ตอนที่ 1839

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,839 : มั่นใจ!

 

หลังจากทั้งหมดแล้วมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ ตี้จิ่ว มันอยู่มานานเพียงไหนและบ่มเพาะพลังไปกี่ปีดีดัก? ส่วนต้วนหลิงเทียนยังพึ่งอายุเท่าไหร่เชียว?

 

ทำให้ทันทีที่พบว่าต้วนหลิงเทียนมีพลังฝึกปรือแค่ อริยะเซียนขั้นสูงสุด ต้วนหรูเฟิงก็คิดให้บุตรชายล้มเลิกนัดหมายประลอง 5 ปีนั่นทันที…

 

นั่นเพราะด่านพลังของต้วนหลิงเทียนกับตี้จิ่วมันต่างกันเกินไป

 

ต้วนหรูเฟิงได้หารือกับผู้เฒ่าพยากรณ์เอาไว้แล้ว ถึงสัญญานัดหมายประลอง 5 ปีของต้วนหลิงเทียน

 

หากต้วนหลิงเทียนไม่คิดสู้ ผู้เฒ่าพยากรณ์ก็บอกไว้ว่าไม่ต้องบังคับให้สู้!

 

อีกทั้งจิตใจของคนเป็นพ่อ ก็ไม่อยากให้บุตรไปเสี่ยงสู้อยู่แล้ว!

 

เพราะหากบุตรชายของมันสู้กับตี้จิ่วที่อาจบรรลุถึงขอบเขตเซียนปฐพีล่ะก็ มันเองก็ไม่มั่นใจเต็ม 10 ส่วนว่าจะสามารถปกป้องคุ้มครองบุตรชายให้ปลอดภัย

 

หากเกิดเรื่องอะไรกับลูกชายขึ้นมา อย่าว่าแต่ภรรยาของมันจะไม่อภัย กระทั่งมันก็ไม่มีวันอภัยให้ตัวเองได้!

 

“ท่านพ่อ ข้าไม่ได้หมายความว่าจะไม่ทำตามสัญญานัดหมายประลอง 5 ปี”

 

ต้วนหลิงเทียนที่พึ่งคืนสติจากคำถามของต้วนหรูเฟิง ก็เข้าใจได้ทันทีว่าบิดากำลังเข้าใจบางอย่างผิดไป เร่งอธิบายออกมาว่า “เมื่อครู่ข้าคิดถึงเรื่องอื่น ส่วนการประลองที่นัดไว้กับตี้จิ่ว ข้าไม่ได้คิดจะล้มเลิก…”

 

“ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่มันอยู่ในขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุดอะไรนั่นเลย ให้มันทะลวงผ่านไปถึงเซียนปฐพีขั้นต้นข้าก็จะสู้กับมันอยู่ดี…”

 

วาจาท้ายประโยคแววตาต้วนหลิงเทียนเผยความมั่นใจออกมาเต็มเปี่ยม

 

“แต่เจ้า…เจ้ายังพึ่งเป็นอริยะเซียนขั้นสูงสุดเท่านั้น…”

 

ต้วนหรูเฟิงส่ายหัวไปมา “เพียงเวลาแค่ 10 เดือน…คิดยกระดับพลังฝึกปรือให้ทัดเทียมกับตี้จิ่ว ข้าเกรงว่าคงยากเป็นไปได้!”

 

“เอ้า…อะไรกันท่านพ่อ? ไม่ใช่ก่อนหน้านี้ท่านมั่นใจในตัวข้าไม่ใช่รึไง? ไหงอยู่ดีๆถอดใจแล้วล่ะ?”

 

เมื่อเห็นท่าทีของต้วนหรูเฟิงที่คล้ายพลิกกลับ 180 องศา ต้วนหลิงเทียนถึงกับอึ้งถามไปตาปริบๆ นี่จะไม่เปลี่ยนแปลงเร็วเกินไปหน่อยหรือ เร็วจนผู้คนไม่ทันตั้งตัวแล้ว!?

 

ต้วนหรูเฟิงพอได้ยินก็ยิ้มออกมาอย่างละอาย

 

ก่อนหน้านี้มันมั่นใจตัวต้วนหลิงเทียนเพราะเชื่อในคำทำนายของผู้เฒ่าพยากรณ์

 

อย่างไรก็ตามพอเห็นสีหน้าซีดๆแลดูหวั่นหวาดเมื่อครู่ของต้วนหลิงเทียน ความเชื่อมั่นของต้วนหรูเฟิงก็ดิ่งลงเหวทันที

 

“เทียนเอ๋อ…เจ้ามั่นใจจริงๆหรือ?”

 

ต้วนหรูเฟิงกล่าวถามเสียงเครียด “นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย…เพียงเกิดเหตุผิดพลาดอันใดขึ้นมาแค่เศษเสี้ยว ก็ยากแก้ไขแล้ว!”

 

“เรื่องเท่านี้ขอท่านพ่ออย่าได้ห่วงไป…ข้ามั่นใจ!”

 

ต้วนหลิงเทียนยิ้มกล่าวด้วยใบหน้าสบายๆคล้ายไม่ใช่เรื่องหนักหนา เผยให้ต้วนหรูเฟิงเห็นถึงความมั่นใจเต็มเปี่ยม

 

ในเวลา 10 เดือนหลังจากนี้ มันมากพอจะให้เขาขัดเกลารูปแบบที่ 2 ของปีกอีกาทองคำแล้วเสร็จ กระทั่งทะลวงผ่านถึงอริยะเซียนได้แน่นอน

 

และด้วยความช่วยเหลือจากชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ คิดจะบรรลุถึงอริยะเซียนขั้นกลางก็มีโอกาสไม่น้อย

 

หากเขาบรรลุถึงอริยะเซียนขั้นกลางล่ะก็ ด้วยพลังอำนาจของปราณสุริยันแรกกำเนิด จะทำให้พลังอำนาจของเขาทัดเทียมกับปราณแรกกำเนิดของเซียนมนุษย์ขั้นกลาง!

 

นอกจากนี้พอถึงเวลานั้น เขาสมควรเพาะสร้างปฐมเวทย์กลืนกินเสร็จเรียบร้อยแล้ว!

 

พลังอำนาจของปฐมเวทย์กลืนกินมหาศาลเพียงใด เขาแลเห็นมันมาด้วยสองตา!

 

เขายังจดจำได้ดี บททดสอบสุดท้ายในพื้นที่มรดกเวทย์พลังนั่น ตอนที่ชายชราผู้นั้นใช้ปฐมเวทย์กลืนกิน จากฐานพลังเซียนขัดเกลาขั้นต้น ก็พุ่งทะยานไปถึงเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดทันที!

 

ถึงแม้ระยะเวลาที่พลังเพิ่มพูนจะคงอยู่ไม่นานนัก แต่มันก็นานพอ!

 

‘หากข้าสามารถทำความเข้าใจกระทั่งเพาะสร้างต้นแบบปฐมเวทย์กลืนกินได้ ต่อให้ข้าพึ่งทะลวงถึงอริยะเซียนขั้นต้น แต่พลังต่อสู้ที่แท้จริงของข้าก็จะบรรลุถึงเซียนมนุษย์สูงสุด!’

 

‘และถ้าหากข้าทะลวงถึงอริยะเซียนขั้นกลางล่ะก็ ด้วยความช่วยเหลือของปฐมเวทย์กลืนกินก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะสู้กับเซียนปฐพีขั้นต้นไหว!’

 

เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนมั่นใจนัก

 

‘นอกจากนี้ข้ายังมีเวทย์พลังปีกอีกาทองคำอีก! ขอเพียงข้าทะลวงถึงอริยะเซียนขั้นต้นข้าก็เพาะสร้างมันได้เช่นกัน! ด้วยรูปแบบที่ 2 ของปีกอีกาทองคำ พร้อมด้วยปฐมเวทย์กลืนกิน…ข้าอาจเอาชนะตี้จิ่วที่ทะลวงถึงเซียนปฐพีขั้นต้นได้ ต่อให้ข้าจะยังเป็นแค่อริยะเซียนขั้นต้นก็ตาม!’

 

อันที่จริงต่อให้ไร้เวทย์พลังใดๆ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้หวั่นเกรงอะไรตี้จิ่วแม้แต่น้อย

 

เพราะในมือเขายังมีไพ่ตายที่ร้ายกาจที่สุดอีกอย่าง…กระบี่นิสวรรค์!

 

เขาตระหนักถึงพลังอำนาจของยอดสมบัติสวรรค์ชิ้นนี้ดี!

 

ไม่ต้องกล่าวใดให้มากความ ก่อนนี้นี้แม้พลังฝึกปรือเขาจะเป็นแค่เซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด แต่เขากลับต้านทานรับการลงมือสุดกำลังของผู้ฝึกมารขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นเชี่ยวชาญได้!

 

ถึงแม้ว่าปราณสุริยันแรกกำเนิดที่เขาจ่ายออกไปจะพร่องไปแทบหมดตัว แต่ต้องไม่ลืมว่าก่อนหน้านั้นเขาก็ได้ใช้ปราณสุริยันแรกกำเนิดไปกับอะไรหลายๆอย่าง ทำให้ที่จ่ายลงกระบี่ไปจริงๆ นับว่ามีแค่ราวๆ 6 ส่วนเท่านั้น!

 

ถึงจะตัดเรื่องการเร่งเดินทางออกไป ลำพังการเปิดใช้ตราผนึกมารก็จำต้องใช้พลังไม่น้อยแล้ว!

 

‘ด้วยปราณสุริยันแรกกำเนิดของข้าตอนนี้ที่ให้อำนาจทัดเทียมขอบเขตอริยะเซียนขั้นต้นสูงสุด หากจ่ายมันลงกระบี่นิลสวรรค์ทั้งหมดเต็ม 10 ส่วน ต่อให้เป็นเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุด ก็น่าจะฆ่าได้…’

 

‘และหากข้าทะลวงถึงอริยะเซียนขั้นต้นล่ะก็ ตอนนั้นปราณสุริยันแรกกำเนิดของข้าก็จะยกระดับพัฒนาขึ้นครั้งใหญ่ ไม่แน่ว่าต่อให้เป็นเซียนปฐพีขั้นต้นก็ไม่อาจรับกระบี่ข้าได้…!’

 

แน่นอนว่ากระบี่นิลสวรรค์เป็นไพ่ตายที่ร้ายกาจที่สุดของต้วนหลิงเทียน หากเลือกได้เขาก็ไม่คิดจะใช้มันมันออกมาโดยไม่จำเป็นจริงๆ

 

ยิ่งไปกว่านั้นหากเขาสักแต่จะพึ่งกระบี่นิลสวรรค์ ไม่พ้นเส้นทางฝึกตนของเขาต้องเกิดปัญหาแน่!

 

กล่าวได้เลยว่ายิ่งพึ่งพากระบี่นิลสวรรค์มากเท่าไหร่ มันจะยิ่งส่งผลกระทบต่อเส้นทางฝึกตนในวันหน้าของเขา

 

ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่คิดพึ่งกระบี่นิลสวรรค์ หากมันไม่จำเป็นจริงๆ

 

“แม้จะไม่ทราบว่าไฉนเจ้าถึงได้มั่นใจในตัวเองนัก แต่พ่อจะเชื่อเจ้า…ตลอดระยะเวลาหลังจากนี้อีก 10 เดือน ไม่ว่าเจ้าต้องการทรัพยากรอันใดในตำหนักเมฆาคราม เจ้าสามารถเอามันไปได้ทุกอย่างโดยไม่ต้องขออนุญาตใคร!”

 

ต้วนหรูเฟิงกล่าวบอกต้วนหลิงเทียน

 

สุดท้ายมันก็ติดเชื้อความมั่นใจนี้ของต้วนหลิงเทียน พาลให้เชื่อมั่นในตัวบุตรชายตามไปด้วย

 

“ท่านพ่อข้าไม่ต้องการอะไรมากมาย…แต่ข้าต้องการให้ท่านช่วยรวบรวมวัตถุดิบบางอย่างให้ข้า”

 

เมื่อทราบว่าบิดาของตัวคือจ้าวตำหนักเมฆาคราม ต้วนหลิงเทียนก็ไม่รีรออะไรที่จะขอแรงบิดาให้ช่วยหาวัตถุดิบเพื่อซ่อมชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ

 

ด้วยอิทธิพลและอำนาจของตำหนักเมฆาครามที่มีต่อภูมิภาคเบื้องล่าง การรวบรวมวัตถุดิบย่อมมีประสิทธิภาพเหนือกว่าตำหนักฟ้าลี้ลับมากมาย

 

“วัตถุดิบอะไรหรือ”

 

ต้วนหรูเฟิงถามด้วยความสนใจ

 

ต้วนหลิงเทียนสะบัดมือส่ง บันทึกรายชื่อวัตถุดิบไปให้ต้วนหรูเฟิงดูทันที หลังมันดูไปพักหนึ่งก็โค้งคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย “เห? นี่ไม่ใช่วัตถุดิบที่ตำหนักฟ้าลี้ลับส่งคนไปรวบรวมตามหาเมื่อไม่กี่ปีที่แล้วหรอกหรือ?”

 

“ใช่”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “ก่อนหน้านี้ข้าเป็นคนขอให้ตำหนักฟ้าลี้ลับหาของพวกนี้เอง”

 

“เจ้า…เจ้าขอให้ตำหนักฟ้าลี้ลับหาวัตถุดิบพวกนี้ให้เจ้างั้นเหรอ?”

 

ต้วนหรูเฟิงประหลาดใจไม่น้อย “เท่าที่ข้ารู้จ้าวตำหนักฟ้าลี้ลับ เมิ่งฉิง นั่น…ให้ความสำคัญกับการรวบรวมวัตถุดิบพวกนี้ไม่น้อยยังแจกจ่ายรางวัลออกไปมากมาย…ไฉนเจ้าถึงทำให้ตำหนักฟ้าลี้ลับลงแรงให้เจ้าได้ขนาดนี้เล่า? ให้ข้าเดามันต้องติดหนี้บุญคุณอะไรเจ้าสักเรื่องใช่หรือไม่?”

 

“ใช่ ประมาณนั้นล่ะ”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า

 

“เท่าที่ข้ารู้…ไม่กี่ปีที่ผ่านมาตำหนักฟ้าลี้ลับมีอัจฉริยะนามหลิงเทียน…เทียนเอ๋อ หรือนั่นจะเป็นเจ้า?”

 

ต้วนหรูเฟิงกล่าวถาม

 

หากเป็นก่อนหน้านี้มันคงไม่คิดโยงอัจฉริยะนามหลิงเทียนนั่นเข้ากับบุตรชายของมัน

 

เพราะมันให้กู่มี่ไปเยือนตำหนักฟ้าลี้ลับและตรวจสอบคนด้วยตัวเองมาแล้ว และรูปโฉมของหลิงเทียนนั่น ก็ไม่ได้คล้ายกับบุตรชายมันเลย…

 

อย่างไรก็ตามพอได้เห็นเคล็ดวิชาแปลงโฉมเลิศล้ำของต้วนหลิงเทียนกับตา มันจึงโยงคนทั้งคู่เข้าด้วยกันทันที!

 

“ฮ่าๆ ข้าเองล่ะ”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “เรียกว่าข้าอาศัยอยู่ตำหนักฟ้าลี้ลับพักใหญ่ก่อนที่ข้าจะมาที่ตำหนักเมฆาคราม…อ่า จริงสิ! ข้าเกือบลืมไปเลย…ท่านพ่อถ้ามีคนชื่อ กู่ลี่ มาตามหาข้าก็ให้ต้อนรับดีๆหน่อย พี่กู่เป็นสหายอันดีของข้าและยังเป็นคนเดียวในตำหนักฟ้าลี้ลับที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของข้า”

 

กล่าวถึงตำหนักฟ้าลี้ลับขึ้นมา ต้วนหลิงเทียนก็อดนึกถึงกู่ลี่ไม่ได้

 

ตอนแรกเขาบอกกู่ลี่เอาไว้แล้ว ว่าถ้าเสร็จเรื่องราวอะไรให้มาหาเขาที่ตำหนักเมฆาคราม จะได้ขึ้นไปยังภูมิภาคเบื้องบนด้วยกัน

 

หลังนับวันดูแล้ว อีกไม่นานกู่ลี่ก็คงมาถึงที่นี่

 

“กู่ลี่? บุตรชายคนเดียวของผู้พิทักษ์กู่ซืออวิ๋นของตำหนักเมฆาคราม คนที่ได้อันดับ 1 ในรายนามฟ้าลี้ลับนั่นน่ะเหรอ?”

 

ต้วนหรูเฟิงโค้งคิ้วขึ้นเพราะมันเองก็คล้ายจะได้ยินเรื่องราวอัจฉริยะคคนนี้ของตำหนักฟ้าลี้ลับมาบ้าง

 

“ใช่ๆ เป็นพี่กู่เอง”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า

 

“ลองเจ้าบอกตัวตนที่แท้จริงกับเจ้าหนุ่มนั่นเช่นนี้ นั่นหมายความว่ามันน่าเชื่อถือและไว้ใจได้…เอาล่ะในเมื่อเป็นสหายของเจ้า แน่นอนว่าเป็นสหายของตำหนักเมฆาครามเราด้วย ไม่ต้องห่วงสหายเจ้ามาเมื่อไหร่พ่อจะไปต้อนรับด้วยตัวเอง”

 

ต้วนหรูเฟิงกล่าวยิ้ม

 

“นอกจากนี้…ข้ายังได้ยินมาว่าลี่เฟิงที่ปรากฏตัวในเขตพ้นที่คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง เป็นศิษย์พี่ของหลิงเทียน…”

 

ต้วนหรูเฟิงมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง สองตาหยีลงกล่าวออกด้วยรอยยิ้ม “หากข้าเดาไม่ผิด ลี่ คงมาจากแซ่ของมารดาเจ้า ส่วนเฟิง มาจากชื่อพยางค์ท้ายของข้าใช่หรือไม่?”

 

“อ่า ลี่เฟิงเป็นข้าเอง”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า กับพ่อตัวเองเรื่องนี้เขาไม่จำเป็นต้องปิดบัง

 

“ฮ่าๆๆ…ตอนนั้นพ่อยังคิดอยู่เลยว่าจะรับตัวอัจฉริยะเช่นนั้นมาเข้าร่วมกับตำหนักเมฆาครามของเราได้อย่างไร ไม่คิดเลยว่าที่แท้จะเป็นลูกชายของข้าต้วนหรูเฟิงนี่เอง!”

 

ต้วนหรูเฟิงหัวเราะร่า ใบหน้าเผยความภาคภูมิใจล้นปรี่

 

ต้วนหลิงเทียนบุตรชายของมันต้วนหรูเฟิงนับว่าไม่ทำให้มันเสียใจ! กระทั่งยังทำให้ภาคภูมิใจถึงที่สุด!!

 

“เอาล่ะ! ข้าจะไปออกคำสั่งรวบรวมวัตถุดิบพวกนี้ให้เจ้าเอง…ต่อให้ข้าต้องปล้นมันทั้งภูมิภาคเบื้องล่างก็เถอะ ข้าจะพยายามหามันมาให้ได้มากที่สุด”

 

มองบันทึกรายการวัตถุดิบในมือ ต้วนหรูเฟิงกล่าวออกเสียงเข้ม

 

“จริงสิท่านพ่อ ก่อนหน้านี้ท่านเกริ่นมาว่าที่ท่านเป็นจ้าวตำหนักเมฆษครามต้องขอบคุณข้า…ที่แท้มันเรื่องอะไรกันแน่?”

 

ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็นึกถึงเรื่องราวที่ต้วนหรูเฟิงบอกเขาเมื่อไม่กี่วันก่อนขึ้นมา จึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกไป

 

“หากข้าเดาไม่ผิด…เจ้าได้รับตราผนึกมารมาจากบึงแห่งความตายที่บ้านเกิดของพวกเราใช่หรือไม่?”

 

ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน ต้วนหรูเฟิงไม่ได้ตอบออกไปทันที หากแต่เลือกจะย้อนถามแทน