1848 ซ่อนเร้น โดย Ink Stone_Fantasy

หวังหลินเคลื่อนร่างและปรากฏตัวเหนือทะเลโอสถ ด้านล่างเป็นเขตอาคมที่มองไม่เห็น ด้วยเขตอาคมตรงนี้เขาจึงไม่กังวลว่าจะถูกเซียนข้างในเขตอาคมตรวจพบ

แต่หวังหลินก็ยังระมัดระวังและซ่อนกลิ่นอาย เขาเหมือนภูติผีล่องลอยเข้าไปยังอีกฝั่งของทะเลโอสถ

หวังหลินผสานเข้ากับโลกและเลือนหายไป ปรากฏตัวอีกครั้งอยู่ในท้องฟ้าใกล้แคว้นมารเขียว ที่นี่แม้แต่ท้องฟ้าก็ยังมีเหล่าเซียนจากแคว้นมารเขียวจำนวนมาก

เซียนทั้งหมดมีระดับบ่มเพาะแตกต่างกันหลายระดับ ส่วนใหญ่เป็นเซียนขั้นที่สองและมีส่วนน้อยที่เป็นขั้นสาม ตอนที่พวกนั้นผ่านไป สัมผัสวิญญาณแต่ละคนกวาดผ่านพื้นที่ราวกับกำลังคุ้มกันบางอย่าง

ยิ่งมีเซียนแคว้นมารเขียวปรากฏตัวมากขึ้น ยิ่งมีเซียนขั้นแก่นแท้ดับสูญปรากฏตัวจนหวังหลินต้องชะลอตัวลง หลังจากขบคิดเล็กน้อยจึงมุ่งหน้าลงไปยังเขตอาคมที่มองไม่เห็นด้านล่าง ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นโลหิตพลางจมเข้าไปในสายหมอก

หวังหลินมีแก่นแท้เขตอาคม ตอนนี้จึงสามารถคัดลอกเขตอาคมรอบทะเลโอสถด้วยแก่นแท้เขตอาคมของตัวเองได้ เขาจึงมั่นใจว่าจะไม่ถูกตรวจเจอในช่วงเวลาสั้นๆ

หลังจากเข้ามาในสายหมอกชั้นที่เจ็ด หวังหลินจึงเคลื่อนร่างภายในสายหมอกด้วยความระมัดระวังเพื่อตามหาเข็มทิศที่อยู่ใจกลางของเขตอาคมแห่งนี้ ยิ่งเขาเข้าไปใกล้แคว้นมารเขียว ยิ่งมีเซียนจากแคว้นมารเขียวทะยานอยู่ด้านบนมากขึ้น

เหล่าเซียนพวกนี้มักจะเกาะตัวกันเป็นกลุ่ม เคลื่อนร่างด้วยท่าทีเคร่งขรึม

‘อย่างน้อยที่นี่ก็มีเซียนหลายหมื่น การมีเซียนมากขนาดนี้ถ้าบอกว่าไม่ได้รุกรานแคว้นกระทิงสวรรค์คงไม่มีใครเชื่อ’ หวังหลินเปลี่ยนร่างเป็นสายหมอก จากนั้นมองดูเหล่าเซียนจากแคว้นมารเขียวด้านบนและถอนหายใจ

การสังหารระหว่างสำนักและความโหดเหี้ยมระหว่างแคว้นล้วนเกิดขึ้นได้ทุกที่ เรื่องนี้เกิดขึ้นในโลกถ้ำและเกิดขึ้นในแผ่นดินเซียนดาราได้เช่นกัน

ในโลกอันไร้กฎระเบียบนี้ คนที่อยู่ได้คือเซียนทรงพลังที่สามารถข่มเหงคนอื่นจนไม่กล้ามีความคิดอื่นใด

ขณะที่กำลังคิดอยู่เงียบๆ หวังหลินหรี่ตาและมองขึ้นไป เขาสัมผัสได้ถึงพลังผันผวนรุนแรงห่างออกไปไกล มันไม่ได้มาจากเซียนแต่มาจากสมบัติ

พอมองขึ้นไป เหล่าเซียนจากแคว้นมารเขียวนับร้อยคนได้ทะยานผ่าน มีเซียนขั้นแก่นแท้ดับสูญอยู่สี่คน แต่ละคนอยู่ฝั่งละทิศคล้ายกำลังคุ้มกัน

ใจกลางกลุ่มนี้มีกลองยักษ์ขนาดพันฟุต!

กลองเป็นสีดำสนิทแม้แต่หน้ากลองยังสีดำ ด้านข้างมีอสูรดุร้ายจำนวนมากยื่นออกมาและแผ่กลิ่นอายมืดมน

รอบตัวกลองมีวิญญาณอาฆาตนับไม่ถ้วน พวกมันส่งเสียงคำรามก่อตัวเป็นระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นกระจายกันออกไป

กลองใบนี้หนักเป็นอย่างมาก มันใช้เซียนเกือบร้อยคนแบกหามแต่ก็ทะยานไปได้ช้ามาก

พอหวังหลินเห็นกลองยักษ์ ดวงตาหรี่ลง เปลี่ยนตัวเองกลายเป็นควันและสงบนิ่งไร้การเคลื่อนไหว เขาสัมผัสได้ว่ามีเซียนคนหนึ่งซ่อนตัวอยู่ในกลองยักษ์

เมื่อกลองผ่านไปเหนือหวังหลิน สัมผัสวิญญาณหนึ่งแผ่กระจายออกมาตรวจสอบโดยรอบบริเวณและจากไปอย่างช้าๆ

หลังจากเซียนนับร้อยจากไป หวังหลินมองเซียนกลุ่มนั้นและเริ่มขบคิด

‘สมบัติที่ผสานเข้ากับเซียน…’

จากนั้นต่อมาหวังหลินได้เห็นกลองแบบเดียวกันอีกแปดใบ เขายังเห็นสมบัติขนาดใหญ่ชิ้นอื่นซึ่งเห็นได้ชัดว่าใช้เพื่อทำลายล้างสำนักอย่างรุนแรง

สมบัติทั้งหมดเหล่านี้ต่างมีขนาดเกือบพันฟุต เปล่งกลิ่นอายน่าตกตะลึงออกมาเกิดเป็นแรงกดดัน

‘ข้าไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นานนัก…ข้าต้องจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุดและจากไป!’ จิตใจหวังหลินเริ่มไม่อยู่กับตัว แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้เขาสงบนิ่ง เขาผสานกับเขตอาคมและเคลื่อนร่างเข้าหาแคว้นมารเขียวอย่างช้าๆ พอเป็นแบบนี้เขาสัมผัสได้ถึงใจกลางเขตอาคม

‘แค่ตรงหน้า!’ หวังหลินดวงตาส่องสว่างและเคลื่อนร่างผ่านสายหมอก ไม่นานจึงเห็นธงสามผืนแทงทะลุยอดฟ้า

ธงทั้งสามกระพือในอากาศ ส่งระลอกคลื่นดังออกมาและพวกมันต่างเป็นสิ่งพิเศษแน่นอน!

ภายใต้ธงทั้งสามผืน มีสตรีหน้าตาสละสลวย นางถือเข็มทิศในมือ มองดูเข็มทิศและขมวดคิ้วไปด้วย

ด้านข้างนาง หวังหลินได้เห็นคนที่เขาเคยเจอมาก่อน เป็นชายหนุ่มหน้าขาวถือพัดในมือกำลังมองมายังทะเลด้านล่าง ไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่

รอบด้านทั้งสองมีเซียนชุดเขียวหลายร้อยคน พวกเขาเสมือนองครักษ์และนิ่งสนิทดุจกำลังหลับตาบ่มเพาะ

ไม่มีใครรู้ว่าหวังหลินอยู่ในชั้นที่เจ็ดของเขตอาคม หวังหลินมองพวกเขาด้วยความเยือกเย็น โดยเฉพาะเข็มทิศในมือนาง

‘เข็มทิศนั่น! เมื่อข้าได้มา ข้าจะไม่ต้องซ่อนตัวในสายหมอก มันเป็นสิ่งเดียวที่สามารถรู้ได้ว่าข้าเข้ามาในทะเลโอสถ…’ หวังหลินมีแก่นแท้เขตอาคมและศึกษาเขตอาคมนี้ได้เล็กน้อย ดังนั้นจึงรู้ว่ากุญแจสำคัญของเขตอาคมแห่งนี้คือเข็มทิศ

การมีเข็มทิศอยู่ในมือจะทำให้ไม่มีใครรู้ว่าเขาเข้ามาในทะเลโอสถ จากนั้นก็จะสามารถตามหาเมฆาสูญสิ้น สังหารและหนีไปได้อย่างปลอดภัย เข็มทิศยังเป็นตัวการสำคัญในการค้นหาเมฆาสูญสิ้นอีก การค้นหาคนหนึ่งคนในทะเลโอสถอันกว้างใหญ่แห่งนี้ถือได้ว่ายากมากและต้องพึ่งพาเข็มทิศเท่านั้น!

อย่างไรก็ตามนี้เป็นสถานการณ์อันยากลำบาก หากต้องการได้เข็มทิศมา เขาจะต้องออกไป และคนด้านล่างคงรู้ว่าเขามาถึงแน่

‘ทุกอย่างต้องรวดเร็ว ข้าจะไม่ให้ใครได้หนีไปได้และไม่ยอมให้นางได้ส่งข้อมูลออกไป…’ หวังหลินขมวดคิ้วพลางมองเหล่าเซียนนับร้อยด้านล่างและธงยักษ์สามผืน

‘ธงทั้งสามนั่นน่าจะเป็นเครื่องมือป้องกัน…ค่อนข้างยากขึ้นไปอีก’ หวังหลินสงบนิ่งอยู่ในสายหมอกพลางมองด้านล่างและคิดหาคำตอบ

สตรีด้านล่างมองดูเข็มทิศในมือและขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม

‘ประหลาด เห็นได้ชัดว่าไม่มีเซียนต่างถิ่นเหลืออยู่ แต่ยังมีชั้นระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ซึ่งเป็นความสามารถของเขตอาคมที่เปิดใช้ด้วยตัวเองเมื่อมันตรวจจับบางอย่างผิดปกติได้’

เข็มทิศในมือนางเต็มไปด้วยจุดสีเขียวและไม่มีจุดสีขาว แต่ยังมีระลอกคลื่นผันผวนอยู่บนผิวน้ำอย่างต่อเนื่อง

นางดวงตาส่องสว่าง แขนซ้ายสร้างผนึกเข้าใส่เข็มทิศอย่างต่อเนื่องแต่ก็ยังไม่พบสิ่งใด

การกระทำของนางได้ทำให้ชายหนุ่มถือพัดเกิดความสนใจ เขาก้าวเข้าไปมองเข็มทิศและยิ้มออกมา

“ไม่ต้องระแวงไป มีพี่ใหญ่เมฆาสูญสิ้นอยู่ที่นี่ด้วย ทุกอย่างจะออกมาดี”

นางขบคิดอยู่ชั่วขณะและพยักหน้า

“พี่ใหญ่เมฆาสูญสิ้นได้ลงมือไปแล้ว อีกไม่นานทะเลโอสถจะหายไป จากนั้นเราจะได้เห็นพลังอำนาจของครึ่งเม็ดยาสวรรค์ในตำนาน!” นางมองออกไปไกล

หวังหลินอยู่หมอกที่อยู่ในท้องฟ้าและได้ยินสิ่งที่พวกนั้นคิดอย่างเลือนลาง แต่เขาก็พอสังเกตเบาะแสบางอย่างจากท่าทีแต่ละคนได้ จิตใจจึงสั่นไหว

ทว่าในจังหวะนั้นมีเสียงดังสนั่นออกมาจากทะเลโอสถ ทะเลเริ่มวุ่นวายและรุนแรง

เก้าวังวนปรากฏขึ้นในจุดที่แตกต่างกันบนทะเลโอสถ วังวนหมุนอย่างช้าๆ แต่เกิดเสียงดังคำรามกึกก้องสั่นสะเทือนสวรรค์

“พี่ใหญ่เริ่มแล้ว!” นางหยุดมองดูเข็มทิศในมือและมองออกไปไกลด้วยสายตาคาดหวัง

ขณะเดียวกันกลุ่มเซียนจำนวนสิบคนได้ทะยานออกมาจากทะเลและเคลื่อนมายังจุดที่เซียนสตรีอยู่

กลุ่มนี้คือกลุ่มทหารมารเขียวที่ทำตามคำสั่งของนางและกำลังกลับมา

กลุ่มทหารมากกว่าสิบคนทะยานข้ามผ่านท้องฟ้าไป พวกเขาไม่ได้ทำให้เซียนสตรีหรือเซียนรอบตัวนางเกิดความสนใจ เห็นได้ชัดว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่ธรรมดามาก

ไม่มีใครสังเกตว่าแววตาหวังหลินกะพริบเป็นแสงน่ากลัว เขาเปลี่ยนร่างเป็นหมอกควัน เมื่อกลุ่มเซียนของแคว้นมารเขียวได้ผ่านไป จึงพุ่งออกมาและเข้าสู่หูของเซียนหนึ่งในนั้น

เซียนคนนั้นหยุดชะงัก ดวงตาเผยความสับสน ทว่าความสับสนกลับกลายเป็นความสงบนิ่งและรีบเข้าไปใกล้ธงสามผืนและสตรีด้านล่าง

จังหวะที่หวังหลินพุ่งออกมาจากสายหมอกและเข้าสู่หูของเซียนคนนั้น เข็มทิศในมือนางสั่นไหวเล็กน้อยราวกับกำลังเตือน นางหันกลับมามองทันที แต่พอนางมอง ทุกอย่างก็จบลงแล้ว

ชายหนุ่มถือพัดด้านข้างสังเกตท่าทีของนางได้จึงรีบถาม “เกิดอะไรขึ้น?”

“มีบางอย่างผิดปกติ เข็มทิศสั่นเองถือเป็นคำเตือน น่าจะเป็นเพราะมีเซียนที่ไม่ได้มาจากแคว้นมารเขียวเข้าสู่ทะเลโอสถ!!” นางมีท่าทีเคร่งเครียด

“คนผู้นี้ซ่อนตัวเป็นอย่างดี ข้าไม่สามารถตามหาเขาเจอได้เลย พี่ใหญ่จ้าว ช่วยข้าหน่อย ข้าจะย้อนคืนเข็มทิศเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นตอนนั้น!”

ชายหนุ่มหน้าขาวยกแขนขวาขึ้นมาวางบนหลังนางโดยไม่ลังเล นางสูดหายใจลึก ดวงตาเผยแสงประหลาด จ้องมองเข็มทิศในมือและใช้วิธีที่อาจารย์สอนนาง แขนซ้ายสร้างผนึกและชี้ไปที่เข็มทิศ

นางไม่ได้สังเกตว่ากลุ่มเซียนจากแคว้นมารเขียวที่นางส่งไปและกำลังกลับมา พวกนั้นกำลังเข้ามาใกล้นางขึ้นเรื่อยๆ!

มีสายตาซุกซ่อนจิตสังหารเอาไว้กำลังปรากฏภายในกลุ่มเซียน!