บทที่ 669 สถานการณ์ที่ลำบาก

Mars เจ้าสงครามครองโลก

Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 669 สถานการณ์ที่ลำบาก
พอหรันยู่มาถึง ก็มองไปที่เย่ว์อิ่นหลงด้วยท่าทางไม่พอใจ

เดิมทีใบหน้าของเขาสวยกว่าผู้หญิงอยู่แล้ว ด้วยใบหน้าที่เป็นผู้หญิง และประกอบกับความเคียดแค้นบนใบหน้า ราวกับหญิงสาวที่ถูกทำให้โกรธจัด

เวินเฉินไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอมองไปที่ใบหน้าของหรันยู่ด้วยความหึงหวง พลางกล่าวว่า“คนสวย ทำไมต้องทำท่าทำทางแบบนี้ด้วยล่ะ?หรือถูกคนเจาะไข่แดงมา?กลายเป็นรับไปแล้ว?”

หรันยู่“……”

โมโห!

ยัยทอมเอ้ย เธอกำลังท้าทายจุดอ่อนของฉันนะ!

“มีอยู่หลายเรื่องนะ เรื่องแรก หรันยู่ได้รับกิจการของซ่งซื่อกรุ๊ปทุกอย่าง ใช้อีกวิธีหนึ่งส่งมอบให้หวางซีดูแลต่อ นี่คือสิ่งที่ฉันติดค้างเธอ”

“เรื่องที่สอง เย่ว์อิ่นหลงรีบไปที่เมืองพุทธโดยด่วน”

“เรื่องที่สาม เวินเฉินรีบตรวจสอบเมืองโมตูรอบด้านให้หมด คนที่สมควรจับก็จับซะ ควรฆ่าก็ฆ่าทิ้งซะ ร่างรายชื่อมาให้ฉัน ฉันอยากรู้ว่ามีคนเท่าไรกับบรรดาตระกูลเก่าแก่มากเท่าไรที่มีส่วนเกี่ยวข้อง”

ทั้งสามพยักหน้า แล้วหรันยู่ว่า“ตระกูลหลี่จะจัดการอย่างไรครับ?”

ตระกูลหลี่ เป็นครอบครัวของแม่ยาย จะจัดการที่นั่น จะต้องผ่านการพิจารณ์ของเย่เซิ่งเทียนก่อน

เย่เซิ่งเทียนกล่าวอย่างเย็นชา“ใช้ชื่อซ่งซื่อกรุ๊ป กดดันตระกูลหลี่ ให้พวกเขาออกมาขอโทษ ตรวจสอบว่าเรื่องในนี้ มีคนของตระกูลหลี่กี่คนร่วมด้วยผู้ที่อยู่ในสถานการณ์เลวร้ายนี้ เช่น หลี่กั๋วเฉียง ฆ่ามันซะอย่าได้ปรานี คนอื่นๆให้จัดการตามเห็นสมควร”

หรันยู่กับเวินเฉินพยักหน้า งั้นพวกเขาก็รู้แล้วว่าควรจะจัดการอย่างไร

“ยังมีอีกเรื่อง พวกนายต้องตรวจสอบอย่างลับๆ ว่าตกลงองค์กรฟ้าสยบเป็นองค์กรอะไรกันแน่ ฉันอยากรู้ข้อมูลรายละเอียดขององค์กร”

เป็นครั้งแรกที่ดวงตาของเย่เซิ่งเทียนเผยให้เห็นถึงความหวาดกลัว องค์กรฟ้าสยบทำให้เขารู้ถึงความน่าสะพรึงกลัวบางอย่าง

องค์กรที่ใหญ่ขนาดนั้น ก่อนหน้านั้นไม่มีข้อมูลใดๆมาก่อน นี่คือความผิดพลาดของหอมังกรเทพ

เมื่อมองจากอีกมุมหนึ่ง แม้แต่หอมังกรเทพยังไม่เคยพบเบาะแสของฟ้าสยบ นั่นก็หมายความว่าองค์กรนี้กุมความลับไว้แน่นหนามาก

ในต้าเซี่ย เย่เซิ่งเทียนไม่ยอมให้องค์กรที่น่ากลัวขนาดนี้หลุดออกจากการควบคุมอย่างแน่นอน เพียงถ้าเกิดเรื่องขึ้นมา ต้าเซี่ยก็จะต้องพบกับภัยพิบัติ

“องค์กรฟ้าสยบ?”

ทั้งสามตกตะลึง ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน

เย่เซิ่งเทียนบอกเรื่องที่เกิดขึ้นออกมา เวินเฉินทั้งสามคนยิ่งฟังยิ่งรู้สึกตกใจ กระทั่งสุดท้ายรู้สึกขนลุกเล็กน้อย

องค์กรที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ กลับไม่ถูกค้นพบใต้จมูกของพวกเขา สามารถจินตนาการได้ถึงระดับความเข้มงวดขององค์กรนี้!

“พวกนายไปเถอะ ให้เกาเจี๋ยเข้ามา”

เย่เซิ่งเทียนโบกมือไปมา หลังจากหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น เขาหวนนึกขึ้นมาได้แล้ว ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิดปกติ

ราวกับมีมือที่มองไม่เห็น กำลังขับเคลื่อนอยู่ด้านหลัง

และการหายตัวไปของไอ้อู๋ พิสูจน์ถึงการคาดเดาของเขา

แต่ผ่านมาหลายวันแล้ว ยังคงไม่สามารถสืบข่าวของไอ้อู๋ได้ กระทั่งเขาไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าคู่ต่อสู้ของตัวเองเป็นใคร!

เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงตาเฒ่าหลินเคยบอกว่า“ต้าเซี่ยซ่อนมังกรเสือหมอบ ถึงจะมีความสามารถที่ไม่มีใครเทียบ แต่มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่อาจสัมผัสได้ ถึงจะเป็นหยางทาวผู้เป็นขุนหลวงของต้าเซี่ย ไม่รู้สิ่งเหล่านี้ คนพวกนั้น ไม่ได้แสวงหาอำนาจหรือเงินตรา แต่พอถึงจุดหนึ่ง จะต้องติดต่อกับพวกเขาเอง พอถึงเวลา อย่าเชื่อใจคนอื่นง่ายๆ มีเรื่องบางเรื่องไม่สามารถบอกนายได้ ไม่เช่นนั้นจะเป็นการทำร้ายตัวนายเอง นายแค่ต้องรู้ว่า โลกใบนี้มันลึกลับมาก ยิ่งนายก้าวเดินไปข้างหน้า สิ่งที่ต้องเผชิญก็ยิ่งน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ”

เย่เซิ่งเทียนสูดหายใจเข้าลึกๆ ตอนนั้นเขายังไม่ค่อยเข้าใจ คิดว่าเป็นพลังเงามืด

ในตอนนี้เองที่เขาจำได้เลือนรางว่า สิ่งที่ตาเฒ่าหลินพูดนั้น เป็นสิ่งที่นอกเหนือจากคนที่ลาจากโลกกับคนธรรมดาทั่วไป

ตัวอย่างเช่นชายชราคนนั้นที่เอาตัวฟางหยวนจากไปด้วย ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลย

เมื่อก่อนในสนามรบ ถึงแม้จะโหดร้าย แต่ก็ไม่ซับซ้อน ไม่ต้องครุ่นคิดอะไรมากมาย ขอแค่ชนะสงครามก็เพียงพอแล้ว

แต่นี่คือในประเทศ สถานการณ์ค่อนข้างสลับซับซ้อน วิธีที่ใช้บนสนามรบ มีบางครั้งไม่เหมาะที่จะใช้

บนสนามรบ พูดได้เลยว่าฆ่าเป็นฆ่า แต่เรื่องภายในประเทศกลับต้องพิจารณาหลายสิ่งหลายอย่าง

เย่เซิ่งเทียนแค่รู้สึกว่า ตนเหมือนจะถูกเขาถูกผูกมัดด้วยบางสิ่งจากทุกทิศทุกทาง ราวกับมังกรที่ติดอยู่ในสันดอน

“ค่อยๆดูกันไปเถอะ วางแผนตอนนี้ ยังไม่ถือว่าสาย”