บทที่ 579 ลองใช้ดูส

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

หน้าโปรไฟล์ของนางตกแต่งอย่างสวยงาม

ฉากหลังเป็นทะเลลึก

ปราสาทแก้วเปล่งประกายสว่างไสว

เส้นผมยาวสลวยมีสีเขียวเหมือนสาหร่ายทะเล

แผ่นหลังผ่องส่องแสงสว่างกลางความมืด ผิวกายทุกตารางนิ้วนวลเนียนบอกถึงความสวยงามไร้ราคี

“เฮ้อ ขนาดข้างหลังยังสวยขนาดนี้ ไม่อยากคิดเลยว่าข้างหน้าจะสวยขนาดไหน”

หลินเป่ยเฉินอดพึมพำออกมาไม่ได้

‘เจ้าอยากทำความเข้าใจความหมายของการมีชีวิตหรือไม่? เจ้าอยากจะใช้ชีวิต… อย่างแท้จริงหรือไม่?’

ข้อความใหม่ถูกส่งมาจากธิดาอู๋ไห่จือตี้

หลินเป่ยเฉินนิ่งคิดอยู่เล็กน้อยก็ตอบกลับไปว่า ‘เหตุไฉนท่านต้องทำร้ายข้าด้วย?’

เทพธิดาสาวเงียบไปครู่ใหญ่

‘ข้าทำร้ายเจ้าตั้งแต่เมื่อใด?’

ธิดาอู๋ไห่จือตี้ส่งข้อความกลับมา

หลินเป่ยเฉินยิ้มกริ่มขณะลงมือพิมพ์ตอบกลับไป ‘ท่านทำร้ายหัวใจข้า ท่านทำให้ข้าตกหลุมรักท่านโดยไม่มีทางขัดขืน’

ธิดาอู๋ไห่จือตี้นิ่งเงียบไปอีกครั้ง

‘ระมัดระวังปากของเจ้าด้วย’

แล้วนางก็ตอบกลับมาในที่สุด

หลินเป่ยเฉินชะงักไปเล็กน้อย

แหม ดูท่าเขาจะเจอคู่สนทนาที่สมน้ำสมเนื้อเข้าแล้วสิ

แบบนี้เท่ากับธิดาอู๋ไห่จือตี้กำลังอ่อยเขาอยู่หรือเปล่านะ?

เด็กหนุ่มตัดสินใจตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว

‘ให้ระมัดระวังปากของข้า ก็เพราะว่าท่านอยากจะจูบข้าใช่หรือไม่?’

ธิดาอู๋ไห่จือตี้ไม่ยอมตอบอีกพักใหญ่

ดูเหมือนว่านางจะอยู่ห่างไกลจากเขาพอสมควร

มิฉะนั้นแล้ว การส่งข้อความโต้ตอบกัน คงไม่กินเวลานานขนาดนี้

คิดได้ดังนั้น หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกโล่งอกมากขึ้น

ฮ่าฮ่าฮ่า

เป็นอย่างนี้ ก็เท่ากับว่าเขาจะพิมพ์อะไรก็ได้แล้วสินะ

เพราะถึงธิดาอู๋ไห่จือตี้จะเกิดความรู้สึกไม่ชอบใจ นางก็คงไม่ดั้นด้นมาเอาเรื่องเขาถึงดินแดนไกลโพ้นอย่างจักรวรรดิเป่ยไห่แน่ๆ

‘ดูเหมือนเจ้าจะชำนาญการใช้ถ้อยคำหว่านล้อมสตรีเหลือเกินนะ’

ธิดาอู๋ไห่จือตี้ส่งข้อความตอบกลับมาในที่สุด

หลินเป่ยเฉินถึงกับหยุดชะงักไปเล็กน้อย เพราะเขารู้สึกว่าถ้อยคำเหล่านี้มีน้ำเสียงที่จริงจังมากขึ้น ทำเอาเด็กหนุ่มไม่รู้จะตอบกลับไปอย่างไรขึ้นมาทันที

ในเมื่อไม่รู้จะตอบอะไร ก็ไม่ต้องตอบดีกว่า

‘ท่านเหนื่อยแล้วหรือยัง?’

หลินเป่ยเฉินพิมพ์ข้อความใหม่ส่งไปดื้อๆ

ธิดาอู๋ไห่จือตี้นิ่งเงียบไปอีกเนิ่นนาน

หลินเป่ยเฉินไม่ให้เวลานางได้คิดอะไรทั้งนั้น ส่งข้อความต่อไปรัวๆ ‘หลังจากเข้ามาปั่นป่วนหัวใจของข้า ท่านก็คงต้องเหนื่อยเป็นธรรมดา’

ธิดาอู๋ไห่จือตี้ยังคงไม่ตอบกลับมา

หลินเป่ยเฉินส่งข้อความไม่หยุดอีกชุดใหญ่

‘ข้าคิดว่าท่านเป็นเทพเจ้าที่ช่างน่ารัก… และแปลกประหลาดเหลือเกิน’

‘ท่านรู้ไหมว่าข้าชอบรับประทานอะไร? อิอิ ข้าชอบที่จะได้รับประทานท่านเป็นที่สุด’

‘ไม่ทราบว่าท่านเป็นนักวิ่งใช่หรือไม่? เพราะท่านกำลังเข้ามาวิ่งอยู่ในหัวใจของข้าไม่หยุดเลย’

‘ท่านมีเคล็ดลับพิชิตใจคนหรือไม่… เพราะท่านพิชิตใจข้าได้สำเร็จแล้ว’

แต่ละข้อความล้วนชวนให้เบือนหน้าหนีทั้งนั้น

นี่เป็นข้อความแสดงความรักแบบหวานเลี่ยน

แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ธิดาอู๋ไห่จือตี้ไม่ได้ตอบข้อความใดกลับมาอีกเลย

หลินเป่ยเฉินยิ้มแย้มด้วยความชอบใจ

เริ่มหายตื่นเต้นทีละเล็กทีละน้อย

อีกอย่าง เขาก็แค่ส่งไปขำๆ เท่านั้นเอง

หลินเป่ยเฉินไม่มีทางเชื่ออยู่แล้วว่าแอปนี้จะทำให้มนุษย์กับเทพเจ้าพบรักกันได้จริงๆ

แต่ในจังหวะที่เด็กหนุ่มกำลังจะกดออกจากแอปนั้นเอง

ติ๊ง

ข้อความใหม่เด้งขึ้นมา

‘เจ้าชื่อหลินเป่ยเฉินใช่หรือไม่?’

‘มนุษย์ตัวน้อย รู้ไหมว่าเจ้าเรียกร้องความสนใจจากข้าได้สำเร็จแล้ว’

‘หึหึ เจ้าอาศัยอยู่บนแผ่นดินตงเต้าใช่หรือไม่? ข้าจะจำหน้าเจ้าเอาไว้’

‘ตลอดชีวิตที่ยืนยาวของข้า เจ้าเป็นมนุษย์คนแรกที่กล้าพูดจาสามหาวกับข้าเช่นนี้ นับว่าประเสริฐมาก ประเสริฐเหลือเกิน…’

‘ข้าก็ได้แต่หวังว่าเมื่อสาวกของข้าจับตัวเจ้าได้ พวกเขาจะนำเจ้ามาถลกหนัง และนำกะโหลกของเจ้าไปตั้งไว้ใต้แท่นบูชาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล เจ้าจะได้ไม่กล้าพูดจาเช่นนี้กับข้าอีก’

ธิดาอู๋ไห่จือตี้ส่งข้อความตอบกลับมารัวๆ เช่นกัน

‘ท่านพูดจริงหรือ?’

เมื่อหลินเป่ยเฉินอ่านข้อความเหล่านั้นก็รู้สึกใจไม่ดีขึ้นมาชอบกล

สิ่งที่เขาไม่ชอบมากที่สุดก็คือคำข่มขู่จากผู้อื่นนี่แหละ

‘แต่ท่านเป็นคนทักมาหาข้าก่อนนะ’

หลินเป่ยเฉินพิมพ์ตอบกลับไปด้วยความฉุนเฉียว ‘ท่านเข้าใจไหมว่าตนเองเป็นฝ่ายทักมาหาข้าก่อน? มันหมายความว่าท่านตั้งใจจะมาโปรยเสน่ห์ใส่ข้า ดังนั้น ข้าก็เพียงอยากเล่นมุกตลกเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศระหว่างเราเท่านั้น… เหตุไฉนถึงคิดเป็นเรื่องจริงจังไปได้?’

‘เจ้ากำลังกล่าวหาว่าข้าโปรยเสน่ห์ใส่เจ้าก่อนอย่างนั้นหรือ?’

ธิดาอู๋ไห่จือตี้ส่งข้อความตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว ‘เฮ้อ หนุ่มน้อย เจ้าทำให้ข้าสนใจในตัวเจ้าได้สำเร็จจริงๆ… เอาล่ะ ข้าตัดสินใจแล้ว เจ้าไม่มีวันต้องตายด้วยน้ำมือสาวกของข้าเด็ดขาด เพราะเจ้าต้องตายด้วยน้ำมือของข้าคนเดียวเท่านั้น’

หลินเป่ยเฉินเห็นข้อความนี้ก็รู้สึกโล่งใจไปครึ่งหนึ่ง

‘เหอเหอ เก่งจริงก็ลงมาที่โลกมนุษย์สิ’

หลินเป่ยเฉินส่งข้อความกลับไปด้วยความท้าทาย

‘ไม่ทราบว่าท่านมีปัญญาข้ามมิติลงมาหรือไม่?’

‘เป็นเจ้าต่างหากที่ต้องขึ้นมาที่นี่’

ธิดาอู๋ไห่จือตี้ตอบกลับอย่างรวบรัด

หลินเป่ยเฉินหัวเราะในลำคอระหว่างพิมพ์ข้อความ

‘ท่านคิดว่าข้าโง่หรือไง? ข้าอาศัยอยู่ที่นี่ก็ดีอยู่แล้ว ทำไมจะต้องขึ้นไปหาท่านบนนั้นด้วย?’

‘เพราะว่าข้าสามารถช่วยเจ้าได้’

ธิดาอู๋ไห่จือตี้ตอบกลับมา

“หืม?”

หลินเป่ยเฉินไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังหมายถึงอะไร

‘ข้ากำลังหยิบยื่นโอกาสที่จะได้กลายเป็นเทพเจ้าให้เจ้าแล้วนะ เจ้าจะปฏิเสธได้ลงคอเชียวหรือ?’

‘เจ้าไม่อยากจะเป็นเทพเจ้าหรือไร?’

‘ฮิฮิ เดี๋ยวข้าจะสร้างโอกาสทั้งหมดให้แก่เจ้าเอง หลินเป่ยเฉิน เจ้าจะกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในโลกของเจ้า เจ้าจะได้เติบโต และเมื่อเจ้ากลายเป็นผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานแล้ว ก็จะไม่มีใครสามารถสู้กับเจ้าได้อีกต่อไป แต่ด้วยความทะเยอทะยานของเจ้า มันจะทำให้เจ้าสนใจที่จะเลื่อนระดับขึ้นมาเป็นเทพเจ้า และเมื่อเจ้าสามารถเลื่อนระดับขึ้นมาได้สำเร็จ ขอให้รู้ไว้เลยว่าข้าคนนี้รอคอยที่จะฆ่าเจ้าอยู่บนดินแดนทวยเทพ แต่ข้าคงช่วยเจ้าไม่ได้ ถ้าเจ้าไม่ลองพยายามด้วยตนเองดูก่อน …’

‘นี่ก็เหมือนยาพิษที่แสนอร่อย เจ้ารู้ดีว่าเมื่อดื่มมันเข้าไปแล้วก็ต้องตาย แต่ยาพิษถ้วยนี้ช่างมีรสชาติหอมหวานชวนรับประทาน เจ้าจะสามารถปฏิเสธความเย้ายวนของมันได้หรือไม่’

‘หุหุ ข้าอยากจะขอบใจเจ้าเหลือเกิน ข้าอยู่อย่างเบื่อหน่ายมายาวนานหลายพันปีแล้ว ในที่สุด เจ้าก็กลายเป็นความสนุกสนานในชีวิตของข้า…’

ธิดาอู๋ไห่จือตี้ส่งข้อความรัวๆ ในอึดใจเดียว

ตอนนี้ หลินเป่ยเฉินสามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกตื่นเต้นจากข้อความของนางอย่างชัดเจน

ธิดาอู๋ไห่จือตี้ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเป็นเวลาหลายพันปี นางคงคิดที่จะหาอะไรเล่นสนุกฆ่าเวลา และเมื่อมาพบเจอกับเขา ธิดาอู๋ไห่จือตี้ก็คงอดรู้สึกที่จะดีใจไม่ได้

หลินเป่ยเฉินกะพริบตาปริบๆ

เทพธิดาองค์นี้…

ไม่ทราบว่าสมองมีปัญหาหรือไม่?

ความคิดเดียวที่เกิดขึ้นในหัวสมองของเด็กหนุ่มก็คือ…

นางมีอารมณ์แปรปรวนจนน่ากลัว

หรือนี่จะเป็นผลจากการที่ธิดาอู๋ไห่จือตี้ต้องอยู่คนเดียวมายาวนานมากเกินไป

‘แหะแหะ ข้าเองก็รอโอกาสเช่นนี้อยู่เหมือนกัน’

หลินเป่ยเฉินพิมพ์ข้อความส่งกลับไป ‘ว่าแต่บัดนี้ ท่านพอจะช่วยเหลืออะไรข้าได้บ้างหรือไม่?’

‘อืม…’

บนหน้าจอปรากฏสัญลักษณ์จุดไข่ปลาที่หมายความว่าธิดาอู๋ไห่จือตี้กำลังพิมพ์ข้อความ

หลังจากนั้นไม่นาน ข้อความใหม่ของเทพธิดาสาวใต้ท้องทะเลก็ถูกส่งกลับมา

‘สิ่งที่ข้าสามารถช่วยเหลือเจ้าได้ในตอนนี้ก็คือ ข้าจะทำให้เจ้ากลายเป็นร่างทรงเทพเจ้าแห่งท้องทะเล เจ้าจะได้ครอบครองเครื่องรางที่ล้ำค่าที่สุด มีทรัพยากรสำหรับการเสริมสร้างความแข็งแกร่งไม่จำกัดจำนวน… บัดนี้ ระดับพลังของเจ้าอ่อนแอมากเกินไป นี่นับเป็นโอกาสดีที่เจ้าจะได้ยกระดับตนเองขึ้นมาแล้ว’

เด็กหนุ่มเพิ่งจะอ่านข้อความนี้จบ

ติ๊ง!

เสียงแจ้งเตือนจากระบบโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

‘ท่านได้รับดาวนำโชคเป็นของขวัญจากผู้ใช้งานเจ้าของบัญชีธิดาอู๋ไห่จือตี้ บัดนี้ ท่านจึงมีคะแนนเสน่หาเพิ่มขึ้นมาเป็น 1 แต้ม โดยของขวัญที่อีกฝ่ายให้แก่ท่านนั้น บ่งบอกว่าพวกท่านมีโอกาสที่จะได้แต่งงานกันมากยิ่งขึ้น’

นั่นคือข้อความแจ้งเตือนที่ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอ

หลินเป่ยเฉินอ่านจบก็พบว่าตนเองได้รับดาวห้าแฉกสีเหลืองนวลหนึ่งดวงในกล่องของขวัญ

ทำไมมันถึงได้ดูเหมือนดาวทะเลขนาดนี้นะ?

“แล้วจะเอาของขวัญออกมาได้ไงวะเนี่ย?”

หลังจากพบว่าตนเองได้ของขวัญแล้ว หลินเป่ยเฉินก็ต้องยกมือขึ้นนวดขมับด้วยความปวดหัว

‘ท่านส่งดาวนำโชคอะไรนั่นมาให้ข้าทำไม?’

เขาส่งข้อความไปถามธิดาอู๋ไห่จือตี้

‘แหม แหม แหม หนุ่มน้อย เจ้านี่ไม่เคยเห็นโลกกว้างเลยสินะ นี่ไม่ได้เป็นดาวนำโชคธรรมดา แต่มันคือเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์จากเทพเจ้าแห่งท้องทะเลโดยตรง เมื่อเจ้ามีมันในครอบครอง ทุกผู้คนที่อยู่ใต้อำนาจของมหาวิหารและวังหลวงแห่งโลกสมุทรก็จะต้องทำตามคำสั่งของเจ้าแล้ว…. อิอิ เป็นอย่างไร? เจ้าเริ่มตื่นเต้นขึ้นมาแล้วหรือยัง?’

ต่อจากนั้น ธิดาอู๋ไห่จือตี้ก็ส่งสัญลักษณ์เสียงหัวเราะตามมาอีกยาวเหยียด

หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ ‘ท่านคงไม่ได้โกหกข้าหรอกใช่ไหม?’

‘เจ้าก็ลองนำไปใช้งานดูสิ’

ธิดาอู๋ไห่จือตี้ตอบกลับมา

หลินเป่ยเฉินไม่รู้จะส่งข้อความอะไรตอบกลับไปดี

เพราะเขาไม่รู้เลยว่าการใช้งานดาวนำโชคจะนำมาสู่อะไรบ้าง

ถ้าอ่าน “เซียนกระบี่มาแล้ว” ถึงบทนี้แล้วยังไม่จุใจ งั้นไปอ่านกันต่อได้ที่เว็บ Enjoybook.co เพราะที่นั่นลงนำไปแล้วกว่า 30 ตอน !! อ่านก่อนใครได้ที่เว็บเอนจอย