ในที่สุด เฉินเกอก็เจอหลีจิ่วกับหวงหลางในห้องเก็บศพของโรงพยาบาลเอกชนเมืองหลี่ว่าน ตอนที่เขาไปถึง ทั้งสองคนก็หมดสติไปแล้ว แต่ก็ต้องขอบคุณที่สัญญาณชีพของพวกเขายังคงที่ดีอยู่ พวกเขาไม่ได้ต้องการการดูแลจากแพทย์ในทันที รอยฝ่ามือของเด็กชายที่หลังคอหวงหลางก็หายไปแล้ว ถงถงคือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้– เขายังเป็นผู้จัดการกับการโทรศัพท์ระหว่างสองคนนี้ด้วย
“ไปเอารถเข็นจากห้องเก็บศพใต้ดินมาให้ฉันหน่อยสิ” เฉินเกอลากค้อนและหันไปออกคำสั่งผู้ป่วยที่ยืนระวังอยู่ข้าง ๆ หลีจิ่ว “ไม่ต้องห่วง ฉันไม่โทษนายหรอก นายหลอกผู้เข้าชมที่ยังฝ่าฝืนกฏและใช้โทรศัพท์ในบ้านผีสิงหลังจากการตักเตือนหลายครั้งได้ตามสบาย นอกจากนี้ ฉันยังเชื่อว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อก่อเรื่อง ดังนั้นถ้ามองในแง่นี้แล้ว นายทำหน้าที่ได้ดีมาก
“พวกเรามีพนักงานที่เป็นคุณหมอที่เก่งที่สุด และฉันยังวางแผนจะลงทุนในอุปกรณ์การแพทย์ทันสมัยสักชุดหนึ่งเมื่อมีเงินพอ แบบนั้นผู้เข้าชมก็จะสามารถสนุกสุดเหวี่ยงได้โดยไม่ต้องเป็นกังวลเมื่ออยู่ในบ้านผีสิง”
เห็นความใจกว้างของเฉินเกอแล้ว ผู้ป่วยที่ยืนเอียงตัวไปมาอย่างกระวนกระวายก็รีบพยักหน้าแล้วเตรียมจะกลับออกไป
“เดี๋ยวก่อน” เฉินเกอหันไปมอง “ทำไมนายถึงรีบร้อนนัก? นี่นายคนเดียวหลอกจนสองคนนี้หมดสติไปเลยเหรอ?”
ผู้ป่วยคนนั้นมองโต๊ะผ่าศพที่ปูผ้าขาวเอาไว้แล้วหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พยักหน้า
“โรงพยาบาลเอกชนเมืองจิ่วเจียงต้องมีหัวหน้า และนายก็ไม่เลวเลย ต่อไปฉันจะดูแลให้การฝึกฝนนายให้มากขึ้น” เฉินเกอไม่ได้พูดเล่น– เขาไม่เคยพูดล้อเล่น “การจะเปลี่ยนไปเป็นวิญญาณสีเลือดนั้นเป็นการเดินทางอันยากลำบาก แต่การเป็นกึ่งวิญญาณสีเลือดก็ยังคงง่ายพอที่จะทำได้”
ผู้ป่วยคนนั้นนิ่งงันไป ตอนที่หลอกผู้เข้าชมก่อนหน้านี้เขาสนุกมากทีเดียว ผีทั้งกลุ่มไล่ตามทั้งสองคนอยู่เกือบสิบนาที และจนพวกเขาหมดสติไปพวกเขาถึงได้ตระหนักได้ว่าบางทีพวกตนจะล้ำเส้นไปเสียแล้ว…
ภาพของชายน่ากลัวคนหนึ่งวาบผ่านเข้ามาในใจพวกเขา และผู้ป่วยหลายคนก็สลายหายไปอย่างเร่งร้อน เหลือไว้เพียงชายผู้ซื่อตรงคนเดียวเท่านั้น อันที่จริง เขาเองก็รู้สึกผิดกับเรื่องทั้งหมดนี่อยู่บ้าง เขาได้ทำดีที่สุดแล้วในการทำตามคำเรียกร้องของผู้เข้าชม แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็พบว่าตัวเองถูกปั่นหัวเล่น นั่นทำให้ผีทั้งโรงพยาบาลบ้าคลั่งขึ้นมา ตอนนี้เมื่อผู้เข้าชมหมดสติไป เขาก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนร้ายเบื้องหลังเรื่องนี้ ดังนั้นจึงรั้งอยู่เพื่อรับการลงโทษ
เขาพร้อมที่จะถูกลงโทษแล้ว แต่เขาก็ต้องประหลาดใจ เฉินเกอไม่เพียงไม่โทษเขา แต่ยังสัญญาว่าจะช่วยให้เขาพัฒนาไปเป็นกึ่งวิญญาณสีเลือด อารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงวูบวาบเช่นนี้กระตุ้นความรู้สึกอันอธิบายไม่ได้ในใจของเขาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น
“เอาละ เลิกยืนเฉยอยู่ได้แล้ว ช่วยไปเอารถเข็นจากห้องเก็บศพใต้ดินมาทีแล้วส่งพวกเขาออกจากฉาก”
ผู้ป่วยคนนั้นลอยออกไปด้วยท่าทางยินดี ในขณะเดียวกัน เฉินเกอก็นั่งลงที่ข้าง ๆ หลีจิ่วและหวงหลางและเริ่มการตรวจสอบ “หลีจิ่วแต่งหน้าเอาไว้ ทำไมผู้เข้าชมอย่างเขาถึงมาที่บ้านผีสิงของฉันและยังแกล้งทำตัวเป็นผีด้วย? นี่เขาพยายามหลอกพนักงานของฉันอยู่เหรอ?
“หวงหลางมาที่บ้านผีสิงของฉันและเริ่มไลฟ์สตรีม เขาวางแผนจะเปิดเผยการออกแบบบ้านผีสิงของฉันต่อหน้าคนหลายหมื่น หลีจิ่วมาที่บ้านผีสิงของฉันเพื่อปลอมตัวเป็นพนักงานเพื่อสร้างปัญหา สองคนนี้มีหน้าที่ต่างกันชัดเจน– นี่ย่อมวางแผนเอาไว้แน่นอน” เฉินเกอพบกระเป๋าเครื่องสำอางเล็ก ๆ ที่ในกระเป๋าเสื้อของหลีจิ่ว และในนั้นยังมีบัตรผ่านเข้าสวนสนุกแห่งอนาคต ตอนนี้สวนสนุกแห่งอนาคตยังไม่เปิดสู่สาธารณะ และเครื่องเล่นด้านในก็ยังห่อหุ้มเอาไว้ การจะเข้าไปที่นั่นต้องมีบัตรผ่าน
“อย่างที่ฉันคาดเอาไว้เลย พวกเขามีความเกี่ยวข้องกับสวนสนุกแห่งอนาคต” เฉินเกอเก็บทุกอย่างที่เขาเจอเข้าที่ เขาไม่ได้ยึดอะไรเอาไว้เลย “สวนสนุกแห่งอนาคตกำลังจะเปิดในไม่ช้านี้แล้ว ดังนั้นไม่มีเวลาให้เสียแล้ว ฉันต้องปล่อยฉากระดับสี่ดาวสู่สาธารณะก่อนที่พวกเขาจะเปิดให้บริการ!”
เฉินเกอลุกขึ้นแล้วลากค้อนออกไปจากโรงพยาบาลเอกชนเมืองหลี่ว่าน
…
ที่ชั้นใต้ดินชั้นที่สองของเขตที่พักอาศัยเมืองหลี่ว่าน ชิโนซากิและผู้ช่วยสาวของเขานั้นตั้งใจแกะเทปกาวอยู่ในห้อง นี่เป็นภารกิจที่เว่ยจินหยวนมอบให้พวกเขา แต่ว่า พวกเขาก็ต้องตกใจ หลายนาทีก่อน เสียงกรีดร้องแหลมขอความเมตตาของเว่ยจินหยวนดังมาจากส่วนลึกของตึกนี้
พวกเขาไม่มีใครกล้าหาญอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว และเสียงกรีดร้องของเว่ยจินหยวนก็ทำให้หัวใจของพวกเขาที่เต้นตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ อยู่แล้วเต้นรัวเร็วมากขึ้น
“คุณคิดว่าพวกเราควรจะลงไปดูไหม?” เสี่ยวเซี่ยถามออกไปอย่างสุภาพแม้ว่าความไม่อยากทำจะเขียนเอาไว้บนหน้าของเธออย่างชัดเจนก็ตาม
“ปล่อยเขาไป พวกเราจะทิ้งเรื่องนี้เอาไว้ให้พวกที่เชี่ยวชาญกว่า อย่างไรเสีย เว่ยจินหยวนก็บอกว่าเขาทำงานที่บ้านผีสิง ดังนั้นฉันเชื่อว่าเขามีความสามารถในการรับมือทุกอย่างด้วยตัวเองได้” ชิโนซากิกระแอมอย่างกระอักกระอ่วน ตอนที่เขาเห็นรอยฝ่ามือที่หลังคอของเว่ยจินหยวนก่อนหน้านี้ เขาก็รู้แล้วว่าจะต้องเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
“อย่างนั้นพวกเราควรจะทำอะไรดีคะตอนนี้?” เสี่ยวเซี่ยถามคำถามที่สำคัญมากออกมา ถึงแม้ว่าเว่ยจินหยวนจะดูไม่เหมือนว่าสมองจะทำงานปกติ อย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็รู้สึกได้ถึงความปลอดภัยเมื่ออยู่กับเขา ตอนนี้เมื่อเว่ยจินหยวนถู ‘โจมตี’ ก็เหลือแค่พวกเขาสองคนที่ต้องรับมือกับสัตว์ประหลาดและผีด้วยตัวพวกเขาเอง
“พวกเราห้ามตื่นตระหนก” ชิโนซากิคิดและมีความคิดดี ๆ “พวกเราควรรออยู่ที่นี่ เว่ยจินหยวนมีคู่หูอยู่ในตึกข้าง ๆ นี่ เขาต้องมาที่นี่หลังจากได้ยินเสียงกรีดร้องนี้แน่ ๆ พวกเราก็ค่อยตามเขาไป”
“ได้ค่ะ” เสี่ยวเซี่ยมองไปทางประตูที่ถูกเปิดทิ้งเอาไว้ ถัดไปนั้นเป็นทางเดิมมืด ๆ “ฉันควรจะไปปิดประตูไหม?”
“อืม พวกเราควรจะทำเป็นว่าไม่มีใครอยู่ในห้องนี้ และพวกเราก็จะคอยดูสถานการณ์ที่ด้านนอกผ่านตาแมว
“แต่ว่าพวกเราดึงเทปที่บนประตูออกแล้วไม่ใช่เหรอ?
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสนใจรายละเอียดพวกนั้น”
ทั้งสองคนปิดประตู คอยระวังอยู่ด้านข้าง ชิโนซากิเอนตัวแนบประตูแล้วคอยมองออกไปข้างนอกผ่านตาแมว ทั้งหมดที่เขาเห็นก็คือความมืด– ไม่มีอะไรให้ใช้เป็นข้อมูลได้เลย เสี่ยวเซี่ยเอนตัวพิงกำแพง เหงื่อเย็น ๆ คอยแต่จะไหลลงมาตามใบหน้าของเธอ เพราะอะไรไม่รู้เธอถึงได้รู้สึกวิตกกังวลอย่างไม่น่าเชื่อเหมือนว่ามีคนที่สามอยู่ในห้องกับพวกเขาด้วย
“คุณคะ คุณคิดว่าทำไมเครื่องเรือนที่นี่ถึงต้องพันเทปเอาไว้คะ?”
“ฉันก็ไม่รู้” ชิโนซากิตอบอย่างใจลอย เขาปรับท่าทาง พยายามหามุมที่ดีที่สุดผ่านช่องตาแมว
“เทปนี่ป้องกันไม่ให้สิ่งของพวกนี้แตกออก? เป็นไปได้ไหมว่าเครื่องเรือนพวกนี้เคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเอง? เทปนี่พันเอาไว้ไม่มีช่องว่างเลย หรือคุณคิดไหมว่ามันเป็นเพราะว่าลิ้นชักจู่ ๆ ก็เปิดออกเองได้?” เสี่ยวเซี่ยยังคงไม่รู้ถึงความน่ากลัวของสถานการณ์ที่เธอบรรยายออกมา
“เปิดได้เอง? ทำไมลิ้นชักถึงเปิดได้เองล่ะ?” ชิโนซากิหันไปมองเสี่ยวเซี่ย
“บางทีอาจจะมีอะไรซ่อนอยู่ในเครื่องเรือนพวกนี้ หรือบางทีอาจจะมีตัวตนที่มนุษย์มองไม่เห็นเดินผ่านเครื่องเรือนพวกนี้”
“ตัวตนล่องหน?” ใบหน้าของชิโนซากิซีดลงเล็กน้อย แต่เขาก็พยายามรักษาความมีสติเอาไว้ “ถ้าเป็นอย่างนั้น นี่ก็เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมมากที่จะใส่เอาไว้ในการ์ตูนของฉัน ไม่เลวเลย พวกเรามาที่นี่แค่ไม่กี่นาที แต่ว่าพวกเราได้ความคิดดีงามสองอย่างแล้ว”
“คุณคะ ฉันคิดว่าพวกเราควรจะกลับออกไป ที่นี่ทำให้ฉันรู้สึกขนลุก” เสี่ยวเซี่ยมองไปรอบ ๆ อย่างกระวนกระวาย และเธอก็เพิ่งเห็นว่าเครื่องเล่นดีวีดีที่อยู่ในห้องนั่งเล่นที่ก่อนหน้านี้ปิดอยู่ จู่ ๆ ก็เปิดขึ้น
“นั่นเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ? ยิ่งน่าขนลุกยิ่งดี! ฉันต้องการให้คนที่บอกว่าฉันวาดการ์ตูนเป็นอยู่แนวเดียวเห็นว่าศิลปินที่แท้จริงเชี่ยวชาญทุกแนว!” ชิโนซากินั้นมีพื้นอารมณ์ร้อน และก็มีความจริงอยู่เบื้องหลังการวิจารณ์เพราะว่าการ์ตูนหลายเรื่องของเขานั้นเป็นแนวเดียวกันหมด ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็ยิ่งโกรธ
“ตอนที่พวกเราเข้ามาในนี้ เครื่องเล่นดีวีดีเปิดอยู่ไหมคะ?” เสี่ยวเซี่ยไม่ได้สนใจสิ่งที่ชิโนซากิพูด เธอมองเครื่องเล่นนั่นอย่างสงสัย และตอนที่เธอกำลังมองมันอยู่ สัญญาณไฟที่บนโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่นก็สว่างขึ้นมาด้วยเหมือนกัน
“เร็ว ดูนั่นสิคะ!” เสี่ยวเซี่ยอ้าปากค้างอย่างตกใจ “คุณคะ! ดูเหมือนพวกเราจะไปสะดุดกับดักอะไรเข้าแล้วค่ะ!”
“อย่าตื่นตูม” ชิโนซากิให้สัญญาณเสี่ยวเซี่ยให้สงบใจลง พวกเขาสองคนเดินเข้าไปที่โทรทัศน์ช้า ๆ
“อาจจะมีคนใช้รีโมทควบคุมมันอยู่ ฉันเคยเจอแบบนี้ในบ้านผีสิงแบบญี่ปุ่น นี่ไม่ดีเท่าไหร่ บอสบ้านผีสิงที่น่ากลัวคนนั้นกำลังจะมาทางพวกเราในไม่ช้าแล้ว!” ชิโนซากิตรวจดูโทรทัศน์ บางทีเขาอาจจะไปแตะโดนปุ่มอะไรเข้าเพราะว่าหน้าจอโทรทัศน์จู่ ๆ ก็สว่างวาบขึ้น
แสงเย็น ๆ ส่องบนใบหน้าของทั้งสองคน และพวกเขาก็หันไปทางโทรทัศน์พร้อมกัน คุณภาพของวิดีโอของโทรทัศน์เก่า ๆ นั้นไม่ดีนัก แต่ว่าทั้งสองคนก็ยังบอกได้ทันทีว่าวิดีโอบนโทรทัศน์นั้นกำลังฉายภาพห้องนั่งเล่นที่พวกเขาอยู่
ทุกอย่างนั้นเหมือนกัน มันเหมือนมีคนวางกล้องไว้บนโทรทัศน์เพื่อบันทึกทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้องนั่งเล่น
“กล้องวิดีโอวงจรปิด? แต่ทำไมถึงมีคนติดตั้งกล้องไว้ในบ้านตัวเองล่ะ?” ชิโนซากิและเสี่ยวเซี่ยมองจอนิ่งไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว สิบวินาทีผ่านไป และทั้งสองคนก็พบว่าหน้าจอโทรทัศน์ยังคงฉายภาพเดิม วิดีโอยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร
“ในเมื่อกล้องวงจรปิดถูกติดเอาไว้ในบ้าน ดูเหมือนว่าจะเกิดเรื่องแปลก ๆ ขึ้นที่นี่ และเจ้าของบ้านก็ต้องการค้นหาความจริง” ชิโนซากิดึงลิ้นชักที่ใต้ตู้ทีวีเปิดออก ในนั้นมีแผ่นดีวีดีที่ไม่ติดป้ายอยู่ชุดหนึ่ง พวกมันดูเหมือนจะบันทึกไว้โดยเจ้าของบ้านเอง “คำใบ้ในการหนีออกไปอาจจะซ่อนอยู่ในแผ่นดีวีดีพวกนี้”
ชิโนซากิตั้งใจหาคำใบ้ในลิ้นชักขณะที่เสี่ยวเซี่ยจ้องเป๋งอยู่ที่หน้าจอโทรทัศน์ เธอมีความรู้สึกเหมือนมีบางอย่างกำลังขยับอยู่ในภาพที่ดูเหมือนนิ่งนี้
“นั่นแมลงเหรอ?” เสี่ยวเซี่ยเดินเข้าไปสองสามก้าวแล้วชะโงกหน้าเข้าไปใกล้กับจอเท่าที่ทำได้ เธอมองประตูห้องน้ำในวิดีโอ ประตูนั่นถูกเปิดเอาไว้ครึ่ง ๆ และตรงกรอบประตู มีเส้นผมสีดำสองสามเส้นให้เห็น
“นั่นดูเหมือนเส้นผม” ตอนที่โทรทัศน์เปิดขึ้นทีแรก ใกล้ ๆ กับห้องน้ำไม่มีอะไรเลย ดังนั้นเส้นผมสองสามเส้นนี้จึงเป็นสิ่งที่เพิ่มเข้ามาใหม่ ใจของเสี่ยวเซี่ยเต็มไปด้วยความงุนงง เธอกำลังจะเรียกให้ชิโนซากิมาดูตอนที่เส้นผมบนวิดีโอเริ่มสะบัดด้วยตัวเอง
“เส้นผมขยับได้?” คุณภาพของวิดีโอแย่มากเธอจึงต้องชะโงกเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อมองให้แน่ใจ แต่ว่า ตอนที่เธอเอานตัวเข้าไปหาหน้าจอ ใบหน้าของผู้หญิงคนหนึ่งก็โผล่ออกมาจากในห้องน้ำ!
“อ๊า!” เสี่ยวเซี่ยกรีดร้อง และเธอก็กลัวจนผงะถอยไปล้มอยู่บนโซฟา “ผี! คุณคะ! ในทีวี! เธออยู่ในทีวี!”
ห้องไม่ได้ใหญ่มาก และมันก็เงียบมาก เมื่อเสี่ยวเซี่ยกรีดร้องทำลายความเงียบ กระทั่งชิโนซากิก็ยังค่อนข้างตกใจ เขาวางแผ่นดีวีดีที่ถืออยู่เอาไว้ลงไปและเงยหน้าขึ้นมองหน้าจอ ในโทรทัศน์ ใบหน้าของผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยื่นออกมาจากในห้องน้ำ
ใบหน้านั่นค่อนข้างน่ารักและสิ่งที่ทำให้ชิโนซากิกลัวนั้นก็คือไม่ว่าเขาจะขยับออกห่างจากหน้านั่นแค่ไหน มันก็เหมือนใบหน้านั่นยังจ้องตรงมาที่เขา!
“ไม่เป็นไร อย่าตกใจง่ายอย่างนั้นสิ นี่ก็แค่กลพื้น ๆ ในบ้านผีสิง” แต่ว่า เสียงสั่น ๆ ของชิโนซากินั้นเผยความกลัวของเขาออกมา เขาต้องการปิดโทรทัศน์ลงไป แต่ว่าหาปุ่มปิดไม่เจอ
“คุณคะ ฉันคิดว่าพวกเราควรจะออกไปเดี๋ยวนี้และพวกเราค่อยกลับมาตอนที่มีคนมากับพวกเรามากกว่านี้” ใบหน้าของเสี่ยวเซี่ยซีดเผือดจากความหวาดกลัว แค่ครั้งเดียว และมันก็พอที่จะทำให้เธอหมดแรง เธอรู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงหายไปจากร่างและเธอก็ขยับขาแทบไม่ไหวด้วยซ้ำ “นี่น่ากลัวเกินไปแล้ว คุณคะ คุณจะอยู่ต่อจนกว่าจะจบก็ได้ถ้าต้องการ แต่ว่าฉันยอมแพ้แล้ว”
ตอนที่เธอพยายามจะลุกขึ้น เสี่ยวเซี่ยก็จับที่พักแขนเพื่อพยุงตัวขึ้น แต่ตอนที่เธอหันไปมอง เธอก็เห็นมัน ห่างจากเธอไปแค่สามเมตร ใบหน้าของผู้หญิงคนหนึ่งยื่นออกมาจากในห้องน้ำ เหมือนกับภาพที่เธอเห็นในวิดีโอเปี๊ยบ!
“ฉันคิดว่าฉันเห็นภาพหลอนจากความน่ากลัวทั้งหมดนี่แล้วค่ะ” เสี่ยวเซี่ยหันไปมองที่โทรทัศน์ วิดีโอยังคงแช่อยู่ที่ภาพผู้หญิงคนหนึ่งโผล่ออกมาจากห้องน้ำ “ใช่ นี่เป็นสิ่งที่เล่นอยู่บนโทรทัศน์”
เธอหันกลับไปอีกที และผู้หญิงคนนั้นก็ปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเธอจริง ๆ เธอมีใบหน้าน่ารักและร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยกรีด เลือดมากมายไหลออกจากแผลที่เปิดอยู่
ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวด้วยความกลัว ตอนที่เสี่ยวเซี่ยสูญเสียสติแล้วผงะถอยหลัง เธอก็ใช้เรี่ยวแรงสุดท้ายกรีดร้อง “ผี! มีผี!”
ชิโนซากิยังคงค้นของอยู่ตอนที่ดวงตาของผู้หญิงที่ในวิดีโอนั้นก็มองตามการเคลื่อนไหวของเขา เขาเชื่อว่าบอสนั่นใช้วิธีการเดียวกับดาวินซีตอนที่เขาวาดภาพโมนาลิซ่า แต่ก่อนที่เขาจะทันได้คิดเหตุผล เขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากเสี่ยวเซี่ย ตอนที่เขาหันกลับไป เขาก็ตะลึงไปด้วยความหวาดกลัวเช่นกัน
พวกเขาตรวจดูในห้องหลายรอบแล้วก่อนหน้านี้– มันว่างเปล่าจริง ๆ แล้วทำไม ตอนนี้ ถึงมีผู้หญิงที่เต็มไปด้วยเลือดและบาดแผลปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพวกเขาได้!
นี่ไม่ใช่แค่ความน่ากลัวแต่ว่ามันทำให้หัวใจแทบหยุดเต้น!
คำเตือนจากเสี่ยวเซี่ยหมายความว่าชิโนซากิยังมีเวลาเตรียมตัวบ้าง ถึงแม้ว่าเขาจะตัวสั่นเป็นใบไม้ต้องลม เขาก็ยังไม่ได้สูญเสียการควบคุมร่างกาย ผู้หญิงคนนั้นขวางประตูห้องนั่งเล่นอยู่ และชิโนซากิก็คว้าเสี่ยวเซี่ยและวิ่งเข้าไปในห้องนอน
ปัง!
ประตูกระแทกปิด หัวใจของชิโนซากิเต้นอย่างบ้าคลั่ง และเขาก็เริ่มคิดว่าควรจะเรียกตำรวจดีหรือไม่
“ฉันควรทำยังไง? ตอนนี้ฉันควรทำยังไง?” ชิโนซากินั้นกลัวว่าเขาจะถูกลืมเอาไว้ในบ้านผีสิง ต้องขอบคุณที่เขารู้ตัวขึ้นมาในครู่ต่อมา “ใช่แล้ว ฉันอยู่ในบ้านผีสิง!”
เขาเอนตัวพิงประตูและเริ่มตะโกนออกไปเสียงดัง “พวกเรายอมแพ้แล้ว! พวกเราไม่ต้องการสัมผัสประสบการณ์แล้ว! ออกไปเถอะนะ! ช่วยออกไปแล้วทิ้งพวกเราเอาไว้!”
ไม่มีการตอบสนองจากข้างนอกประตู ไม่มีเสียงฝีเท้าด้วยเหมือนกัน ชิโนซากิพยุงเสี่ยวเซี่ย และพวกเขาก็ไม่มีใครกล้าเปิดประตู
“งั้น… พวกเราอยู่ในนี้จนกว่าบอสจะมาพาพวกเราออกไปไหม?”
หลังจากประสบการณ์นี้ ชิโนซากิก็ไม่แกล้งทำเป็นกล้าอีกแล้ว บ้านผีสิงนี่มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงจิตใจมนุษย์ บ้านผีสิงอื่นนั้นจะให้ผู้เข้าชมได้ผ่อนคลายก่อน และจัดวางความสยองขวัญเอาไว้ในตำแหน่งที่ผู้เข้าชมไม่ทันคาดคิด แต่ว่าบ้านผีสิงนี้ต่างไป พวกเขาหลอกผู้เข้าชมซึ่งหน้าจนกระทั่งวิญญาณของผู้เข้าชมหลุดออกจากร่าง หลังจากที่การระมัดระวังของพวกเขาถูกทำลายโดยสิ้นเชิงแล้ว ความสยองขวัญลำดับต่อไปก็จะมาหาจากมุมที่ต่างออกไป หลอกพวกเขาอย่างต่อเนื่องด้วยความสยองขวัญอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
“ต่อไป ฉันจะเชิญพวกนักเขียนการ์ตูนที่ดูถูกฉันมาที่นี่” ไม่มีเสียงอะไรจากที่นอกประตู และชิโนซากิก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป “ผู้หญิงคนนั้นขวางประตูเอาไว้ให้พวกเราออกไปไม่ได้ ต้องมีเหตุผลในการออกแบบอย่างนี้เป็นไปได้ไหมว่ามีคำใบ้ซ่อนอยู่ที่นี่ในห้องนอนนี้?”
ทิ้งหน้าที่เฝ้าประตูไว้ให้เสี่ยวเซี่ย ชิโนซากิเริ่มค้นห้อง เขาพบบางอย่างที่น่าประหลาดในทันที โต๊ะในห้องนอนนั้นมีปากกาดินสอที่ค่อนข้างเฉพาะหลายด้ามวางเอาไว้
“ปากกาแกรไฟต์ ปากกาลูกลื่น ปากกามาร์กเกอร์?” ชิโนซากิจดจำพวกมันได้อย่างง่ายดาย “ปากกาแกรไฟต์เอาไว้ร่างโครงร่างตัวละคร ปากกาลูกลื่นไว้สำหรับลงรายละเอียดเสื้อและขนตา ขณะที่ปากกามาร์กเกอร์ไว้สำหรับการลงเงาใหญ่ ๆ พวกนี้เป็นปากกาที่จำเป็นกับการวาดการ์ตูน! เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าของบ้านนี่เป็นนักเขียนการ์ตูนคนหนึ่ง?”
การเข้าชมบ้านผีสิงนั้นอาจจะทำให้เขาได้รู้จักเพื่อนใหม่ นี่เป็นสิ่งที่ชิโนซากิไม่คาดคิดเลย เขาเดินไปที่โต๊ะ และพลิกต้นฉบับที่บนโต๊ะดู
เดิมที่ เขาก็แค่พลิกมันดูอย่างสงสัย แต่ไม่ช้าเขาก็จมลงไปในเนื้อหานั้น
“ฉันไม่เคยเห็นงานแบบนี้มากก่อน แวบแรก มันก็ทำให้คุณรู้สึกเย็นเยือกไปตามสันหลัง คนที่วาดการ์ตูนนี่เป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง! หรือว่าเขากำลังจะบุกเบิกการเคลื่อนไหวใหม่ ๆ ในวงการการ์ตูน?”