ตอนที่ 84

Kill the Hero

Kill the Hero 084

‘เขาสังเกตเห็นแล้ว’

ช่วงเวลาที่ ซุซุกิ เอจิ แสดงสีหน้าเย็นชาแทนที่จะโกรธ บอกให้คิมวูจินรู้ว่าแผนของเขาถูกสังเกตเห็นแล้ว

ตามที่ ซุซุกิ เอจิ คิด คิมวูจินไม่ได้ตั้งใจจะสู้กับเขาที่นี่วันนี้

เหตุผลนั้นค่อนข้างง่าย

‘วิธีดีที่สุดคือการไม่สู้ในศึกที่จะพ่ายแพ้’

และนั่นเป็นเพราะ ซุซุกิ เอจิ ในปัจจุบันนี้แข็งแกร่งกว่าคิมวูจินมาก

สถานการณ์ต่างไปจากเหตุการณ์ของยังจีฮุนมาก ความแตกต่างของระดับระหว่างพวกเขาสูงมาก

ปัจจุบัน ซุซุกิ เอจิ อยู่ที่เลเวล 55 ซึ่งสูงกว่าคิมวูจินมากกว่า 10 เลเวล

นอกจากนี้ยังมีความแตกต่างในด้านทักษะ และประสบการณ์ เห็นได้ชัดจากวิธีที่สมาคมเมสสิอาห์ปฏิบัติต่อทั้งสองคน

ถ้ายังจีฮุนมีประสบการณ์ และทักษะที่ดีกว่า ซุซุกิ เอจิ เขาก็จะกลายเป็นหมาล่าเนื้อแทน

ในที่สุด ซุซุกิ เอจิ ก็เป็นคนที่ถูกเลือก

‘เลือดพิษใช้ไม่ได้กับแหวนของแลนเซลอต’

ไม่มีผลกระทบด้านลบใด ๆ ส่งผลต่อไอเทมในตำนานที่เรียกว่าแหวนทะเลสาบได้

‘ราชาแห่งพิษรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว’

มันเป็นเหตุผลที่ใหญ่ที่สุดว่าทำไมราชาแห่งพิษจึงตั้งเป้าโจมตีอัศวินโต๊ะกลมในอดีต

แหวนของแลนเซลอต คือส้นเท้าอคิลลีสของราชาแห่งพิษ

แน่นอนว่านี่เป็นความตั้งใจของสมาคมเมสสิอาห์

พวกเขามียาแก้พิษในรูปแบบแหวนของแลนเซลอต ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กลัวที่จะใช้อาวุธที่เรียกว่าราชาแห่งพิษ

และคิมวูจินก็จะไม่มีวันลืมความจริงข้อนั้น

ไม่ใช่แค่ ซุซุกิ เอจิ จะแข็งแกร่งกว่าตัวเขาเอง แต่เขายังใช้เลือดพิษที่เป็นหนึ่งในทักษะหลักของเขาไม่ได้

‘ถ้านายสังเกตเห็นแล้ว การยึดติดกับมันไปก็ไม่มีความหมาย’

ดังนั้นคิมวูจินจึงไม่ลังเล

“ถอย! “

เมื่อคิมวูจินตะโกนสั่ง เขาก็หันหลังหนีเข้าไปในป่าพร้อมกับทหารโครงกระดูกทันที

 

สิบสองคน

นี่คือจำนวนสมาชิกในทีมที่ ซุซุกิ เอจิ เตรียมไว้โจมตีดันเจี้ยน

ตัวเลขไม่ได้มีความหมายเป็นพิเศษ มันเป็นแค่หมาล่าเนื้อที่มีประสบการณ์ และมีความตื่นตัวในระดับที่จำเป็นสำหรับดันเจี้ยน

องค์ประกอบของทีมก็ไม่มีอะไรพิเศษ

แต่ด้วยเลเวลเฉลี่ย 53 พลังโดยรวมของพวกเขาก็มากเกินพอที่จะจัดการดันเจี้ยนระดับ C+ นี้ได้

แต่สามในสิบสองคนถูกฆ่าทันทีที่เข้ามา

ไม่นานหลังจากนั้นอีกหกคนก็ถูกฆ่าตายในการต่อสู้ที่ตามมา

มีคนตายเก้าคนในทันที และตอนนี้เหลือแค่สามคนเท่านั้น

ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ซุซุกิ เอจิ จึงพูดว่า

“เขาเป็นเนโครแมนเซอร์ ถ้าเราให้เวลาเขา เราจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ”

พวกเขาเป็นคนที่จะเสียเปรียบในระยะยาว

“เราต้องไล่ล่าเขา”

ดังนั้น ซุซุกิ เอจิ กับคนของเขาจึงเริ่มไล่ตามคิมวูจิน

มันเป็นตัวอย่างการตัดสินที่ชาญฉลาดในส่วนของซุซุกิ เอจิ

คำตอบที่ถูกต้องที่มีแค่คนไม่กี่คนเท่านั้นที่ไปถึง

ถ้าเขาตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับที่ ซุซุกิ เอจิ เป็นอยู่ในตอนนี้ คิมวูจินเองก็คงจะทำแบบเดียวกัน

มีเพียงปัญหาเดียว

 

[คุณเชื่อมต่อกับโครงกระดูก]

 

คิมวูจินสามารถใช้หน้ากากกริมรีปเปอร์ เพื่อจัดการกับพวกเขาได้

ยิ่งไปกว่านั้น คิมวูจินยังเป็นหมาล่าเนื้อที่มีประสบการณ์ในการติดตามเหยื่อมากกว่าใคร ๆ หมาล่าเนื้อที่ฉลาดจะรู้วิธีติดตามเป้าหมาย และรู้ว่าต้องทำยังไงเพื่อรบกวนการติดตาม

“เวรเอ้ย!”

เมื่อต้องเผชิญกับการทำงานหนักของคิมวูจิน ซุซุกิ เอจิจึงถูกบังคับให้เสียเวลาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

และเขาก็ต้องจ่ายด้วยเวลา เวลาที่มีค่าดั่งทองคำ

คิมวูจินเปิดเผยตัวอีกครั้ง คราวนี้มีทหารโครงกระดูก 25 ตัวตามมาด้วย

3 วันแล้วที่พวกเขาเข้าสู่ดันเจี้ยน

“ฮู่ว”

การปรากฏตัวของ ซุซุกิ เอจิ สงบกว่าที่คิด ถ้ามองจากสถานการณ์ของเขา

แต่สภาพแวดล้อมของเขา เขาจะทำอะไรก็ได้นอกจากความสงบ

บูม!

เขาไม่อาจพบกับความสงบได้ เพราะทหารโครงกระดูก 23 ตัว ยังลุกไหม้ด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้

“ฮู่ว”

อย่างไรก็ตาม ซุซุกิ เอจิ ดูเหมือนจะไม่สงบลงง่าย ๆ แม้จะสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วก็ตาม

และมันไม่ใช่การหลอกลวง

‘ความตายเป็นสิ่งเดียวที่ไม่มีใครหนีพ้นไปได้’

 

เวลานี้ เขาตั้งใจจะสู้ในศึกครั้งนี้ให้เหมือนกับเป็นครั้งสุดท้ายของเขา เขาพร้อมที่จะตาย

มันเป็นการตัดสินใจที่เยือกเย็นมาก

‘ไม่มีเหตุผลที่ฉันจะแพ้ให้กับโครงกระดูกกลุ่มนี้’

ตลอดระยะเวลาที่เสียคนไป 12 คน ซุซุกิ เอจิ ก็ตระหนักได้ว่าทหารโครงกระดูกไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อเขาเลย

‘อาจเป็นเพราะเขาไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะฉันได้’

ขณะเดียวกัน เขาก็ตระหนักดีว่าการตัดสินใจละทิ้งลูกน้องทั้งหมดด้วยวิธีนี้ เป็นการเลือกเพื่อสร้างจุดสิ้นสุด เพราะเขาไม่สามารถเอาชนะเขาด้วยตัวเองได้

‘เขาอาจจะคิดแบบเดียวกัน’

ในที่สุด ซุซุกิ เอจิ ก็รู้ว่าความคิดของคิมวูจินเหมือนกันกับเขาทุกประการ

“ออกมา”

นั่นเป็นสาเหตุที่ ซุซุกิ เอจิ เรียกคิมวูจินออกมา และในที่สุดเขาก็ปรากฏตัว

ซุซุกิ เอจิ จ้องมองหน้ากากหัวกะโหลกอยู่นาน

“ไอแซค อิวานอฟ …ไม่ นั่นน่าจะเป็นนามแฝง คิมวูจินสินะ?”

คิมวูจินไม่ตอบ เพราะเขารู้

สิ่งที่ ซุซุกิ เอจิ กำลังทำอยู่ตอนนี้ไม่ใช่การครุ่นคิดว่าเขาเป็นใคร แต่ต้องการสิ่งที่อยู่ในหัวของเขา

‘สัตว์ประหลาดที่บ้าคลั่ง’

ซุซุกิ เอจิ แยกเขี้ยวใส่คิมวูจินที่ไม่ยอมหลงกลเขา เขายอมรับว่าไม่ได้อะไรจากการสนทนานี้เลย

ทั้งสองฝ่ายเงียบลงตามธรรมชาติ และในความเงียบ ซุซุกิ เอจิ ก็เริ่มจำลองการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึง

‘ถ้าฉันโจมตีเขา ทหารโครงกระดูกก็จะขัดขวางฉัน จากนั้นฉันก็จะกำจัดโครงกระดูกพวกนั้นได้’

ครั้งนี้เขาตั้งใจจะใช้เทคนิคที่คิมวูจินเคยใช้มาก่อน

‘พิษของเขาใช้ไม่ได้ผลกับฉันอยู่ดี ดังนั้นฉันจะเข้าไปหาเขาตรง ๆ หลังจากที่ทำลายโครงกระดูกแล้ว’

เขาตัดสินใจจะทำความสะอาดบริเวณรอบ ๆ ก่อนจะเล็งไปที่หัว

นั่นคือเหตุผลที่เขาปล่อยให้ตัวเองถูกล้อมไว้ เขาใช้ตัวเองเป็นเหยื่อ เพื่อรวมโครงกระดูกทั้งหมดมาไว้ในที่เดียว

‘ทหารโครงกระดูกไม่ใช่ภัยคุกคามของฉัน’

นี่คือการตัดสินใจหลังจากที่เขาได้ทดสอบความแข็งแกร่งของทหารโครงกระดูกอย่างละเอียดแล้ว มันไม่ใช่การตัดสินใจแบบไร้หัวคิด

คิมวูจินมอง ซุซุกิ เอจิ ที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ และพูดว่า

“การป้องกันของสุริยัน”

 

[การป้องกันของสุริยันเปิดใช้งาน]

 

เมื่อเขาพูดคำเหล่านี้ก็มีแสงสีทองเปล่งออกมาจากสร้อยที่คอของคิมวูจิน

“ออร่าฟิลด์”

และตามด้วยคาถาต่อมา แสงสีทองก็กระจายออกจากร่างของเขา

เมื่อเห็นแบบนี้ ซุซุกิ เอจิ ก็อดจะตะโกนไม่ได้

“สร้อยคอของกาเวน!”

บูม!

การต่อสู้เริ่มขึ้นด้วยเสียงตะโกนนั้น

 

“ฮู่ว”

คิมวูจินที่ถอนหายใจยาว ดึงดาบสไตล์ญี่ปุ่นออกจากต้นขาซ้ายของเขา

ชึบ!

หลังจากดึงดาบออกมา เลือดก็ไหลราวกับน้ำพุ ภาพที่เห็นทำให้คนที่เห็นรู้สึกเจ็บไปด้วย

“ช่องเก็บของ”

แต่คิมวูจินแค่หยิบยาออกมาจากคลังด้วยมือข้างหนึ่ง ขณะที่ใช้มืออีกข้างกดบาดแผลเอาไว้ โดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนเลยสักนิด

ติ๋ง!

จากนั้นก็เทยาลงบนแผลโดยตรง

แต่การที่เลือดไหลไม่หยุด ถ้าเป็นคนอื่นบาดแผลนี้อาจจะถึงแก่ชีวิตได้

หลังจากกิน และเทยาเพิ่มไปอีกสองสามครั้ง คิมวูจินก็ทำให้เลือดไหลช้าลงได้ แต่แผลยังคงเปิดอยู่

แต่คิมวูจินก็พอใจกับผลลัพธ์นี้

‘ถ้าไม่ใช่เพราะทักษะเลือดของฉัน ฉันอาจจะตายที่นี่ก็ได้’

เขารักษาบาดแผลได้โดยใช้ทักษะบางอย่าง แน่นอนว่าคิมวูจินไม่สามารถขยับร่างกายในขณะนี้ได้ เขาจึงจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากบางสิ่ง

แซ่ก!

จากนั้นโครงกระดูกก็ปรากฏขึ้น และรอบ ๆ โครงกระดูกก็มีภูเขากระดูก

‘เขาน่าทึ่งมาก’

ซุซุกิ เอจิ แข็งแกร่งจริง ๆ

ถ้าไม่ใช่เพราะหนังสือแห่งความตาย และถ้ามันไม่ใช่เพราะสร้อยคอของกาเวน ตอนนี้คิมวูจินคงกลายเป็นคนตายไปแล้ว

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยกับความคิดนั้น

‘ฉันประเมินเขาต่ำเกินไป’

สำหรับคิมวูจิน ถึงแม้มันจะดูน่ารังเกียจ แต่เขาก็ชอบได้รับชัยชนะแบบไร้รอยขีดข่วนมากกว่าชัยชนะที่เปื้อนเลือด

อย่างไรก็ตามเขาชนะ และมันไม่ใช่แค่ชัยชนะ

นี่คือชัยชนะที่มีค่าที่สุดที่เขาเคยมีมา

 

[คุณเชื่อมต่อกับโครงกระดูก]

 

ด้วยการใช้ทหารโครงกระดูก เขาได้รับไอเทมที่มีค่าที่สุดจากชัยชนะของเขา แหวนที่นำมาจากร่างของ ซุซุกิ เอจิ ที่มีรูปร่างเหมือนเม่นมีหนาม และดาบติดอยู่ทั่วตัว

 

[แหวนของแลนเซลอต]

– ระดับ : ตำนาน

– ต้องการ : Lv1+

– รายละเอียด : แหวนของแลนเซลอต ของขวัญจากราชินีแห่งทะเลสาบ มีอำนาจในการปกป้องเจ้าของจากสิ่งที่ไม่สะอาดทั้งหมด

– พลังเวท +100 เมื่อสวมใส่

– เพิ่มความต้านทานสูงต่อเอฟเฟกต์สถานะเชิงลบทั้งหมด

 

‘ตอนนี้ส้นเท้าอคิลลีสของราชาแห่งพิษอยู่ในมือฉันแล้ว’

ไอเทมนี้เป็นหลักฐานที่มีค่าที่สุดถึงชัยชนะของเขา แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดที่เขาได้รับจากชัยชนะครั้งนี้

‘ที่เหลือก็คือการมอบ ซุซุกิ เอจิ เป็นการเสียสละให้กับโอเซชาน’

มอบเอกลักษณ์ของ ซุซุกิ เอจิ ให้กับโอเซชาน (TL : สิ่งที่ระบุตัวตนของซุซุกิ เอจิ )

แน่นอนว่าคิมวูจินไม่ได้ลืม

 

[ดวงตาแห่งอนูบิสเปิดใช้งาน]

 

ว่าการล่าของเขายังไม่เริ่มต้นอย่างแท้จริง