มหัศจรรย์ เป็นคุณชาย ชั่วข้ามคืน บทที่ 934
“นาย…นายจะมุ่งหน้าไปที่ไหนกัน?” ผู้หญิงคนนั้นถามอย่างค่อนข้างลังเลใจ ขณะที่เธอมองไปที่เจอรัลด์
“ไม่รู้สิ! เมื่อผมไปหยุดอยู่ที่จังหวัดซอลฟอร์ด ผมก็อาจจะเดินทางต่อไปจนกว่าผมจะถึงจุดสิ้นสุดของโลกล่ะมั้ง!” เจอรัลด์ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เขาเร่งเครื่องยนต์รถออฟโรดที่เขาขับอยู่
มันชัดเจนว่าเขาคือคนที่จัดการคนของฮันเซลในข่วงกลางคืน เป็นเพราะแบบนั้นเช่นกันที่เขาไม่สามารถอยู่ที่นี่ไปได้นานกว่านี้
“ก่อนที่นายจะจากไป บอกชื่อของให้ฉัน! ฉันชื่อเรนนี่ เลวิงตัน!” เรนนี่ตะโกนออกมา ขณะที่ใบหน้าของเธอแดงขึ้นมา
เอาตามตรงนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอที่เธอเคยใกล้ชิดกับผู้ชายขนาดนี้ สำหรับเธอ เจอรัลด์แตกต่างจากผู้ชายคนอื่นทั้งหมดที่เธอเคยพบก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง ท้ายที่สุดแล้ว เจอรัลด์ก็บอกเธอว่าเขาจะไม่มีความคิดสกปรกใด ๆ ต่อเธอ และเรนนี่ก็เห็นมันในดวงตาของเขาว่าเขาไม่ได้โกหก
“อ่า อืม…แค่เรียกผมว่าแซนเดอร์สัน!” เจอรัลด์ตอบกลับ
เมื่อได้ยินแบบนั้น เรนนี่ก็ไม่มีโอกาสแม้แต่จะตอบกลับเลยด้วยซ้ำ ก่อนที่เจอรัลด์จะเหยียบคันเร่งและขับจากไปในขณะที่โบกมือให้
“…แซนเดอร์สันงั้นเหรอ? ใครจะบ้าตั้งชื่อเช่นนี้ได้?” เรนนี่บ่นอย่างโกรธเคือง
พูดตรง ๆ เธอต้องการจะถามเขาต่อไป แต่ตอนนี้ เจอรัลด์เป็นเพียงจุดเล็ก ๆ ในระยะไกลไปแล้ว
เจอรัลด์เองก็เริ่มเดินทางผ่านจังหวัดซอลฟอร์ด ตามคำแนะนำของเกสท์ก่อนหน้านี้ ตอนนี้เขากำลังมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ใกล้กับชายแดนของจังหวัด
บริเวณที่ว่าไม่ใช่ส่วนหนึ่งของประเทศไหน ๆ และไม่มีคนแม้แต่คนเดียวที่รับผิดชอบมันเหมือนกัน นอกเหนือจากตระกูลใหญ่สองสามตระกูลที่มีอำนาจร่วมกันในพื้นที่นั้น ใครก็บอกได้ว่าสถานที่นั้นเป็นอิสระราวกับสวรรค์แห่งหนึ่ง
ด้วยเหตุนั้น พื้นที่แห่งนั้นจึงเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่าเมืองสวรรค์ในเขตสามเหลี่ยม
อย่างไรก็ตาม เพราะการขาดบุคคลที่มีอำนาจสนับสนุน ความไม่เคารพกฏหมายจึงวิ่งพล่านอยู่ภายในหลาย ๆ เมือง หมู่บ้าน และเขตชุมชนของเมืองสวรรค์
มันเป็นเพียงพื้นที่ที่รู้จักกันอย่างฉาวโฉ่สำหรับที่อยู่ของกองกำลังใต้ดินที่สำคัญหลายแห่ง
เวสลีย์เองก็ถูกมองว่าไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่านักธุรกิจที่มั่งคั่งแถวบริเวณส่วนนี้ เมื่อพูดถึงเวสลีย์แล้วก็ แผนการปัจจุบันของเจอรัลด์คือ มุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ของพวกเขา
นอกเหนือจากการตามหาราชาโสมที่เป็นไปได้แล้ว เจอรัลด์ก็มีเหตุผลสำคัญอีกอย่างในการมาที่นี่
การที่เขาไม่สามารถย้อนกลับไปยังเวสตันได้ในช่วงนี้ เขาจึงคิดว่าด้วยการที่มีมิจฉาชีพทั้งหมดปะปนอยู่ด้วยกันกับกลุ่มคนที่เที่ยงธรรมที่นี่ แม้แต่โมลเดลก็จะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการค้นหาเขาที่นี่ สถานที่แห่งนี้คือการพำนักที่ดีที่สุดของเจอรัลด์ ที่จะยังคงไม่สามารถตามตัวเจอได้และปลอดภัย อย่างน้อยก็ชั่วขณะหนึ่ง
เจอรัลด์ไม่ได้วางแผนที่จะอยู่นาน อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ตัดสินใจแล้วว่าเขาจะไม่สร้างความสัมพันธ์ที่เปิดเผยกับเวสลีย์ อย่าลืมว่า ตระกูลของพวกเขาเป็นเพียงตัวต่อรองเพียงอย่างเดียวที่เขาเหลืออยู่ และมันก็ไม่ใช่ตัวต่อรองในระยะยาวด้วยซ้ำ
หลังจากการขับรถมาได้ระยะหนึ่ง ในที่สุดรถก็น้ำมันหมด เป็นผลให้เจอรัลด์ต้องทิ้งมันไว้ โดยการเดินผ่านภูเขาแทน
มันไม่ได้ยากขนาดนั้นสำหรับเขา ถ้าเขากระหายน้ำ เขาก็สามารถดื่มน้ำแร่ได้เสมอ แม้แต่ความหิวก็ไม่ใช่ปัญหาเนื่องจากการจับและการย่างไก่ฟ้า หรือกระต่ายป่านั้นก็แทบจะไม่เป็นปัญหาสำหรับเขาเลย
อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุดฝนห่าใหญ่ก็เริ่มตกหนัก เขาไม่อยากจะเปียกชุ่มไปตลอดการเดินทางที่เหลือ เขาพบถ้ำใกล้ ๆ และใช้มันเป็นที่กำบังชั่วคราว
เป็นเวลาค่ำในที่สุดฝนก็หยุดตก และเจอรัลด์ยืนอยู่ตรงหน้าลำธารด้านนอกถ้ำ เพื่อล้างหน้าของเขา
ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่นานก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงต่อสู้กันอย่างรุนแรงไม่ไกลมากเกินไป
เจอรัลด์เพียงส่ายหัวของเขาด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ มันชัดเจนว่ามันเป็นการต่อสู้ระหว่างสองกองกำลัง
“นี่คือเขตสามเหลี่ยมอย่างแท้จริง…ฉันจำเป็นต้องระมัดระวังให้มากขึ้นที่ไหนก็ตามที่ฉันจะไปในตอนนี้!”
และในขณะที่เจอรัลด์พูดกับตัวเองไปแบบนั้น เจอรัลด์ก็ได้ยินเสียงดังกรอบแกรบของหลาย ๆ ฝีเท้า…อย่างไรก็ตามดูเหมือนพวกเขาจะมุ่งหน้ามายังทิศทางของเขากันอย่างบ้าคลั่ง!
เขาหรี่ตาลงมอง เจอรัลด์นับจำนวนผู้ชายทั้งหมดได้ห้าคน พวกเขาทั้งหมดแต่งกายด้วยเสื้อผ้าอำพลางอย่างเต็มที่ พวกเขาดูเหมือนกำลังพยายามที่จะหนีจากบางอย่างกันอย่างสิ้นหวัง
“หัวหน้า!” ผู้ชายคนหนึ่งตะโกนขึ้นขณะที่เขามองสหายร่วมเป็นร่วมตายที่ได้รับบาดเจ็บคนหนึ่งล้มลงกับพื้น คนที่ล้มลงมีลักษณะผิวที่ซีดเซียวอย่างมาก ขณะที่ผู้ชายอีกสี่คนรีบมาล้อมเขาเอาไว้
“ฉัน…ฉันไม่สามารถไปต่อได้อีกต่อไปแล้ว! ทิ้งฉันไว้ข้างหลังและวิ่งไป! เร็วเข้า ก่อนที่พวกมันจะมาถึง!”
“ไม่! พวกเราจะไม่ทิ้งคุณไว้ข้างหลัง หัวหน้า! พวกเราทั้งหมดเป็นพี่น้องกัน จำไว้! ถ้าพวกเราตาย พวกเราก็จะตายด้วยกัน! ในกรณีเลวร้ายที่สุดเกิดขึ้น พวกเราจะกระเสือกกระสนไปด้วยกันจนกว่าพวกเราจะตาย!” ผู้ชายอีกคนกล่าว
“นายมันโง่! พวกนายทุกคนพูดอะไรกัน! สัญญากับฉันเดี๋ยวนี้ว่านายทุกคนจะใช้ชีวิตให้ดีต่อไป! ฉันจะอยู่ข้างหลังเพื่อซื้อเวลาเอง ดังนั้นได้โปรด โปรดรีบจากไปกันได้แล้ว!” หัวหน้าของพวกเขาตอบกลับ ขณะที่เขาตบหนึ่งในผู้ชายเหล่านั้นที่กำลังร้องไห้ข้าง ๆ เขาอยู่แล้ว
“งั้นก็ซ้อมพวกเราให้ตายเลย หัวหน้า! จนกว่าคุณจะทำแบบนั้น พวกเราจะไม่มีวันจากไปไหน!”
“อีกครั้งนะครับ! พวกเราจะไม่จากไป ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม!” ผู้ชายอีกคนตะโกนขึ้น ขณะที่พวกเขาทั้งหมดเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของพวกเขา การตัดสินใจของพวกเขาแน่วแน่