“ได้” แม้ว่าซูฉาจะไม่ทราบถึงวัตถุประสงค์ของเสี่ยวเทียนเหยา ในการตรวจสอบองค์ชายเจ็ด แต่เสี่ยวเทียนเหยาย่อมต้องมีเหตุผลของตัวเอง ดังนั้นเขาจึงต้องทำให้ดีที่สุดเท่านั้น

“ ส่งจดหมายนี้ไปที่โม่ ชิงเฟิง” เสี่ยวเทียนเหยาลุกขึ้นและคว้าจดหมายบนโต๊ะแล้วโยนมันไปที่หลิวไป๋

“ได้แล้วข้าจะไปเดี๋ยวนี้” หลังจากรับจดหมายแล้วหลิวไป๋ก็รีบออกไป แต่ก่อนออกเดินทางเขาถามซูฉาขึ้น“เจ้าไม่ต้องการพบหมออู๋แล้วหรือ? เจ้าต้องการที่จะไปด้วยกันหรือไม่”

“ข้ายังมีงานต้องทำ เจ้าไปก่อนได้เลย” ถ้าเป็นวันธรรมดา เขาจะไปกับเขา แต่วันนี้……เขาต้องการลองเสี่ยงโชค

“เจ้ายังพูดไม่จบ? ยังมีอะไรที่จะต้องทำอีก?” หลิวไป๋กระซิบอย่างไม่ใส่ใจ

       เสี่ยวเทียนเหยาผู้ที่ทำกำลังทำความสะอาดมือของเขาก็มองไปที่ซูฉาและยกหัวคิ้วของเขาขึ้น เขาไม่ได้คาดหวังว่าซูฉาจะยังอยากอยู่ในตำหนักเสี่ยวหวางฟูของเขา ยังมีบางสิ่งที่เขาไม่รู้หรือ

       ซูฉาต้องการที่จะแอบหนีไป แต่หลิวไป๋ก็แทงเขาต่อหน้าของเสี่ยวเทียนเหยา ดังนั้นซูฉาจึงไม่กล้าที่จะซ่อนอะไรอีก เขาจึงพูดขึ้น “เจ้าไม่เห็นหรือก่อนหน้านี้ หวางเฟยได้ให้การดูแลเป็นพิเศษแก่ผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บ ข้าแค่อยากเห็นมัน……ข้าไม่เคยเห็นการรักษาของนางมาก่อน แต่ตอนนี้ข้าจะลองเสี่ยงโชคและหวังว่าจะได้เห็นหวางเฟยรักษาบาดแผลของเฉินซาน”

       แม้ว่าเขาจะไม่ได้เห็นทักษะการแพทย์ของหลิน ชูจิ่วในครั้งที่ผ่านมา แต่เจ้าหน้าที่คุ้มกันเหล่านั้นก็ชื่นชมนางเหมือนเทพเจ้า ซูฉาจึงต้องการที่จะดับความอยากรู้ของเขา

“ข้าก็ยังไม่เคยเห็นมันเช่นกัน” หลิวไป๋ แอบมองไปที่เสี่ยวเทียนเหยา เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้โกรธ เขาก็พูดขึ้นอีก“ข้าจะไปกับเจ้าด้วย หากเราพลาด เราจะออกเดินทางทันทีในวันพรุ่งนี้”

“ หลิวไป๋ เจ้าไม่ควรออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ การส่งจดหมายออกไปข้างนอกในเวลากลางคืนนั้นปลอดภัยกว่ามาก” ซูฉาไม่ต้องการไปดูกับหลิวไป๋ แม้ว่าเสี่ยวเทียนเหยาจะไม่โกรธก็ตาม

“จดหมายของเปิ่นหวางต้องส่งในวันนี้” ถ้าเขาไม่ออกไปในคืนนี้ ไม่เพียงแต่การไปของเขาจะกลายเป็นเรื่องยากขึ้น แต่เขาอาจถูกค้นพบได้ เขาจะเผชิญกับอันตรายได้ง่ายมาก

“ธุระของข้าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไร ข้าสามารถไปในวันพรุ่งนี้ได้” ซูฉาตบไหล่ของหลิวไป๋ แล้วพูดขึ้นอีก “เรามีวิธีที่แตกต่างกัน ข้าไปล่ะ”

       ซูฉารีบออกจาก ทิ้งหลิวไป๋ไว้ในห้องหนังสือต่อไป แต่มีคนที่เร็วกว่าเขามาก……

       หวางเย่ก็จากไปเช่นกัน!

       มันไม่ใช่ทางเดียวกันกับข้าใช่ไหม?

       ซูฉาไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเพียงแค่ตามหลังเสี่ยวเทียนเหยาไปอย่างเงียบๆ หลิวไป๋ ก็ตั้งใจที่จะตามไป แต่เมื่อเขาเห็นเสี่ยวเทียนเหยาอยู่ด้านหน้า เขาจึงทำได้เพียงดึงเท้าของเขากลับมาเท่านั้น

       เขาไม่ได้ฉลาดเท่าซูฉา ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะก้าวไปข้างหน้าและมองหาความตาย

       เสี่ยวเทียนเหยา ไม่ได้วางแผนที่จะไปดูหลิน ชูจิ่ว แต่……

       เมื่อเขาได้ยินคำพูดของซูฉา สมองของเขาก็จะนึกภาพขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ถึงร่างที่ยืนอยู่ต่อหน้าผู้ป่วยที่เต็มไปด้วยความสงบ เมื่อความรู้สึกของเขากลับมา เขาก็เห็นว่าซูฉากำลังตามหลังเขามาแล้ว

       ในกรณีนี้ เขายังคงสามารถหันกลับไปได้อยู่หรือไม่?

       ดังนั้น พวกเขาทั้งสองจึงเดินตามกันไปอย่างเงียบ ๆ ไปยังที่ที่ผู้บาดเจ็บอาศัยอยู่

       ในเวลานี้ท้องฟ้ามืดแล้ว แต่ก็มีแสงสว่างอยู่ทุกด้านของตำหนักเสี่ยวหวางฟู ดังนั้นแม้ว่ามันจะไม่สว่างเท่ากลางวัน แต่ทหารก็สามารถมองเห็นว่า หวางเย่ของพวกเขามาถึงแล้ว ทหารทีละคนรีบคำนับทันที “คารวะหวางเย่” ทำไมหวางเย่ของพวกเขาถึงมาถึงที่นี่อย่างฉับพลันเช่นนี้?

“ไม่จำเป็นต้องมากพิธี” เสี่ยวเทียนเหยาไม่ได้กวาดสายตาของเขาไปที่ทหารด้วยซ้ำ เขายังคงเดินตรงไปที่ทางเดินต่อไป เมื่อเห็นอย่างนี้ทหารก็รู้ทันทีว่าเสี่ยวเทียนเหยามาหาหลิน ชูจิ่ว

“ หวางเย่มาพบหวางเฟยหรือ” เมื่อทหารเห็นเสี่ยวเทียนเหยา จากไปแล้ว หัวคิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นและกระซิบกับเพื่อนของเขาขึ้น อย่างไรก็ตามเขายังไม่ได้มีโอกาสที่จะเข้าไปใกล้กับเพื่อนของเขาด้วยซ้ำ เมื่อทันใดนั้นเสี่ยวเทียนเหยาก็หันกลับมา ทหารนายนั้นรู้สึกกลัวจนร่างกายแข็งทื่อและใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยว ซูฉาเกือบจะหัวเราะกับฉากนี้

       ทหารที่มีหน้าตลก ๆ รีบคุกเข่าลงไปบนพื้นทันที“ หวางเย่โปรดยกโทษให้ผู้ใต้บังคับบัญชานี้ด้วยขอรับ” เขาไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะโชคร้ายจริงๆจนถึงตอนนี้

“ลุกขึ้น” เสี่ยวเทียนเหยาไม่ได้สนใจที่จะมองไปที่ทหารอีก ก่อนจะเดินหน้าต่อไป …