บัญชามังกรเดือด บทที่ 947 เกิดเรื่องแล้ว
ชายที่อยู่ตรงหน้าดูเป็นคนซื่อๆ ฉินเทียนพูดคุยกับเขาด้วยท่าทีสุภาพและอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างมาก เขาคิดไว้ว่า หากอีกฝ่ายได้ยินแบบนี้แล้ว แม้จะไม่พาเขาไปส่งที่เกาะหวัง ต่ยังไงซะก็ต้องบอกทางให้เขาไปได้อย่างแน่นอน
คิดไม่ถึงว่า ชายซื่อๆ คนนั้น จู่ๆ อารมณ์และสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
ดาบของเขาชี้ไปทางฉินเทียนและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ไอ้ไก่อ่อน กล้าดียังไงเรียกตัวเองว่าเป็นเพื่อนกับคุณหนูใหญ่แบบนี้”
“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ สิ่งที่คุณหนูใหญ่เกลียดที่สุดก็คือ คนท่าดีทีเหลวอย่างเธอเนี่ยแหละ”
“บอกมานะ เธอเป็นใครกัน และคิดจะทำอะไรกันแน่!”
ฉินเทียนสีหน้าเคร่งเครียด ทำไมอยู่ๆ ตัวเองกลายเป็นคนเลวไปซะอย่างนั้นเล่า?
แถมยังกลายเป็นคนท่าดีทีเหลวอะไรของแมร่งอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนว่าชายผู้นี้ จะรังเกียจคนเช่นนั้นเอามากๆเสียด้วยซ้ำ หรือว่า ที่ผ่านมามีคนท่าดีทีเหลวแอบอ้างเป็นเพื่อนกับหวังตัวยวี่ อยู่บ่อยๆ กันแน่นะ?
“เอออคือ พี่ชาย ฟังฉันพูดก่อน____” ตอนนี้ เขาเองไม่รู้จะอธิบายตัวตนรวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหวังตัวยวี่ออกมายังไงเหมือนกัน
เขาพยายามเรียบเรียงความคิดและคำพูดด้วยความจริงใจอีกครั้ง “คือเรื่องมันเป็นเช่นนี้”
“ฉันชื่อฉินเทียน ฉันเดิมพันกับคุณหนูใหญ่ของพวกเธอเอาไว้ และโชคดีที่ฉันเป็นฝ่ายชนะ”
“แต่เขาบอกว่าเขาต้องขอกลับไปเตรียมตัวก่อน ดังนั้นเลยให้วาฬหัวทุยนำฉันมาส่งที่นี่ และเขาค่อยให้พวกเธอหาคนพาฉันไปพบกับเขาอีกที”
“ถ้าคุณไม่เชื่อ ก็ลองโทรไปหาเธอดูสิ”
ดูเหมือนคำพูดของฉินเทียนจะได้ผล ชายผู้นั้นดูเริ่มเชื่อเขาขึ้นมาบ้างแล้ว เขาหยิบมือถือออกมา เตรียมที่จะกดโทรไปหาหวังตัวยวี่
แต่ไม่รู้เขาคิดอะไรขึ้นมาได้ จู่ๆ หน้าก็แดงขึ้นด้วยความเขินอาย ราวกับการโทรครั้งนี้มีความหมายมากกว่าปกติ
ฉินเทียนชะงักไปครู่หนึ่ง อดไม่ได้ที่จะถามว่า “คุณคงไม่ได้แอบชอบคุณหนูใหญ่ของพวกคุณหรอกใช่ไหม?”
“พูดจาส่งเดชอะไรหน่ะ!” ชายผู้นั้นรีบร้อนตัวขึ้นมาทันที
ดูจากท่าทางของเขาแล้ว ฉินเทียนยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่า ที่แท้นี่เขาก็คือแฟนคลับที่จงรักภักดีต่อคุณหนูใหญ่นี่เอง มิน่าหล่ะพอเห็นไก่อ่อนที่ดีแต่เปลือกนอกอย่างตน ถึงได้คิดเป็นปรปักษ์ด้วยแบบนี้
ฉินเทียนอดกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ จู่ๆ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย และอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองยังทางที่ไกลออกไป
เขาเห็นคนคนหนึ่งท่าทีลุกลี้ลุกลน และวิ่งตรงมาอย่างกระหืดกระหอบ
“สือซิน! รีบลงมาเร็ว!”
“เกิดเรื่องแล้ว คุณหนูใหญ่เกิดเรื่องแล้ว!” เขาวิ่งไปพลาง ตะโกนไปพลาง
อะไรนะ?
หลังจากชายผู้นั้นได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เขามองไปยังฉินเทียน และถามด้วยความตื่นตระหนกว่า “แกใช่ไหม?”
“แกทำอะไรคุณหนูใหญ่หน่ะ?”
ฉินเทียนเองก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเช่นกัน หรือว่า หลังจากที่หวังตัวยวี่ กลับไปแล้ว จะเกิดเรื่องกับเขาขึ้น?
“คุณชื่อสือซินใช่ไหม? ฉันไม่รู้หรอกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ตอนที่ฉันแยกกับเธอ เธอยังดีๆอยู่เลย”
“คุณรีบโทรหาเธอสิ!”
“ถามคุณหนูใหญ่ว่าเป็นยังไงบ้าง?”
ไม่ว่ายังไง เมื่อครู่เขากับหวังตัวยวี่ เพิ่งผ่านประสบการณ์ความเป็นความตายมาด้วยกัน พวกเขาไม่อยากเห็นอีกฝ่ายต้องเกิดเรื่องอะไรทั้งสิ้น
นอกจากนั้น เขาจะได้หลินจือเลือดอย่างราบรื่นหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับหวังตัวยวี่ด้วย เกิดเรื่องขึ้นได้ยังไงหล่ะ!
สือซิน เขาไม่ได้โทรศัพท์ แต่กลับวิ่งเข้าไปจับไหล่ของผู้มาเยือน และพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “คุณหนูใหญ่เป็นอะไร? รีบบอกมานะ!”
ผู้มาเยือนอายุสามสิบกว่าๆ ไว้หนวดสองข้าง ผิวขาวดูสะอาดสะอ้าน ดูแล้วเป็นคนที่ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี
ไหล่ทั้งสองข้างของเขาถูกสองมือใหญ่อันหยาบกร้านของสือซินจับล็อกไว้อย่างแน่น จนกระดูกสะบักแทบจะหัก เขาผลักสือซินออกไปด้วยความโมโหและพูดว่า “อะไรของแกหน่ะ ไม่ต้องตื่นเต้น ฟังฉันพูดก่อน!”
“____เขาเป็นใครหน่ะ?”
“เป็นคนบนเกาะของพวกเราหรือเปล่า? ทำไมฉันไม่เคยเห็นเขามาก่อนเลย”
เมื่อสังเกตเห็นฉินเทียนที่ยืนอยู่ข้างๆ สีหน้าของเจ้าหนวดเคราก็เกิดความสงสัย
สือซินไม่ได้สนใจอะไร เขารีบพูดต่อว่า “เธอไม่ต้องยุ่งนักหรอก รีบบอกมาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่!”
เจ้าหนวดเครายิ้มและพูดว่า “เห็นเธอร้อนใจขนาดนี้ ที่ฉันเคยบอกว่าเธอแอบชอบคุณหนูใหญ่อยู่ ป่านนี้เธอยังไม่ยอมรับอีกหรือ”
สือซินหน้าดำหน้าแดงไปหมด
เจ้าหนวดเครายิ้มและพูดว่า “เอาหล่ะ เธอไม่ต้องอายหรอก ความรักเป็นสิ่งสวยงามที่ทุกคนพึ่งมี คุณหนูใหญ่ของพวกเรารูปงามขนาดนั้น ผู้ชายที่ไหนเห็นเป็นต้องชอบทั้งนั้นแหละ”
สือซินหน้าแดงก่ำและพูดว่า “ฉันไม่ได้เป็นคนฉาบฉวยแบบนั้น และฉันก็ไม่ได้เคารพคุณหนูใหญ่ที่รูปโฉมความงาม แต่ฉันเคารพเขาที่จิตใจต่างหากเล่า”
“ที่พวกเธอเห็นความดุและความโหดของเขา นั่นมันก็แค่ภายนอก จริงๆ แล้วเขาเป็นคนจิตใจดีงามคนหนึ่งเลยหล่ะ….”
“เอาหล่ะ เอาหล่ะ”เจ้าหนวดเคราโบกมือและพูดเย้ยหยันว่า “คุณหนูใหญ่เป็นคนดี แต่เธอว่าสถานะอย่างเธอคู่ควรกับเขาไหมหล่ะ?”
“เธอเป็นลูกบุตรธรรมของราชาจั่วเจียน แล้วยังไงหล่ะ? สุดท้ายก็ยังด้อยอยู่ดี”
สือซินถูกพูดแทงใจดำ เขาก้มหน้าลงด้วยสีหน้าอันเศร้าสร้อย
เจ้าหนวดเคราตบลงที่ไหล่ของเขาและพูดว่า “ฉันรู้ดีว่า ที่เธอตั้งใจฝึกซ้อมวิชาดาบนั้น เพื่อหวังว่าสักวันหนึ่ง ตัวเองจะคู่ควรพอกับคุณหนูใหญ่”
“ตอนนี้ฉันบอกเธอได้ว่า ความวุ่นวายมาเยือนแล้ว เมื่อครู่ฉันพึ่งได้รับข่าวมาว่าราชาเปี้ยนดึงดันยืนกรานที่จะทำตามใจตัวเอง เขาจะเชิญคุณชายใหญ่แห่งตระกูลเซี่ยทางตอนเหนือมา”
“ตระกูลเซี่ยทางตอนเหนืองั้นหรือ?”สือซินตกใจไปชั่วขณะและพูดว่า “เรียกเขามาทำอะไรหน่ะ?”
ในขณะที่ได้ยินคำพูดของเจ้าหนวดเคราแล้ว ฉินเทียนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกตกใจตามไปด้วยเหมือนกัน
เมื่อคืนนี้ที่โรงแรม เขาลงมือสั่งสอนลูกน้องที่กำเริบเสิบสานของเขาไปคนหนึ่ง ชายผู้นั้นเป็นจิ้งจอกแต่อ้างบารมีเสือ ใช้อำนาจกดขี่ข่มเหงผู้อื่น คนพวกนั้นคือคนสนิทของเซี่ยหมิง ซึ่งคุณชายใหญ่แห่งตระกูลเซี่ยนั่นเอง
ฟังจากที่เขาพูดเซี่ยหมิงจะมาที่ตงไห่เพื่อขอแต่งงาน
หรือว่า____
เมื่อนึกบางอย่างขึ้นได้ ฉินเทียนก็รู้สึกถึงความสับสนวุ่นวายขึ้นมาทันที
“ขอแต่งงาน”
เจ้าหนวดเครากัดฟันและพูดว่า “ราชาเปี้ยน ทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชักส่วนตัว ให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับทางตอนเหนือ”
“คุณชายใหญ่แห่งตอนเหนือเดินทางมาด้วยตัวเอง และตอนนี้มาถึงเกาะหวังแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลยนะราชาจั่วเจียน ได้รับคำสั่งจากจินยีโหว ให้รีบไปปรึกษาหารือกันถึงเรื่องนี้โดยด่วน”
“เรื่องนี้มันใหญ่และสำคัญมาก พวกเรารีบไปกันเถอะ!”
สือซินกัดฟันและพูดด้วยความโกรธว่า “หากคุณหนูใหญ่แต่งงานออกไป ตามกฎของตงไห่แล้วจะไม่สามารถเป็นผู้นำเกาะต่อไปได้อีก”
“เห็นได้ชัดว่า เจ้าเปี้ยนแก่คนนั้นต้องการที่จะแก้แค้น และคิดที่จะกันท่าคุณหนูใหญ่!”
“ฉันจะฆ่าเขา!”
“รีบไปกันเถอะ!”
พวกเขาทั้งสองหันหลังและกำลังจะเดินจากไป ฉินเทียนรีบเดินไปข้างหน้าอย่างรีบร้อนทันที
สือซินเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ เขามองไปที่ฉินเทียน และพูดด้วยเสียงอันเย็นชาว่า “นี่เป็นเรื่องตงไห่ของพวกเรา แกแส่อะไรด้วย?”
“รีบไสหัวไปซะ!”
ฉินเทียนถอนหายใจ และวิงวอนขอร้องไปว่า “รบกวนช่วยพาฉันไปด้วยเถอะนะ”
“หากคุณหนูใหญ่ไม่ยินยอม แล้วตระกูลเซี่ยเกิดใช้กำลังขึ้นมา บางทีฉันอาจจะพอช่วยอะไรได้บ้าง”
“แกเนี่ยนะ?”สือซินทำสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม “ไอ้ไก่อ่อน แกเข้าใจการต่อสู้ระหว่างผู้ชายมันคืออะไรไหม? มันต้องมีคนตายยังไงหล่ะ!”
“แกต่อสู้เป็นด้วยหรือ?”
ฉินเทียนยิ้มและตอบว่า “พอเรียนรู้มาบ้าง”
สือซินตอบด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ถ้างั้นก็ดี!”
“ถ้าเอาชนะดาบในมือของฉันได้ ฉันจะพาเธอไปด้วย เธอกล้าไหมหล่ะ?”
ฉินเทียนทำสีหน้าลำบากใจ เขามองออกว่าสือซินผู้นี้แม้จะเป็นคนหุนหันพลันแล่นและดื้อรั้นไปบ้าง แต่จิตสำนึกในใจของเขาก็ไม่เลวเลยทีเดียว
จะว่าไป ที่นี่เป็นอาณาเขตของคนอื่น ส่วนเขาเป็นเพียงแขกผู้มาเยือน แถมยังเป็นคนที่มาขอความช่วยเหลืออีกด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่อยากที่จะลงมือต่อสู้
“เด็กน้อย ถ้าฉันคิดไว้ไม่ผิด เธอเองก็เป็นคนที่มาจีบคุณหนูใหญ่ของพวกเราเหมือนกันใช่ไหมหล่ะ? ในเมื่อหาที่นี่จนเจอ ต้องบอกว่า ฉันเองก็เลื่อมใสในตัวเธออยู่ไม่น้อยเหมือนกัน”
“แต่เธอแน่ใจแล้วหรือ ว่าจะยื่นมือเข้ามาเอี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย?”
“เธอว่า เธอจะชนะสือซินได้ไหม? อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ เขาเป็นผู้ที่มีฝีมือดีเป็นอันดับหนึ่งในตงไห่ของพวกเรา ฉายาของเขาคือ เจ้าบ้าดาบ”
ฉินเทียนไม่มีทางเลือก ได้แต่ตอบไปว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้างั้นฉันคงต้องขอคำแนะนำจากเธอด้วยแล้วหล่ะ”
ขณะที่พูด เขายิ้มและมองไปทางสือซินเพื่อเป็นการแสดงความเคารพ จากนั้นเขาจึงวางท่าตั้งการ์ดต้อนรับการต่อสู้ด้วยความตั้งใจ