ตอนที่ 18 การตายของจ้าวภูเขาฉื้อเหมย โดย Ink Stone_Fantasy
สองตาของชายชราร่างผอมเล็กมีภาพเหตุการณ์ฉากแล้วฉากเล่าปรากฏขึ้น…ร่างแปรของจ้าวภูเขาฉื้อเหมยทำการสอดแนมอยู่นอกโลกทิพย์โบราณ เพราะว่าตงป๋อเสวี่ยอิงตายไปแล้วจึงได้ลำพองใจ
จ้าวภูเขาฉื้อเหมยเจตนาปล่อยให้ข้อมูลรั่วไหล…จ้าวภูเขาฉื้อเหมยเชิญท่านอาจารย์ของเขาให้มาช่วยเหลือ…ประมุขหอหมื่นโลกาลอบสังหารตงป๋อเสวี่ยอิง…จ้าวภูเขาฉื้อเหมยโน้มน้าวให้ประมุขหอหมื่นโลกาลงมือ…
ตามเส้นทางนี้ของจ้าวภูเขาฉื้อเหมย ทำให้ร่างจริงและร่างแปรของเขาได้รับประสบการณ์การสอดแนมเหตุการณ์จำนวนมากที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้จนหมดสิ้น
เห็นได้ชัดว่าในด้านการสอดแนม เขายังร้ายกาจยิ่งกว่าจอมเทพศักดิ์สิทธิ์เสียอีก
และผลลัพธ์ของการสอดแนมก็เห็นได้ชัดยิ่งว่าจอมเทพศักดิ์สิทธิ์มิได้โป้ปด! ทั้งหมดล้วนเป็นจ้าวภูเขาฉื้อเหมยที่ผลักดัน แม้แต่ประมุขหอหมื่นโลกาก็มิได้ฝักใฝ่กับเรื่องนี้เลย
“ฟิ้ว”
ชายชราร่างผอมเล็กมองจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ปราดหนึ่งแล้วก็หายตัวไปกลางอากาศไม่เห็นอีก
จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ยืนอยู่ที่นั่น นัยน์ตาก็ฉายแววเยียบเย็น “จ้าวภูเขาฉื้อเหมยหรือ หึ หลอกใช้ข้าอย่างนั้นหรือ” ถ้าหากตนมิได้สูญเสียอะไรก็แล้วไปเถิด จ้าวภูเขาฉื้อเหมยจะหลอกใช้เขาก็ย่อมไม่แยแสอยู่แล้ว แต่คราวนี้สูญเสียอย่างใหญ่หลวงเหลือเกิน เขาก็ย่อมโกรธเคืองจ้าวภูเขาฉื้อเหมยอยู่แล้ว ตัวเขาเองไม่มีปัญญาสังหาร ก็ต้องนึกถึงเจ้าศิลาที่เป็นระดับขั้นเดียวกันกับเขาอยู่แล้ว
เจ้าศิลาก็ไปถึงระดับขั้นสุดยอดแล้วเช่นเดียวกัน นอกจากนี้เส้นทางการบำเพ็ญของเจ้าศิลาก็มิได้อาศัยปัจจัยภายนอก หากแต่อาศัยตนเอง ‘จากภายในสู่ภายนอก’ ไม่เพียงแต่ร่างกายจะบำเพ็ญไปจนถึงระดับที่มิอาจจินตนาการได้แล้วเท่านั้น แต่ร่างกายยังควบคุมอากาศอันสับสนอลหม่านได้ในระดับสูงสุดอีกด้วย
เขานึกคิดคราหนึ่ง ร่างกายก็สามารถไปปรากฏ ณ แห่งหนใด ๆ ในอากาศอันสับสนอลหม่านก็ได้
ความปรารถนาอันแรงกล้าของเขา สามารถบังคับตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอดีตได้ทั้งหมด!
ความแกร่งกล้าของเขา คือความแกร่งกล้าของตัวเขาเอง
สิ่งที่เขาใฝ่หา…ก็คือความแข็งแกร่งที่สุดของร่างกายตน ถึงขนาดที่ในท้ายที่สุดก็ทำลายกรงขังของทั่วทั้งอากาศอันสับสนอลหม่านได้
แต่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ใฝ่หาการควบคุมอากาศอันสับสนอลหม่าน การเป็นผู้ครองอากาศอันสับสนอลหม่าน! เมื่อถึงเวลานั้นก็ย่อมสามารถกระโดดออกจากกรงแห่งนี้ได้ เส้นทางเดินไม่เหมือนกัน วิธีการก็ย่อมไม่เหมือนกันอยู่แล้ว
เจ้าศิลาบำเพ็ญร่างกายตนเองอย่างร้ายกาจเหลือเกิน แม้กระทั่ง ‘บรรพชนโลกา’ ที่ได้รับวิชาสืบทอดของเขาไปบางส่วน ภายใต้สถานการณ์ปกติจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ทำร้ายบรรพชนโลกามิได้แม้แต่ปลายเส้นขน
อย่างเช่นเจ้าศิลาที่ถึงแม้ว่าเมื่อครู๋จะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่การโจมตีเช่นนั้น…จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ทำการเผาร่างแปรทิพย์โบราณเพื่อสำแดงการโจมตีอันแข็งแกร่งที่สุด หลังจากนั้นก็ไม่สามารถสำแดงออกมาได้อีกแล้ว ทั้งยังไม่สามารถคุกคามเจ้าศิลา แต่ภายใต้การสูญเสียพลังยุทธ์อันยิ่งใหญ่ของเจ้าศิลา ก็คุกคามจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้อีกแล้ว ถึงอย่างไรจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็เพียงแค่สูญสิ้นพลังยุทธ์ของร่างแปรทิพย์โบราณเท่านั้น ทว่าร่างจริงกลับมิได้สูญเสียอะไรเลยแม้แต่น้อย
……
ณ โลกฟ้ากระจ่างแห่งอากาศอันสับสนอลหม่าน
จ้าวภูเขาฉื้อเหมยกำลังนั่งรับการปรนนิบัติจากสาวใช้รูปงามอยู่ ดื่มสุราชั้นเลิศอย่างสุขใจ เขาอารมณ์ดีเป็นที่สุด
“สู้กับข้าหรือ”
“ตายอย่างง่ายดายถึงเพียงนี้ก็ยังไม่เข็ด ช่างน่าอนาถแทนเขาเหลือเกิน” จ้าวภูเขาฉื้อเหมยดื่มสุราพลางยิ้มหยัน สามารถหลอกใช้จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้สูงส่งให้สังหารเจ้าเด็กตงป๋อผู้นั้นได้ จ้าวภูเขาฉื้อเหมยก็เกิดความรู้สึกประสบความสำเร็จอย่างหนึ่ง ถึงอย่างไรก็มิใช่ว่าผู้ใดก็สามารถหลอกใช้จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ได้ ถึงขนาดที่หลังจากหลอกใช้จอมเทพศักดิ์สิทธิ์แล้ว จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็เพียงแค่ทำเป็นมองไม่เห็นเท่านั้น
เพราะเขามีเคล็ดร่างแยก ก็ย่อมทำอะไรเขาไม่ได้อยู่แล้ว
“หืม” จ้าวภูเขาฉื้อเหมยขมวดคิ้วพลางเงยหน้ามองไปยังเบื้องหน้า
ชายชราร่างผอมเล็กผู้มีไม้เท้าค้ำยันคนหนึ่งก้าวข้ามธรณีประตูเข้ามาภายในโถงตำหนัก ยามรักษาการณ์ที่อยู่ด้านนอกโถงตำหนักไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย มิติบริเวณรอบๆ คล้ายกับถูกแช่แข็ง
จ้าวภูเขาฉื้อเหมยหัวใจสั่นสะท้านในทันใด เขารู้สึกได้ถึงการคุกคามอันน่าหวาดหวั่นหาใดเปรียบ
“ผู้อาวุโสคือ…” จ้าวภูเขาฉื้อเหมยรีบลุกขึ้นแสดงท่าทีเคารพในทันใด เขาเข้าใจดีว่าเมื่อใดควรจะก้มหัว บุคคลที่นำความรู้สึกคุกคามอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนมาให้แก่เขาตรงหน้าผู้นี้ เขารู้สึกว่า เกรงว่าจะมิได้ด้อยไปกว่าจอมเทพศักดิ์สิทธิ์เลย เพราะเขาเคยถูกจอมเทพศักดิ์สิทธิ์สังหารครั้งหนึ่ง เพราะมีเคล็ดร่างแยกจึงได้ไม่เป็นไร
“ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มิได้ล่วงเกินเจ้า เพียงแค่เขาสามารถสำแดงศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาได้ เจ้าก็จะสังหารเขาแล้วเช่นนั้นหรือ” ชายชราร่างผอมเล็กมองดูบุรุษคิ้วแดงตรงหน้าผู้นี้ เขาตรวจดูอดีตของจ้าวภูเขาฉื้อเหมยแล้วก็พบว่าจ้าวภูเขาฉื้อเหมยนั้นเป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างที่สุด ถึงขนาดมีใจคิดหลอกใช้อาจารย์ ด้วยอุปนิสัยของเขาก็ดูแคลนผู้บำเพ็ญพรรค์นี้เป็นที่สุด มิปรารถนาจะรับศิษย์เช่นนี้เลย
และเจ้าคนโง่เง่าผู้นี้ยังหลอกใช้ความละโมบของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ให้ทำร้ายศิษย์ของตนจนตายอีกด้วย
“ตงป๋อเสวี่ยอิงหรือ ข้า ข้ามิได้สังหารเขาเสียหน่อย แล้วข้าก็ไม่มีปัญญาสังหารเขาด้วย” จ้าวภูเขาฉื้อเหมยพูดต่อ “ผู้อาวุโสสายตาเฉียบแหลม นี่ไม่เกี่ยวข้องกับข้าเลยจริงๆ ศิษย์พี่ของข้าเคยลงมือก็จริง แล้วก็จนใจที่เขาทำมิได้ พลังยุทธ์ของเขาสูงส่งเป็นที่สุด ทั้งยังมีวัตถุลับคุ้มกันชีพและศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา เกรงว่ามีเพียงแค่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นกระมังที่สามารถสังหารเขาได้”
สำหรับจ้าวภูเขาฉื้อเหมยแล้ว สิ่งที่เขาทำนั้นค่อนข้างสะอาดสะอ้าน ย่อมไม่มีทางยอมรับอยู่แล้ว
“ไม่ยอมรับอย่างนั้นหรือ” เจ้าศิลา ชายชราร่างผอมเล็กหัวเราะหึๆ ขี้นมา เสียงหัวเราะทำให้จ้าวภูเขาฉื้อเหมยหัวใจสั่นสะท้าน “เจ้าคิดว่าสิ่งที่เจ้าทำจะสามารถตบตาข้าได้เช่นนั้นหรือ เอาล่ะ ยอมรับความตายแต่โดยดีเสียเถิด”
บริเวณโดยรอบคล้ายจะแข็งค้างไปเสียแล้ว
จ้าวภูเขาฉื้อเหมยหัวใจสั่นสะท้าน เขารู้สึกว่าตนเองมิอาจขยับเขยื้อนได้อีกแล้ว
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรหรอก ต่อให้เขาร้ายกาจกว่านี้แล้วอย่างไรเล่า ข้ามีเคล็ดร่างแยก แม้กระทั่งจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ยังสังหารข้ามิได้เลย” จ้าวภูเขาฉื้อเหมยเอ่ยพึมพำ เพียงแต่เขาก็มีความเจ็บปวดใจอยู่บ้าง “ดูท่าทางอาวุธล้ำค่าในตัวข้าจะไม่มีอีกแล้ว น่าเสียดาย น่าเสียดาย”
พรึ่บ
ชายชราร่างผอมเล็กตรงหน้ายิ้มเย็นคราหนึ่ง เขารับสัมผัสคราหนึ่งก็ตามร่างจริงของจ้าวภูเขาฉื้อเหมยไปรับสัมผัสได้ถึงร่างแยกอีกร่างหนึ่ง ถึงแม้ว่าตัวร่างแยกนั้นจะมีการรบกวนและความสับสนอันแน่นหนา แต่เขาบำเพ็ญตนเอง ตนเองต้องการจะฝืนกดดันทั้งอากาศอันสับสนอลหม่าน การรบกวนทั้งหมดทั้งมวลล้วนถูกเขาบีบให้แตกเปิดออก ทันใดนั้นก็ค้นพบร่างกายที่นั่งขัดสมาธิหลบซ่อนอยู่ภายในคูหาที่ส่วนลึกของแผ่นดินแห่งหนึ่งในส่วนลึกของอากาศอันสับสนอลหม่านร่างนั้น
ชายชราร่างผอมเล็กหายวับไปในทันใด
จ้าวภูเขาฉื้อเหมยสะดุ้งคราหนึ่ง
หายวับไปเพียงแค่ชั่วครู่เดียวเท่านั้น ทันใดนั้นก็ปรากฏตัวขึ้นเสียแล้ว! ขณะนี้ในมือของชายชราร่างผอมเล็กคว้าตัวจ้าวภูเขาฉื้อเหมยอีกคนหนึ่งเอาไว้
“เป็นไปได้อย่างไร เป็นไปได้อย่างไรกัน…” ร่างแยกที่เพิ่งถูกจับมาร่างนั้นนัยน์ตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น ร่างแยกร่างนี้ของจ้าวภูเขาฉื้อเหมยที่ยืนอยู่ด้านหลังโต๊ะยาวก็หวาดหวั่นเช่นเดียวกัน
วิถีนี้ของพวกเขามีความสำเร็จทางด้านห้วงอากาศอย่างลึกล้ำเพียงใด คูหาที่ร่างแยกของเขาซ่อนตัวอยู่แห่งนั้นยังได้เชิญให้ท่านอาจารย์ของเขามาช่วยจัดวางค่ายกลให้ด้วยตนเอง เขารู้สึกว่าย่อมไม่มีทางมีผู้ใดสามารถหาตัวร่างแยกของเขาพบได้! แต่ตอนนี้ความจริงก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าแล้ว ตาเฒ่าลึกลับตรงหน้าผู้นี้ถึงกับจับกุมร่างแยกของเขาเอาไว้ได้
“ท่านอาจารย์ขอรับ” ร่างแยกทั้งสองของจ้าวภูเขาฉื้อเหมยขอความช่วยเหลือในทันที
“ไว้ชีวิตด้วย ขอให้ผู้อาวุโสโปรดไว้ชีวิตด้วยขอรับ” ดูภายนอกร่างแยกทั้งสองของเขาต่างก็กำลังร้องขอชีวิต
ทันใดนั้นระลอกคลื่นอันไร้รูปร่างสายหนึ่งก็แผ่ปกคลุม
เจ้าศิลา ชายชราร่างผอมเล็กหิ้วร่างแยกร่างหนึ่งของจ้าวภูเขาฉื้อเหมยด้วยมือข้างเดียวพลางยิ้มเย็นมองดูภาพเหตุการณ์นี้ เขาไม่เร่งร้อนที่จะสังหารจ้าวภูเขาฉื้อเหมย หากแต่มองดูระลอกคลื่นอันไร้รูปร่างนั้นแผ่ปกคลุม
ทันใดนั้นเงาร่างโปร่งแสงสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้น เป็นเงาร่างโปร่งแสงของมนุษย์ศีรษะนก
“ท่านอาจารย์ ช่วยข้าด้วยขอรับ” ร่างแยกทั้งสองของจ้าวภูเขาฉื้อเหมยต่างก็ร้องขอความช่วยเหลือ
เงาร่างโปร่งแสงของมนุษย์ศีรษะนกมองไปทางเจ้าศิลา ชายชราร่างผอมเล็ก คิ้วที่มีความโปร่งแสงขมวดมุ่น เพียงชั่วครู่เดียวก็ย่อมมิอาจระบุตัวตนของชายชราร่างผอมเล็กได้อยู่แล้ว เขาเองก็มีความสงสัยอยู่บ้าง ในอากาศอันสับสนอลหม่านแห่งนี้นอกจากจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นแล้วยังมีบุคคลที่ร้ายกาจเช่นนี้อยู่อีกหรือ
“เจ้าก็คือผู้ที่ลอบเข่ามายังอากาศอันสับสนอลหม่านแห่งนี้ของพวกเราอย่างลับๆ ผู้นั้นนั่นเองหรือ”
เจ้าศิลา ชายชราร่างผอมเล็กยิ้มหยัน “ข้านอนหลับมาโดยตลอด ก็มิได้สนใจเจ้าเลย เจ้าผู้มาจากภายนอกคนหนึ่ง ช่างบังอาจยิ่งนัก”
“สหายผู้บำเพ็ญผู้นี้ ได้โปรดไว้หน้าสักครั้ง ช่วยไว้ชีวิตศิษย์ผู้นี้ของข้าสักครั้งหนึ่งด้วย” เงาร่างโปร่งแสงของมนุษย์ศีรษะนกยังคงพูดต่อไป
“ไว้หน้าสักครั้ง เพื่อเจ้าน่ะหรือ”
เพิ่งเอ่ยวาจาออกไป
พรึ่บ!
ร่างของจ้าวภูเขาฉื้อเหมยที่ถูกจับไว้ในมือของชายชราร่างผอมเล็กลุกไหม้ในทันใด จ้าวภูเขาฉื้อเหมยที่ยืนอยู่หลังโต๊ะยาวก็ลุกไหม้ด้วยเช่นกัน แหลกสลายกลายเป็นความว่างเปล่าจนสิ้น ปลิดชีพโดยสมบูรณ์!
………………………………………….