ตอนที่ 1756 ล้มเหลว?

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 1756 ล้มเหลว?

จางเซวียนหันขวับไปมองหลัวลั่วชิง เห็นเธอส่งยิ้มให้ความมั่นใจ เหมือนเธอจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น

เมื่อรู้ว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เกินความคาดหมาย จางเซวียนแอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะมองหยวนเทาอย่างเป็นห่วงอีกครั้ง ร่างของอีกฝ่ายยังคงพองโตขึ้นเรื่อยๆ ภายในเวลาไม่ถึง 1 นาที ความสูงของเขาก็พุ่งพรวดไปถึง 8 เมตร ดูเหมือนร่างพร้อมระเบิดได้ทุกขณะ

หากทุกอย่างเลวร้ายไปกว่านี้ จางเซวียนก็พร้อมที่จะก้าวเข้าไปช่วยชีวิตลูกศิษย์ของเขา

“นี่คือบททดสอบของหยวนเทา ถ้าเขาสามารถรับมือกับภาพลวงตานั้นได้ ที่เหลือก็ไม่ใช่ปัญหา” หลัวลั่วชิงส่งโทรจิตบอกจางเซวียน

“รับมือกับภาพลวงตา?” จางเซวียนประหลาดใจที่ได้ยินคำนั้น ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในสมอง เขาหรี่ตาด้วยความตกใจ “คุณหมายความว่า…ตอนนี้หยวนเทากำลังพยายามซึมซับภาพลวงตาเข้าสู่ร่างของเขาหรือ?”

จางเซวียนใช้พลังปราณเทียบฟ้าห่อหุ้มภาพลวงตาไว้ก่อนจะใส่มันเข้าไปในร่างของหยวนเทา เขาคิดว่าจะเก็บภาพลวงตานั้นไว้ในร่างของหยวนเทาเพียงชั่วคราว แต่ฟังจากที่หลัวลั่วชิงพูด…หยวนเทาน่าจะกำลังพยายามซึมซับภาพลวงตานั้น

ภาพลวงตาคือสิ่งก่อตัวขึ้นจากคำสอนยาวนานหลายปีของปรมาจารย์ขง ไม่มีทางคาดเดาได้ว่ามันทรงพลังแค่ไหน แต่ความรู้เรื่องวรยุทธและเทคนิคการต่อสู้ที่มีอยู่มากมายในนั้นสามารถทำให้ใครก็ตามคลุ้มคลั่งได้!

แค่การที่กลุ่มคนจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์เพียรพยายามเพื่อให้ได้แท่นสูงตระหง่านนี้มา ก็บ่งบอกชัดแล้วว่าภาพลวงตานั้นล้ำค่า

การได้ซึมซับความรู้มากมายแบบนั้นเป็นเสียยิ่งกว่าความโชคดีครั้งใหญ่ เหนือชั้นไปกว่าการได้ฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์โบราณเสียอีก

“อสูรนรกลวงตาเป็นอสูรที่ปรมาจารย์ขงทำให้มันยอมจำนนด้วยตัวเขาเอง และมันเก็บงำหัวใจของวิหารแห่งขงจื๊อส่วนหนึ่งไว้ มันมีต้นกำเนิดเดียวกันกับภาพลวงตา ทำให้ภาพลวงตาสามารถหลอมรวมเข้ากับมันได้อย่างไร้ที่ติ คุณได้ทำหน้าที่อย่างที่อาจารย์คนหนึ่งควรทำแล้ว ส่วนหยวนเทาจะไปได้ไกลแค่ไหนนั้น เป็นเรื่องที่เขาต้องตัดสินใจเอง” หลัวลั่วชิงเปรยขณะจ้องมองหยวนเทาอย่างสุขุม

ได้ยินคำนั้น จางเซวียนอดกลืนน้ำลายไม่ได้

คนรักของเขาช่างไม่ธรรมดาจริงๆ! คงไม่มีใครในทวีปแห่งปรมาจารย์ที่จะนึกฝันถึงการเล่นงานภาพลวงตาที่ปรมาจารย์ขงทิ้งไว้ แต่คนรักของเขามีกลยุทธ์ที่ทำให้หยวนเทาสามารถซึมซับภาพลวงตาเข้าสู่ร่างของตัวเองได้ ช่างเหนือชั้นจริงๆ

ก่อนหน้านี้ เขาเคยคิดว่าเธออาจเป็นผู้เชี่ยวชาญจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ แต่เท่าที่เห็น ก็ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น คงไม่มีทางที่ทายาทของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์จะปฏิบัติต่อภาพลวงตาของปรมาจารย์ขงด้วยวิธีการแบบนี้

“นำมันออกมาเดี๋ยวนี้นะ!”

ในเวลาเดียวกัน เหยียนเฉว่กับคนอื่นๆก็เพิ่งรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ใบหน้าของพวกเขาแดงก่ำอย่างโกรธจัด ดูเหมือนพร้อมระเบิดได้ทุกขณะ

ทุกคนลงทุนลงแรงไปมากมายเพื่อนำแท่นและภาพลวงตาออกมา แต่ใครจะไปคิดว่าทั้งๆที่วางแผนมาอย่างดี แต่ลงท้าย ทรัพย์สมบัติของพวกเขาก็ต้องตกเป็นของคนอื่น

ฟึ่บ!

เหยียนเฉว่ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาชักดาบออกมาแล้วเตรียมพุ่งตรงเข้าจ้วงแทงหัวใจของหยวนเทาจากด้านหลัง ขณะที่กำลังกวัดแกว่งดาบ ก็เกิดเสียงเคร้งคร้างของโลหะดังขึ้นกลางอากาศ ราวกับดาบนั้นเสียดสีกับบรรยากาศโดยรอบ การเคลื่อนไหวแต่ละท่วงท่าดูจะแข็งแกร่งและรวดเร็วขึ้นกว่าเดิม เหมือนว่าโลกทั้งโลกเพิ่มพละกำลังให้กับศิลปะเพลงดาบของเขา

แม้จะอายุยังน้อย แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาสำเร็จแก่นสารเพลงดาบแล้ว ก็เหมือนกับจางเซวียน เขาน่าจะสำเร็จแก่นสารอย่างน้อยก็ 2 รูปแบบ!

“ฮึ่มมมม!” เห็นการโจมตีของเหยียนเฉว่ จางเซวียนเลิกคิ้วและคำราม

เขาชักหอกสวรรค์กระดูกมังกรออกมาและพุ่งเข้าบังหยวนเทาไว้ จากนั้นก็เงื้อหอกขึ้นด้วยพละกำลังอันน่าทึ่ง

แม้ระดับวรยุทธของจิตวิญญาณของจางเซวียนจะอยู่ในขั้นแรงผลักดันสัญชาตญาณโลกจารึก แต่ก็สามารถต่อกรได้อย่างสมน้ำสมเนื้อกับนักรบขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึกโดยปราศจากปัญหาใดๆ

เคร้งงงง!

หอกปะทะกับคมดาบของเหยียนเฉว่ ในชั่วพริบตา มันก็ต่อสู้กัน คลื่นความสั่นสะเทือนอันน่าสะพรึงแผ่ออกไปโดยรอบ ทำลายทุกสิ่งที่ขวางทาง แม้แต่มิติก็ดูเหมือนจะเกิดรอยร้าวเพราะการโจมตีนั้น รอยแยกของมิติขนาดเล็กปรากฏขึ้นทั่วบริเวณ

“จางเซวียน, รู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังทำอะไรอยู่? หากไม่มีภาพลวงตาของปรมาจารย์ขงคอยอารักขาพื้นที่นี้ไว้ วิหารแห่งขงจื๊อทั้งหลังจะต้องสูญเสียรากฐาน มิติแห่งนี้จะถูกเล่นงานโดยคลื่นความสั่นสะเทือนของมิติและเวลา พวกเราอาจต้องติดอยู่ในรอยแยกของมิติและเวลาไปชั่วกัปชั่วกัลป์ ไม่อาจกลับคืนสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้!” เหยียนเฉว่ตวาดก้องขณะเข้าโจมตีอย่างบ้าคลั่งครั้งแล้วครั้งเล่า

“ก็ในเมื่อคุณรู้ว่าอะไรจะเกิดตามมา ทำไมถึงยังคิดให้ลูกศิษย์ของผมขโมยภาพลวงตาของปรมาจารย์ขงล่ะ?” จางเซวียนไม่สะทกสะท้านกับคำถามของเหยียนเฉว่ เขาตอบอย่างสุขุมขณะรับมือกับการโจมตีของอีกฝ่ายได้อย่างไร้ที่ติ

ตั้งแต่แรก ก็เป็น 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ที่เตรียมการทุกอย่างเพื่อฉกฉวยแท่นนั้น แต่เมื่อมีบางอย่างไม่เป็นไปตามแผน พวกนั้นก็พร้อมใจกันชี้นิ้วมาที่เขา นี่คือสิ่งที่เหล่าทายาทของ 72 นักปราชญ์พึงกระทำหรือ?

“ผมยอมรับว่าพวกเราพยายามจะขโมยภาพลวงตา แต่แท้ที่จริงแล้วเรามีแรงบันดาลใจอื่น…” ยังไม่ทันที่เหยียนเฉว่จะพูดจบ รังสีทรงพลังก็กวาดทั่วพื้นที่บริเวณนั้น ราวกับมีคลื่นขนาดใหญ่ซัดสาดเข้ามาขัดขวางการต่อสู้ของทั้งคู่

จางเซวียนกับเหยียนเฉว่แยกจากกัน ต่างถอยห่างไปคนละหลายก้าว

จางเซวียนรีบขับเคลื่อนพลังปราณเทียบฟ้าเพื่อเยียวยาอาการบาดเจ็บของตัวเองก่อนจะลุกขึ้นยืนและมองดูบริเวณใจกลางรังสีอันทรงพลังนั้น เขาเห็นว่าความสูงของหยวนเทาเพิ่มขึ้นจนเกินกว่า 10 เมตร หยวนเทาดูราวกับยักษ์ที่มีพละกำลังเหนือชั้นกว่าใครๆในโลก

ฟึ่บ!

หยวนเทาเงยหน้าและคำรามเดือด เขากลืนร่างอวตารของหลงชีที่อยู่เหนือศีรษะของเขาลงไป พริบตาต่อมา รังสีของเขาก็แผดกล้าขึ้นอย่างต่อเนื่อง

วรยุทธขั้นร่างอันทรงเกียรติขั้นกลาง…ขั้นสูง…ขั้นสูงสุด…ขั้นสมบูรณ์แบบ…โลกจารึก!

วรยุทธขั้นแรงผลักดันสัญชาตญาณขั้นกลาง…ขั้นสูง…ขั้นสูงสุด…ขั้นสมบูรณ์แบบ…โลกจารึก!

วรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสาน…

หยวนเทาสำเร็จวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึกได้ในชั่วพริบตา!

แต่ถึงอย่างนั้น พละกำลังของเขาก็ยังพลุ่งพล่านอยู่ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

“เขากำลังจะฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์โบราณหรือ?” จางเซวียนหรี่ตาด้วยความตื่นเต้น

เขาไม่คิดว่าสิ่งนี้จะเป็นความโชคดีครั้งใหญ่ที่เกิดกับหยวนเทา หากเป็นอย่างนี้ต่อไป หยวนเทาอาจเหนือชั้นกว่าจ้าวหย่าและคนอื่นๆ และสำเร็จวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณได้ด้วย!

“พลังงานที่ต้องใช้สำหรับการฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์โบราณนั้นถือว่าเข้มข้นมาก การรวบรวมพลังในเวลานี้ของเขายังคงอ่อนด้อยอยู่ เพราะฉะนั้น การจะทำแบบนั้นได้จึงไม่ง่าย” หลัวลั่วชิงส่ายหน้า สายตาของเธอฉายแววล้ำลึก “อีกอย่าง นิรันดร์กาลของนักปราชญ์โบราณเป็นสิ่งจำเป็นในการฝ่าด่านวรยุทธ ซึ่งที่นี่ไม่มีนิรันดร์กาลของนักปราชญ์โบราณอยู่เลย”

“ไม่ต้องห่วง ผมอยู่ที่นี่แล้ว!”

รู้ดีว่านี่เป็นโอกาสหายากสำหรับลูกศิษย์ของเขา ไม่มีทางที่จางเซวียนจะปล่อยให้หลุดมือ เขากระดิกนิ้วและส่งขวดหยกใบหนึ่งให้หยวนเทาโดยไม่ลังเล

ฟิ้วววว!

ทันทีที่ขวดหยกลอยไปอยู่ตรงหน้าหยวนเทา จุกของมันก็ถูกเปิดออก แล้วหยดเลือดสีแดงก่ำก็ลอยเข้าสู่ริมฝีปากของเขา ไม่ช้า พลังงานมหาศาลก็พลุ่งพล่านทั่วร่างของหยวนเทา ทำให้เขามีพละกำลังเพื่อการผลักดันวรยุทธของตัวเองให้สูงขึ้น

หยดเลือดของนักปราชญ์โบราณ!

โชคดีที่จางเซวียนได้เก็บสะสมหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณเอาไว้บ้างจากการหลอกล่อนักปราชญ์โบราณจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ และนี่คือสถานการณ์เหมาะสมที่สุดที่จะใช้มัน

ในเวลาเดียวกัน เขาก็เปิดภาพผืนผ้าใบสี่ฤดูและปล่อยให้นิรันดร์กาลของนักปราชญ์โบราณพุ่งสู่พื้นที่โดยรอบ

เมื่อมีทั้ง 2 ปัจจัยมาประกอบ หยวนเทาที่ร่างกายแทบระเบิดก็ดูเหมือนจะฝ่าด่านคอขวดเหนียวแน่นที่สกัดกั้นเขาไว้ได้สำเร็จ รังสีของหยวนเทาแผ่ซ่านออกมาอีกครั้ง

รังสีของเขาทรงพลังเสียจนดูเหมือนหมู่เมฆจะสั่นไหวและสายฟ้าก็พร้อมจะฟาดใส่ ต่อให้มิติก็ไม่น่าจะต้านทานพละกำลังของเขาได้นานนัก

ครืนนนนน!

การทดสอบวรยุทธปรากฏ

เปลวเพลิงสวรรค์และสายฟ้าพุ่งตรงมาจากกลางอากาศ ราวกับถึงวันที่โลกพบจุดจบ

แม้แต่เหยียนเฉว่กับพรรคพวกซึ่งตั้งใจจะบังคับให้หยวนเทาคายภาพลวงตาออกมาก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้อีกฝ่าย

พวกเขารู้ทันทีว่าหยวนเทาเพิ่งเรียกการทดสอบนักปราชญ์โบราณมา เป็นบททดสอบสุดท้ายที่นักรบต้องผ่านไปให้ได้เพื่อการฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นสูงกว่าเดิม ความตายอาจเข้ามาได้ทุกขณะเมื่อมีพละกำลังระดับนี้

เปรี้ยงงงง!

เปลวเพลิงสวรรค์ที่แผดเผาไม่หยุดหย่อนและการบ่มเพาะอย่างต่อเนื่องของสายฟ้าขัดเกลาพลังงานที่เดือดพล่านอยู่ในร่างของหยวนเทาอย่างรวดเร็ว ร่างของเขาหดเล็กลงอีกครั้ง ความสูงจาก 10 เมตรกลับไปสู่ระดับความสูงเดิม

ทั้งสายฟ้าและเปลวเพลิงสวรรค์ดูจะสร้างบาดแผลไว้บนผิวหนัง ดูเหมือนหยวนเทาจะค่อยๆเรียนรู้พละกำลังอันน่าสะพรึงทั้งสองของธรรมชาติ แม้แต่มิติก็ดูจะหลบลี้หนีหน้าไปเมื่อต้องเผชิญกับความแข็งแกร่งระดับนี้

“หยดเลือดนักปราชญ์โบราณเหือดแห้งไปหมดแล้ว!”

แต่ไม่ช้า ความก้าวหน้าของหยวนเทาก็หยุดกึก เขากำลังจะฝ่าด่านคอขวดด่านสุดท้ายระหว่างตัวเขากับวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณ แต่พลังงานที่เขามีอยู่กลับไม่เพียงพอ

ปริมาณพลังงานที่ต้องใช้สำหรับการฝ่าด่านวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณนั้นมีมหาศาล ก่อนหน้านี้ จางเซวียนได้หยดเลือดจำนวนหนึ่งจากนักปราชญ์โบราณของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ แต่ตอนนี้ก็ชัดเจนว่ามันมีจำนวนไม่มากพอ

ขณะที่ปริมาณพลังงานในร่างของหยวนเทาถดถอยอย่างรวดเร็ว การทดสอบวรยุทธก็ค่อยๆเสื่อมสลาย ซึ่งไม่ใช่เพราะหยวนเทาผ่านการทดสอบ แต่เป็นเพราะถึงจุดสิ้นสุดของมันแล้ว พูดอีกอย่างก็คือ ความพยายามของหยวนเทาในการฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์โบราณนั้นล้มเหลว

โอกาสที่จะได้ฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์โบราณถือว่ามีน้อยมาก ถึงขนาดที่เรียกว่าต้องอาศัยโชคชะตา หากฝ่าด่านวรยุทธไม่สำเร็จ ก็ยากที่จะบอกได้ว่าโอกาสแบบนี้จะผ่านมาอีกครั้งเมื่อไหร่ หรือมันอาจไม่เกิดขึ้นอีกเลยก็ได้

และที่เลวร้ายไปกว่านั้นก็คือ ความยากของการทดสอบนักปราชญ์โบราณครั้งที่ 2 อาจยากขึ้นอีกอย่างน้อย 2 เท่า หรืออีกนัยหนึ่ง แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่นักรบจะฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์โบราณได้สำเร็จหากล้มเหลวในครั้งแรก

ช่างน่าเสียดายที่ต้องพลาดพลั้งเพราะมีพลังงานไม่มากพอ

“ความพยายามของเขาจะต้องสูญเปล่าแบบนี้หรือ?” จางเซวียนพึมพำด้วยสีหน้าเคร่งเครียด