ตอนที่ 728 แผนการ ( 1 )

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 728 แผนการ ( 1 )

วันแสนฟุ้งซ่านของฟู่เสี่ยวกวนได้ผ่านพ้นไปอย่างเงียบงัน

ใบของต้นหลิวร่วงหล่นในท้ายที่สุด แต่ทว่าใบของต้นผักเลือดยังคงเขียวขจีมีชีวิตชีวาดังเดิม ดอกเบญจมาศที่ใกล้โรยราในเมืองจินหลิงบัดนี้ยังคงบานสะพรั่งบนที่ราบว่อเฟิง

รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่สิบ วันที่ยี่สิบสอง เดือนสิบ ในที่สุดฟู่เสี่ยวกวนก็ได้รับข่าวจากเมืองจินหลิง

มารดาและบุตรต่างก็ปลอดภัยด้วยกันทั้งคู่ ต่งชูหลานให้กำเนิดธิดา ช่างเป็นข่าววิเศษมากยิ่งนัก

ฟู่เสี่ยวกวนเขียนจดหมายตอบกลับทันทีที่ทราบข่าว เขากังวลว่าต่งชูหลานจะรู้สึกมิสบายใจที่นางได้ให้กำเนิดลูกสาว จดหมายฉบับนี้จึงเขียนขึ้นเพื่อบรรเทาความกังวลของนาง อีกทั้งยังเน้นย้ำว่าเขาแสนโปรดปรานเด็กผู้หญิงมากกว่าเด็กผู้ชาย

จากนั้นเขาก็ได้ตั้งชื่อให้แก่บุตรทั้งสองคน เด็กผู้หญิงตั้งชื่อว่าฟู่ตั๋วตั๋ว ส่วนเด็กผู้ชายให้ตั้งชื่อว่าฟู่จึเหลียง เขาพึงพอใจในชื่อของลูกสาวเป็นอย่างมาก… ส่วนชื่อของลูกชายก็เอาแบบนี้ก็แล้วกัน

บรรทัดท้ายสุด เขายังบอกด้วยว่าปีใหม่นี้จะกลับจวน และคาดว่าจะเดินทางออกจากที่นี่ในปลายเดือนสิบเอ็ด

หลังจากซุยเยว่หมิงได้จัดแจงส่งจดหมายไปกับนกพิราบแล้ว ฟู่เสี่ยวกวนก็รู้สึกสบายใจขึ้นมากโข

ความฟุ้งซ่านที่อัดแน่นอยู่ภายในใจก็ได้หายวับไปในที่สุด ดังนั้นเขาจึงกลับมาเป็นคนเดิมที่กระปรี้กระเปร่า ส่วนหยุนซีเหยียนก็ได้เดินหน้าขายหนังสือรวมบทกวีของฟู่เสี่ยวกวนอย่างมุ่งมั่น

ช่วงเวลานี้ของหยุนซีเหยียนจึงผ่านไปอย่างมีความสุข

เมื่อลองนับนิ้วดูแล้ว จนถึงวันนี้หนังสือรวมบทกวีของเขานั้นสามารถจำหน่ายได้มากถึง 5,000 เล่มแล้ว !

ได้กำไร 3 ตำลึงต่อ 1 เล่ม ดังนั้นเขาจึงได้กำไรสุทธิมากถึง 15,000 ตำลึง ติ้งอันป๋อจึงเป็นดั่งเทพเจ้าแห่งโชคลาภสำหรับเขา !

กำไร 15,000 ตำลึงนี้ เขาจะนำไปทุ่มกับการซื้อหุ้นทั้งหมด ใช่ ! เมื่อได้ยินว่าติ้งอันป๋อซื้อหุ้นของบริษัทขนส่งทางเรือชิงโจว 1 ล้านหุ้น เขาก็รีบขึ้นขบวนตามไปทันที และได้ซื้อหุ้นของบริษัทชิงโจวไปทั้งสิ้น 15,000 หุ้นด้วยกัน

เขาเฝ้ารอวันที่จะมั่งคั่ง แต่ทว่าเขามิได้รับรู้ว่าฟู่เสี่ยวกวนมิได้หวังกับเงินที่ลงทุน 1 ล้านตำลึงนี้ว่าจะได้กำไรกลับคืนมาหรือไม่

“แม่น้ำใหญ่สายตะวันออกเฉียงใต้ที่ชิงโจวนั้นเป็นโครงการที่ต้องทุ่มทรัพยากรอย่างมหาศาล ตามแผนที่ข้าได้วางเอาไว้ก็คือโครงการนี้จะสามารถเดินเรือได้จริง…อย่างน้อยอาจจะต้องใช้เวลานานถึง 10 ปี ! ”

ฟู่เสี่ยวกวน หนิงหยู่ชุน หยุนซีเหยียน และจัวตงหลายได้หารือกันอย่างขะมักเขม้นในสำนักเลขาธิการ

ในชีวิตที่เขาจากมาก็ได้มีจักรพรรดินามว่าสุยหยางแห่งราชวงศ์สุยได้มีพระบัญชาให้ขุดแม่น้ำสำหรับขนส่งโดยใช้แรงงานนับล้านคน และใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 7 ปี !

แม่น้ำเส้นที่ขุดจากปักกิ่งลงมาถึงหางโจวนั้นมีความซับซ้อนพอสมควร และมีการซ่อมแซมในทุกยุคทุกสมัยโดยใช้เวลาทั้งสิ้นหนึ่งพันปีซึ่งทำให้สิ่งที่เขาทำนั้นเทียบมิติดเอาเสียเลย

จากอำเภอหลานหลิงถึงแม่น้ำแยงซีมีระยะทางการไหลของแม่น้ำมากกว่า 800 ลี้อย่างแน่นอน อีกทั้งทางจังหวัดชิงโจวก็แสนจนปัญญาที่จะรวบรวมแรงงานมากถึง 1 ล้านคน เช่นนี้แล้วระยะเวลา 10 ปีจึงเป็นเพียงการคาดการณ์แบบมองโลกในแง่ดีของฟู่เสี่ยวกวนเท่านั้น ดีมิดีอาจจะต้องขุดแม่น้ำนานถึงสิบห้าหรือยี่สิบปีเลยด้วยซ้ำ

อีกทั้งรายได้ทั้งหมดของว่อเฟิงเต้าก็จะถูกสาดลงไปในหลุมที่ทอดลึกนี้อย่างไม่มีจุดสิ้นสุด

แต่ทว่าเขายังคงยืนหยัดสนับสนุนการขุดแม่น้ำครานี้ เหตุผลแรกคือถ้าหากแม่น้ำขนส่งสายตะวันออกเฉียงใต้สามารถแล่นเรือได้เมื่อใดก็จะเป็นดั่งแม่น้ำสายเศรษฐกิจสำคัญแห่งภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ของราชวงศ์หยู !

อีกทั้งยังเชื่อมต่อกับแม่น้ำแยงซีอีกด้วย ซึ่งหมายความว่าแม่น้ำที่ว่อเฟิงเต้าและอีก 13 มณฑลของราชวงศ์หยูนั้นจะเชื่อมเข้าหากันอย่างแน่นแฟ้น

หากต้องการที่จะขนส่งวัตถุดิบจากที่ใดมายังว่อเฟิงเต้าก็จะยิ่งสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และในขณะเดียวกันสินค้าของว่อเฟิงเต้าก็จะสามารถกระจายไปยังเขตอื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็วมิต่างกัน

ส่วนเหตุผลที่สอง…ในระหว่างที่มีการก่อสร้างแม่น้ำ ภาษีทุกเม็ดทุกหน่วยที่ว่อเฟิงเต้าเรียกเก็บจึงยังมิสามารถส่งให้กรมคลังได้และอาจจะต้องการความสนับสนุนด้านการเงินจากส่วนกลางเสียด้วยซ้ำ เป็นเหตุให้การพัฒนาเศรษฐกิจของราชวงศ์หยูค่อนข้างช้าและย่อมเป็นประโยชน์ต่อราชวงศ์อู๋

หลังจากที่ฟู่เสี่ยวกวนได้ดูแผนงานนี้ก็พิจารณาอย่างละเอียดนานถึง 3 วัน สุดท้ายก็ได้อนุมัติการลงทุนจำนวนมหาศาลนี้

“10 ปีเชียวหรือ… ? ” หยุนซีเหยียนถึงกับอ้าปากกว้างด้วยอารามตกตะลึงงัน จากนั้นฟู่เสี่ยวกวนก็พยักหน้า “อย่างน้อยต้องใช้เวลา 10 ปี ! ”

หยุนซีเหยียนจึงรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาในทันใด เพราะตนซื้อหุ้นมากถึง 15,000 หุ้น…ต้องไปดูที่ธนาคารซื่อทงเสียหน่อย หากว่าราคาหุ้นขึ้นเมื่อใดก็จะรีบขายทิ้งทันที

“ที่ข้าเรียกพบพวกเจ้าในวันนี้ก็เพื่อหารือถึงแผนพัฒนาว่อเฟิงเต้าในปีหน้า”

ในมือของฟู่เสี่ยวกวนถือรายงานที่สรุปโดยสำนักงานเลขาธิการว่าด้วยเรื่องอุตสาหกรรมการผลิตที่ว่อเฟิงเต้า และยังรวมถึงการลงทุนในแต่ละแห่งที่หลั่งไหลเข้ามาในว่อเฟิงเต้า

“ชิงโจวนั้นเหมาะกับการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเป็นอย่างมาก เพราะที่นั่นมีโรงงานสิ่งทอกระจุกตัวอยู่มากที่สุด เช่นนั้นแล้วในปีหน้าที่ชิงโจวต้องเดินหน้าแก้ไขปัญหาขาดแคลนตัวไหมเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของโรงงานในท้องที่”

“ส่วนฉีโจวนั้นมีภูเขามาก ต่งเสียงฟางได้รายงานว่าตระกูลกงซุนหนึ่งในห้าผู้นำตระกูลการค้าได้ขุดพบแร่เหล็กที่อำเภอหลัวเจีย และทางสำนักราชการประจำจังหวัดได้ออกจดหมายอนุญาตให้ขุดแร่ได้ บัดนี้ตระกูลกงซุนได้ทำการก่อสร้างโรงงานสำหรับถลุงและตีเหล็กขึ้นมาแล้ว…”

“ทางฉีโจวต้องเดินหน้าขุดแร่เหล็กต่อไป อีกอย่าง…”

ฟู่เสี่ยวกวนมองไปทางหยุนซีเหยียน “ข้าจำได้ เจ้าเคยเอ่ยไว้ว่าต้นป่านที่ฉีโจวนั้นปลูกได้งดงามมากยิ่งนัก ดังนั้นเจ้าจงจดเรื่องนี้เอาไว้เสียหน่อยว่าให้ราษฎรของฉีโจวปลูกต้นป่านแต่ผ้าป่านที่ได้นั้นให้ส่งมาขายทางชิงโจว”

หยุนซีเหยียนรู้สึกสงสัย “เพราะเหตุใดหรือขอรับ ? ”

“เพราะต่อจากนี้ไปชิงโจวจะเป็นเขตอุตสาหกรรมเบา… พวกเจ้าสามารถเข้าใจได้ว่าอุตสาหกรรมเบานั้นจะเน้นผลิตสิ่งทอ อาทิเช่น ผ้าลินิน ผ้าไหม ผ้าสำเร็จรูป รองเท้าและหมวก เป็นต้น ”

“แล้วทางฉีโจวจะจัดการเยี่ยงไรขอรับ ? ”

“ในเมื่อทางฉีโจวมีจำพวกแร่ธาตุจำนวนมาก ก็ให้พัฒนาเป็นเขตอุตสาหกรรมหนักเสีย คือจำพวกการถลุงหรือตีเหล็ก เป็นต้น”

หนิงหยู่ชุนได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้วด้วยความฉงนว่าเหตุใดฟู่เสี่ยวกวนจึงต้องแบ่งเป็นเขต ๆ เช่นนี้ แต่เขาก็มิได้ขัดแต่อย่างใดเพราะเมื่ออีกฝ่ายเลือกทำแบบนี้ย่อมมีเหตุผลอย่างแน่นอน

“เจ้าเร่งวางแผนเพื่อปีหน้า แล้วปีนี้จะทำอันใด ? ” หนิงหยู่ชุนรู้สึกกังวลว่าบุรุษผู้นี้จะแอบหนีกลับไปยังราชวงศ์อู๋

ฟู่เสี่ยวกวนยิ้มร่า “ชาวฮวงได้สังหารกองกำลังดาบเทวะของข้าไปถึง 2,000 นาย ข้าจึงจำต้องไปชำระแค้นด้วยตนเอง ! ”

หนิงหยู่ชุนและหยุนซีเหยียนต่างก็ตกตะลึงงัน อีกฝ่ายเป็นถึงเต้าถาย !

มิหนำซ้ำยังเป็นเสนาบดีกรมการค้าอีกด้วย !

แต่ทว่าเขามิใช่แม่ทัพเสียหน่อย !

หนิงหยู่ชุนตกตะลึงงันอยู่เนิ่นนาน พอได้สติจึงเอ่ยออกมาว่า “ฝ่าบาทย่อมมิประสงค์ให้เจ้าไปเสี่ยงอันตรายอย่างแน่นอน ! ”

“เจ้าหมายความว่าข้าจะละทิ้งหน้าที่โดยมิได้รับพระราชทานอนุญาตสินะ”

“ก็ใช่ส่วนหนึ่ง… แต่เจ้าเป็นเต้าถายแล้วรู้สึกมิชอบบ้างเลยหรือ ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนส่ายศีรษะแล้วหุบยิ้ม “ชาวฮวงเป็นปัญหาใต้พรมของราชวงศ์หยูเสมอมา ถ้ามิแก้ไขปัญหาใต้พรมนี้เสีย ทางตอนเหนือก็ไร้หนทางสงบสุขและสิ่งที่พวกเจ้ามิล่วงรู้เลยก็คือ… แคว้นอี๋ได้รุกล้ำเข้าไปในอาณาเขตหลานฉีของแคว้นฮวง ศึกครานี้ได้สงบลงแล้ว แต่ทว่าแคว้นอี๋ได้ครองพื้นที่หลานฉีนี้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น…”

ฟู่เสี่ยวกวนเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นก็เอ่ยต่อว่า “หมายความว่าชาวฮวงและชาวอี๋ได้ร่วมตกลงในผลประโยชน์บางประการร่วมกัน ชาวฮวงทุ่มเทกับการฝึกกองทัพดาบสวรรค์ 400,000 นาย แล้วเหตุใดถึงมิได้ส่งไปขับไล่ชาวอี๋ที่รุกล้ำเข้ามากันเล่า ? ”

เมื่อหนิงหยู่ชุนได้ยินดังนั้นใบหน้าก็พลันถอดสีในทันใด “หรือว่าชาวฮวงกำลังวางแผนจู่โจมทางใต้กัน ? ”

“ใช่… ! ” ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้ารับ “ชาวฮวงวางแผนจู่โจมทางใต้ซึ่งก็ตอบสนองกับผลประโยชน์ของแคว้นอี๋เข้าพอดี ดังนั้นแคว้นอี๋จึงยอมยุติการทำศึกเพื่อสนองโอกาสนี้ให้แก่ชาวฮวง”

“ชางฮวงคงมิอยากรีรอต่อไปเพราะชายแดนทางเหนือของราชวงศ์หยูได้มีการตระเตรียมปืนคาบศิลาและปืนใหญ่มากขึ้นทุกวี่ทุกวัน หากยืดเวลาต่อไปชาวฮวงก็ย่อมหมดหนทางที่จะบุกโจมตีทางใต้ได้ ข้ามั่นใจเสียเหลือเกินว่าเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิในปีหน้าชาวฮวงย่อมนำทัพเข้าโจมตีแคว้นทางใต้ของราชวงศ์หยูอย่างแน่นอน”

“แต่นี่เป็นเรื่องของกองทัพชายแดนเหนือ ! ”

“ก็ถูก แต่ข้าเพียงแค่อยากไปฝึกกองกำลังดาบเทวะเท่านั้นเอง”

“เจ้าเพียงแค่ไปฝึกกองทัพจริงเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

หนิงหยู่ชุน หยุนซีเหยียนและจัวตงหลายล้วนอับจนหนทางที่จะคาดเดาความคิดของฟู่เสี่ยวกวนให้ทะลุปรุโปร่งได้

เขาต้องการไปแก้แค้นให้ทหารดาบเทวะทั้งสองพันนายจริงเยี่ยงนั้นหรือ ?

เขามิจำเป็นต้องไปแดนศึกด้วยตนเองเสียด้วยซ้ำ เพราะการฝึกฝนกองทัพทหารดาบเทวะนั้นเป็นที่เลื่องลืออยู่แล้ว แม่ทัพของกองทหารก็มีอยู่ ดังนั้นเพียงแค่ออกคำสั่งคราเดียวก็สามารถแก้ไขปัญหาได้แล้ว

เหตุใดฟู่เสี่ยวกวนถึงอยากไปสนามรบด้วยตนเองกัน ?