ตอนที่ 727 แสงแรกของเขา(2) โดย Ink Stone_Romance

บนผืนทราย ลมแรงยิ่งกว่า

ไป๋ซู่เย่สวมเสื้อกันหนาวของเย่เซียว ส่วนบนตัวเย่เซียวมีเพียงเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวตัวเดียวและเผยลำแขนแข็งแกร่ง

เธอยื่นมือลูบจับแขนเขาสองที ตำแหน่งที่ลูบจับนั้นเย็นเฉียบ

 “คุณใส่เสื้อดีกว่า ถ้าเป็นหวัดในที่แบบนี้ก็แย่แล้ว” ไป๋ซู่เย่ว่าแล้วถอดเสื้อกันหนาวของเย่เซียวที่อยู่บนตัวออก ไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไร ตอนนี้พวกเขาทั้งสามคนห้ามเป็นอะไรไปเด็ดขาด

ครั้งนี้เย่เซียวกลับไม่ปฏิเสธอีกพลางสวมเสื้อกันหนาวทับข้างนอก ไป๋ซู่เย่ถอนหายใจ นานทีเขาจะเชื่อฟังแบบนี้

แต่วินาทีถัดไปกลับรู้สึกแรงโอบที่เอว

ไม่รอตั้งตัวทันเธอถูกเย่เซียวรั้งตัวเข้าไปโดยนั่งหันข้างลงบนหน้าขาแข็งแรงของเขา

เธอเชยตาขึ้นมองอย่างแปลกใจ

 “เย่เซียว?”

เย่เซียวเปิดเสื้อออกกอดร่างที่ผอมบางของเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมอกด้วยกัน

ข้างนอกลมแรงแต่ถูกต้านไว้นอกเสื้อผ้า สิ่งที่แนบชิดเธอคืออกแกร่งทว่าอบอุ่นของชายหนุ่ม ไป๋ซู่เย่รู้สึกอุ่นวาบที่หัวใจ เธอไม่แม้แต่จะขัดขืนสักนิด แน่นอนว่า…

สถานการณ์แบบนี้เธอไม่มีโอกาสที่จะขัดขืนเลย

ยิ่งไปกว่านั้นกลับปล่อยให้ร่างกายโอนอ่อนของตัวเองพิงอกเขาตามใจตัวเอง

 “ยังหนาวอยู่มั้ย?” เขาถามเสียงทุ้ม ดวงตาล้ำลึกทอดมองไปไกล

 “…ไม่หนาว” เธอส่ายศีรษะ แขนที่ไม่ได้บาดเจ็บพาดอ้อมไปด้านหลังเอวของเขาแล้วกอดเอวเขาเงียบๆ

ร่างสูงตระหง่านของเย่เซียวเกร็งอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่นานก็กลับสู่สภาพเดิม

สายตาของเขาถึงค่อยๆ หันกลับมาจรดบนใบหน้าเธอ มือใหญ่ลูบไล้เอวเธอเบาๆ สองทีโดยขมวดคิ้ว “ทำไมผอมลงขนาดนี้?”

เขาไม่ถามยังดีพอถามไป๋ซู่เย่รู้สึกแสบจมูกขึ้นอย่างน่าแปลก–เธอไม่รู้ว่าตัวเองที่เดิมทีเข้มแข็งมาโดยตลอดคนนั้นทำไมสองวันนี้ถึงร้องไห้อย่างง่ายดายเช่นนั้น

 “…ผอมเหรอ?” เธอถามเขาเสียงเบา ซุกหน้ากับอกเขา “ไม่หรอกมั้ง”

จะไม่ผอมได้อย่างไร? นับตั้งแต่ที่เธอกลับประเทศในวันที่เขาหมั้นหมายจนถึงวันนี้ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอผ่านช่วงเวลานี้มาได้อย่างไร

รู้สึกสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวทุกวี่ทุกวัน แต่ก็ต้องทำเป็นเข้มแข็งและมีสติยามอยู่ต่อหน้าคนนอกในทุกๆ วัน…

ชีวิตที่ต้องสวมหน้ากากทำเอาเธอแทบจะพังทลายอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเธอถึงได้อาสามาที่แห่งนี้อย่างกล้าหาญทั้งที่รู้ว่าตกอยู่ในสถานการณ์ความสุ่มเสี่ยง บางทีเธออาจจะมีสติบ้างยามเผชิญหน้ากับความตาย

เพียงแต่…

ระยะเวลาที่ผ่านมานี้ เขา สบายดีไหม?

 “เย่เซียว” เธอเรียกชื่อเขาเบาๆ

 “หืม?”

 “เรามาคุยเล่นกันหน่อยเถอะ” สิบปีแล้ว สิบปีเต็มที่พวกเขาไม่เคยได้พูดคุยกันดีๆ สักครั้ง

เย่เซียวสะท้านเล็กน้อย รอเอ่ยปากอีกทีเสียงกลับนิ่งลงมากกว่าเดิม “คุณอยากคุยเรื่องอะไร?”

ไป๋ซู่เย่ปรับท่านั่งเล็กน้อยให้หลังตัวเองพิงอกเขาให้หลังศีรษะของเธอชิดหน้าอกของเขา สายตาเชยมองกลุ่มดาวบนท้องฟ้าที่ไกลโพ้น “สิบปีนี้…คุณสบายดีมั้ย?”

เย่เซียวเงียบ

ลมหายใจเริ่มหนักอึ้ง

พักใหญ่จนเธอคิดว่าเขาคงจะไม่ตอบกลับแล้วนั้นเขากลับเอ่ยปากตอบ “ไม่ดี”

เป็นคำตอบที่อยู่ในความคาดหมายแต่พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ หน้าอกก็เจ็บแปลบอยู่ดี ไม่ได้รู้สึกดีเลย

เธอเงียบ

 “คุณล่ะ?” เย่เซียวถามกลับกะทันหัน สายตาทอดมองไปที่ห่างไกลแล้วกล่าวต่อ “หลังกลับทีมทำภารกิจครั้งยิ่งใหญ่สำเร็จ กลายเป็นวีรสตรีของกระทรวงความมั่นคง เด็กผู้หญิงอายุสิบแปดแต่กลับปั่นหัวเย่เซียวที่กองทัพรัฐบาลมากมายทำอะไรไม่ได้ เป็นผู้นำกองทัพสำคัญที่แทบจะทำลายกำลังของเขาไปกว่าครึ่งในคืนเดียว สร้างชื่อเสียงที่เลื่องลือในเวทีนานาชาติภายในพริบตาแก่คุณ ผมคิดว่าหลายปีนี้คุณน่าจะสบายดีไม่น้อย”

ไป๋ซู่เย่ดวงตาฉายแววเศร้าชั่ววูบ

ความจริงตรงข้ามโดยสิ้นเชิง สิบปีนี้…เธอแทบจะมีชีวิตไม่รอด…

กำลังจะอ้าปากพูดบางอย่างแต่เย่เซียวถอนสายตากลับมามองหัวศีรษะที่เธอกำลังก้มหน้าอยู่ อยู่ๆ ก็ถาม “เคยมีแฟนมากี่คน?”

 “…หืม?” เปลี่ยนเรื่องเร็วเกินไปจนไป๋ซู่เย่ไม่ทันตั้งตัว

เย่เซียวหันตัวเธอกลับมา หรี่ตามองเธอ “สามคน? ห้าคน? หรือว่าแปดคน?”

 “แปดคน? เยอะเกินไปหรือเปล่า”

 “แล้วกี่คน?” เย่เซียวถาม จบคำสีหน้าก็ผ่อนคลายลงกว่าเดิม “ก็คือคนสกุลยวิ๋นคราวก่อน?”

 “เขาไม่ใช่แฟนของฉัน”

 “คู่หมั้น?” สีหน้าของเขาเรียบนิ่งขึ้นเล็กน้อย

นี่เธอเป็นคนบอกเอง

 “ก็ไม่ใช่”

 “แล้วเป็นอะไร?”

“ก็แค่เพื่อนธรรมดา ที่คนในครอบครัวฉันค่อนข้างชอบเขาเท่านั้นเอง”

ประโยคของเธอทำให้สีหน้าเย่เซียวผ่อนคลายลงบ้าง “ฉะนั้น…คุณไม่เคยมีแฟน?”

 “…” ไป๋ซู่เย่กลับเป็นฝ่ายเงียบ

สีหน้าเย่เซียวที่เพิ่งผ่อนคลายลงเริ่มเกร็งแน่นอีกครั้ง สายตาเฉียบคม “กี่คน?”

ภายใต้สายตาที่แข็งกร้าวปนบีบบังคับของเขา ไป๋ซู่เย่ชูสองนิ้วขึ้นช้าๆ

บอกตามตรงว่าเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่านั่นถือว่าเป็นแฟนหนุ่มหรือไม่

เมื่อนั้นเธอที่เพิ่งกลับมาในประเทศมัวแต่นึกถึงผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่ควรนึกถึงอย่างบ้าคลั่ง ฝันถึงเขา หลังตื่นมาก็เป็นเขาเหมือนเดิม แต่ผู้ชายคนนั้นห่างไกลเหลือเกิน ถึงขั้นไม่มีวันสัมผัสเขาได้อีกตลอดชีวิต เธอในเมื่อนั้นราวกับปลาที่ถูกทอดทิ้งอยู่กลางทะเลทราย ดิ้นรนกระเสือกกระสน คิดหาวิธีที่สามารถทำให้เธอหลุดพ้นจากสภาพแวดล้อมที่เจ็บปวดทรมานนี้

จิตแพทย์สอนวิธีหนึ่งแก่เธอว่า ‘เบี่ยงเบนความสนใจ’ แค่หลงรักผู้ชายคนใหม่ เข้าสู่ความสัมพันธ์ครั้งใหม่ เธอจะสามารถลืมความรักที่รักแต่ไม่อาจเอื้อมนั้นได้อย่างรวดเร็ว

เธอพยายามเปิดใจรับผู้ชายที่ตามจีบเธอเป็นคนแรก แต่หลังหนึ่งสัปดาห์ผ่านไปเธอก็ถอดใจ ความสัมพันธ์ครั้งที่สองเองก็เกิดขึ้นภายในเวลาอันสั้น จบด้วยการนอนหลับเพียงลำพัง

ความสัมพันธ์สองครั้งที่ไม่มีการลงเอยใดๆ—หากนับว่าเป็นความรักล่ะก็ การที่ไม่สามารถทำให้เธอหลุดพ้นจากอดีตยิ่งเป็นการตอกย้ำเธออย่างสิ้นหวังว่าผู้ชายคนนั้นได้ฝังรากลึกลงในหัวใจของเธอ เกิดต้นกล้าที่เติบโตเลื้อยพันตามอวัยวะภายในของเธอ เป็นเถาวัลย์ที่ล้อมพันหัวใจของเธอ

อยากลืม คาดว่าคงต้องเป็นชาติหน้า ต่อให้เธอปฏิเสธความจริงที่แสนน่ากลัวนี้อยู่นานทีเดียวก็ตาม

เย่เซียวแค่นหัวเราะเสียงเย็นและจับนิ้วมือของเธอให้ฝังลงฝ่ามือ ดวงตาอันตรายไล่ต้อนเธอ “อย่างที่ผมคิดไว้ไม่มีผิด สิบปีนี้รัฐมนตรีไป๋ใช้ชีวิตดีตามที่ผมคิดไว้เลย”

 “คุณเองก็มีแฟนสาวเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?” ไป๋ซู่เย่พยายามให้น้ำเสียงตัวเองฟังดูผ่อนคลายบ้าง “ไม่พูดถึงเรื่องอื่น พูดถึงคู่หมั้นของคุณ…ฉันอยู่ที่ประเทศ S ยังรู้เลยว่าช่วงก่อนหน้างานหมั้นของพวกคุณยิ่งใหญ่มาก คนทั้งเมืองยังแสดงความยินดีกับพวกคุณ…”

พูดถึงนี่อยู่ๆ ไป๋ซู่เย่ก็พูดต่อไม่ได้

เธอมองเย่เซียวแวบหนึ่ง ท่าทีสบายที่เสแสร้งของตัวเองช่างกินแรงเหลือเกิน

ใจปวดหนึบ

 “ฉันอยากนอนแล้ว ไม่ดูพระอาทิตย์ขึ้นแล้วกัน…” เธอแสร้งหาววอดอย่างเกียจคร้านแต่เสียงกลับเศร้าอย่างที่เศร้ากว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว

………………………