื่องค้าขายอะไรอีก?

ไป๋ซู่เย่ ทางที่ดีคุณอย่าได้เป็นอะไรไป!

ถ้าเธอกล้าตายล่ะก็ เขาจะตามไปยันนรกแน่!

ในนรก เขาก็จะไม่มีวันปล่อยเธอ!

เขาเปิดประตูห้องลับ ห้องลับค่อยๆ สว่างขึ้น เขาถอดชุดสูทออกเปลี่ยนเป็นเสื้อลายทหารกับเสื้อกันกระสุน สวมรองเท้าคอนแบทสลัดคราบนักธุรกิจในชุดสูทเมื่อกี้จนหมดสิ้น แบกปืนใส่บ่า

น่าหลันเห็นท่าทางนี้ก็รู้ทันทีว่าต้องมีเรื่องเกิดขึ้น เธอก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวขวางทางเย่เซียวไว้ “เย่เซียว คุณจะไปไหน?”

 “หลีกไป!”

 “ฉันไม่สนว่าคุณจะไปไหน ฉันไม่อยากให้คุณไปเสี่ยง!” น่าหลันพูดแล้วขอบตาแดงก่ำ สองมือกอดเขา แม้เธอจะอายุน้อยแต่จากปฏิกิริยาของเย่เซียวแล้วเธอพอจะรู้ได้ว่านี่ต้องไม่ใช่เรื่องง่าย อาจจะเป็นเรื่องที่สุ่มเสี่ยงมากด้วยซ้ำ

ใบหน้าเย่เซียวเยือกเย็นจนเหมือนมีน้ำแข็งเคลือบอยู่ แค่เค้นเสียงแข็งกระด้างออกจากปาก “ปล่อย!”

คำนี้น่าเกรงขามจนน่าหลันใจสั่นวูบ

เงยหน้ามองสีหน้าเขาอย่างระแวงแวบหนึ่ง กัดปากก่อนจะค่อยๆ ผละตัวออกมาด้วยความหวาดกลัว แต่ชั่วขณะที่ปล่อยมือเธอก็เสียใจทีหลังอยากจะยกมือไปขวางเขาอีกครั้ง เขากลับก้าวขายาวเดินจากไปไม่หันกลับมาอีก

………………

 “นายท่าน หรือว่าคุณคิดจะไปทะเลทรายซ่าเหยียนคนเดียว?” รอเย่เซียวเข้าไปนั่งตรงตำแหน่งคนขับ หยูอันรีบห้ามเขาไว้

เย่เซียวใช้ดวงตาเรียบนิ่งมองเขาแวบหนึ่ง “ฉันไม่อยากปิดบังแก ครั้งนี้ไปเพื่อช่วยไป๋ซู่เย่ แก รวมถึงลูกน้องคนอื่นๆ ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วม!”

ความจริงหยูอันเดาได้ตั้งนานแล้ว

การเจรจาการค้าที่มูลค่านับหลายร้อยล้านก็ล้มเหลวโดยไม่แม้แต่จะชั่งใจสักนิด ทั้งยังไปสถานที่อันตรายโดยไม่ลังเล สิ่งที่ทำให้เย่เซียวเป็นได้ขนาดนี้ก็มีแค่ไป๋ซู่เย่คนเดียว

หยูอันยื่นมือจับราวกระโดดขึ้นเฮลิคอปเตอร์ “ผมไปกับคุณ”

 “แกลงมา!” เย่เซียวตวาด

หยูอันเข้าไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับ “เพิ่มคนหนึ่ง โอกาสที่จะช่วยเธอได้ก็เพิ่มขึ้นมาก”

 “แกคิดให้ดีนะ ไปครั้งนี้ก็เท่ากับรนหาที่ตาย ถ้าคนของเยียวหมิงรู้ว่าเราอยู่ไม่มีทางปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไปแน่!” หนำซ้ำถ้าผู้หญิงโง่นั่นตายที่นั่น เขาก็ไม่มีทางปล่อยให้มีชีวิตก้าวเดินออกจากทะเลทราย

หยูอันปิดประตูห้องนักบินสวมหูฟัง “คุณทำเพื่อเธอ แต่ผมทำเพื่อนายท่าน”

เย่เซียวจ้องมองเขาชั่วขณะ สุดท้ายเข้าไปนั่งตำแหน่งข้างคนขับ

——————

ทะเลทรายอุณหภูมิต่างกันมาก กลางวันร้อนระอุแทบมอดไหม้ ตกดึกกลับหนาวจนตัวสั่น

ไป๋ซู่เย่แค่หลบอยู่ในผืนทะเลทรายนี้แต่เพราะขาดน้ำจากอากาศที่ร้อนระอุเมื่อช่วงกลางวัน กลีบปากแตกแห้ง เธอพยายามอุดแผลตรงแขนที่โดนยิงไว้ แม้จะทำการปฐมพยาบาลขั้นต้นแล้วแต่ตอนนี้ยังเจ็บมากอยู่

ถ้ากระสุนนัดนี้ยังฝังอยู่ในร่างไม่ถูกขจัดออก เจอสภาพอากาศย่ำแย่นี้เข้าจนแผลของเธอติดเชื้อ ต่อให้ไม่มีคนของเยียวหมิงติดตามมาเธอก็ตายอย่างไม่ต้องสงสัย

เธอไม่กล้าหลับตา ทิ้งตัวนอนบนทะเลทรายในสภาพร่อแร่ แหงนหน้าเห็นดวงดาวเต็มท้องฟ้า

ภาพท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาวระยิบระยับยากนักที่จะได้เห็นจากในเมือง เธอมองเหม่อ หัวใจที่ตึงเครียดในตอนแรกผ่อนคลายลงชั่วขณะ

เธอนอนอยู่นั่นและมองเหม่อพาลนึกถึงตัวประกันที่ได้รับการช่วยเหลือจากเธอ นึกถึงครอบครัว ตามด้วยนึกถึงเย่เซียว…

หากว่า…

หากว่าวันนี้เธอตายอยู่กลางทะเลทรายเช่นนี้ ในอนาคตที่ยาวไกลเย่เซียวจะลืม…ลืมว่าชีวิตเขาเคยมีผู้หญิงที่น่าแค้นใจคนนี้ปรากฏอยู่?

บางทีอาจจะลืมสินะ

ในเมื่ออนาคตเขาต้องสร้างครอบครัวกับน่าหลัน พวกเขาจะมีอนาคตที่แสนสุข มีลูกที่แสนจะน่ารัก…

พอคิดภาพที่ครอบครัวสามคนของพวกเขาจูงมือกัน ไป๋ซู่เย่ก็รู้สึกเจ็บตรงหัวใจอย่างแรง ในกลางทะเลทรายที่อ้างว้างและหนาวเหน็บนี้ ทุกหยาดอารมณ์ขมขื่นของเธอกำลังค่อยๆ จับจองพื้นที่หัวใจเธออย่างไม่คิดปิดบังอีก…

เธอใกล้จะหลับไปเพราะอาการเสียเลือดมาก แต่เพราะอุณหภูมิที่ต่ำเกินไปก็สะดุ้งตื่นเพราะความหนาว ซ้ำไปซ้ำมาตลอดคืนชวนให้เธอทรมานอย่างถึงที่สุด

ฟ้าสว่างแสงตะวันที่ร้อนระอุฝ่ากลุ่มเมฆลงมา เริ่มจากแต่แรกที่เธอรู้สึกอบอุ่นไปถึงร้อนจนยากจะทนไหว เริ่มเข้าสู่สภาพขาดน้ำอีกแล้ว

เธอต้องออกไปจากที่นี่ ต้องหาโอเอซิสให้เจอ ขณะนี้หากอยากจะมีชีวิตอยู่ต่ออย่างน้อยต้องยืดเวลาให้เธอได้มีชีวิตนานกว่านี้

ไป๋ซู่เย่ขบฟันแน่นเหยียดตัวจากกองทราย ความทรมานที่ได้รับมาตลอดหนึ่งวันหนึ่งคืนทำให้เรี่ยวแรงเธอแทบหมดไป ปืนที่แบกบนไหล่กินแรงเธอในทุกย่างก้าว เธออดทนอย่างยากลำบากและเดินไปยังทิศทางที่น่าจะมีโอเอซิส—สถานที่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร มีพืชพันธุ์ที่ขึ้นกลางทะเลทราย เธอมั่นใจว่าต้องมีโอเอซิสอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น

แต่ในขณะที่เธอใกล้จะไปถึงโอเอซิสตรงหน้าก็ได้ยินเสียงปืนกลดังกระหึ่ม

จากนั้นเป็นภาษาที่เธอไม่คุ้นเคย เธอหันกลับมามองด้วยความระแวงก็เห็นชายที่มีหนวดเคราหลายคนแบกปืนสอดส่องตามมาทางนี้

ใจกระตุก

แทบจะหมุนตัวไปหลบอยู่หลังต้นไม้ทันที ใช้แรงที่เหลืออยู่เฮือกสุดท้ายยกปืนขึ้น

ต่อให้เธอไหวพริบดีแต่อีกฝ่ายก็เจอเธอเข้าแล้วตะโกนเรียกทีหนึ่ง ลูกระสุนถูกยิงมาทางเธอ ผ่านข้างหูเธอนัดแล้วนัดเล่า

เธอกลั้นหายใจและฉวยโอกาสที่อีกฝ่ายเปลี่ยนซองกระสุน โผล่หัวออกไปยิงจัดการทีละคนๆ

แต่ว่า…

 “ให้ตายสิ!” หลังจากห้าคนล้มลงไป ปืนเธอไม่มีกระสุนเหลืออยู่แล้ว

ส่วนคนเหล่านั้นน่าจะสังเกตได้เลยรีบสับเท้าพุ่งตัวมาที่เธอ ไป๋ซู่เย่ทิ้งปืนลงหลับตาหยิบมีดสั้นที่เหน็บไว้ข้างเอวมากำไว้ แม้ว่าตอนนี้น่าจะไม่มีการต่อสู้ตัวต่อตัวแต่ท่วงท่าเหล่านี้ล้วนเป็นไปตามกระบวนการฝึกฝนด้วยสัญชาตญาณ

เธอคิดว่าวันนี้เธอต้องตายอยู่ภายใต้การยิงกราดนี้แล้ว…

 “อยู่ตรงนี้!” ผู้ชายที่นวดครึ้มตะโกนบอกเพราะเห็นเธอที่หลบอยู่หลังต้นไม้ อีกฝ่ายยกปืนกำลังจะยิงกราด

เธอหลับตาทำใจจะเผชิญหน้ากับความตาย

แต่…

 “ปัง–” เสียงยิงปืนดังขึ้นฉับพลัน ร่างเธอสะท้านรุนแรงแต่บนตัวกลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บ กลับเป็นผู้ชายตรงหน้าครางเสียงต่ำทีแล้วล้มลงกับพื้นทันที

 “มีลอบโจมตี!”

“เร็ว!อยู่ข้างบน!”

เสียงกระหึ่มของเฮลิคอปเตอร์บินวนอยู่เหนือศีรษะ ผู้ชายหนวดเฟิ้มยกปืนยิงกราดไปบนฟ้า

ไป๋ซู่เย่แหงนหน้ามองไปเห็นเพียงเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งวาดเส้นสวยงามกลางอากาศเพื่อหลบกระสุน ส่วนชายหนุ่มใบหน้าเย็นชาที่กำลังใช้ปืนเล็งเป้ายิงผู้ชายบนพื้นอย่างแม่นยำ ทำให้หัวใจที่ระทึกของเธอในตอนแรกผ่อนคลายลงในพริบตา

…………………………