ภาคที่ 33 กลับชาติมาเกิด ตอนที่ 1 จวนท่านโหวหั่วเลี่ย

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ภาคที่ 33 กลับชาติมาเกิด ตอนที่ 1 จวนท่านโหวหั่วเลี่ย โดย Ink Stone_Fantasy

ณ ดินแดนจิตโลกาอันกว้างใหญ่ไพศาล บริเวณใกล้ ๆ ‘ทะเลกาฬอเวจี’ มีรัฐประเทศขนาดค่อนข้างใหญ่แห่งหนึ่ง ชื่อว่ารัฐเมฆทักษิณา

รัฐเมฆทักษิณา เมืองอัคคีโชติ

เมืองอัคคีโชติกินพื้นที่แสนล้านลี้ ภายในมีผู้บำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วน มีสำนักวิชาจำนวนนับไม่ถ้วน ทั้งยังมีร่างแปรเทพจักรวาลร่างหนึ่งนิทรารักษาการณ์อยู่ที่นี่ด้วย และเจ้าเมืองของเมืองอัคคีโชติก็คือ ‘ท่านโหวหั่วเลี่ย’ ซึ่งก็คือยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนคนหนึ่ง

ในขณะนี้…

ภายในจวนท่านโหวหั่วเลี่ย มีบริวารข้ารับใช้จำนวนนับไม่ถ้วน แขกเหรื่อมากมาย ภายในลานเล็กที่ไม่สะดุดตาแห่งหนึ่ง

“ท่านแม่ ท่านเอนกายพักผ่อนเถิด ไม่จำเป็นต้องไปโมโหสาวใช้ผู้นั้นเลย” สตรีอาภรณ์เขียวคนหนึ่งพยุงสตรีนางหนึ่งให้นอนลงบนเก้าอี้เอนหลังอย่างระมัดระวัง

สตรีผู้นั้นพยักหน้าเบาๆ แล้วเอนกายลงตรงนั้นด้วยความอ่อนล้าเป็นอย่างยิ่ง นางลูบครรภ์เบาๆ หน้าท้องของนางนูนขึ้นมาน้อยๆ แล้ว

ภายในครรภ์ของนาง

สติรับรู้ค่อยๆ ตื่นขึ้นมา

“กลับชาติมาเกิดสำเร็จแล้วหรือ” สติรับรู้ของตงป๋อเสวี่ยอิงค่อยๆ ตื่นขึ้นมา ถึงแม้ว่าขณะนี้วิญญาณของเขาจะอ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไปถึงระดับขั้นจิตใจขั้นจิตข้าคือจิตฟ้าแล้ว ถึงแม้ว่าวิญญาณจะอ่อนแอ แต่กลับมีคุณภาพไม่ธรรมดา มีเสื้อคลุมมนตร์คลุมร่าง ตามปกติแล้วยามที่ระดับจิตใจจากระดับชั้นที่สองเหยียบย่างเข้าสู่ระดับชั้นที่สามก็อาจมีความผิดปกติ ควบคุมกลิ่นอายไม่อยู่ ระลอกคลื่นวิญญาณแผ่ปกคลุมทุกทิศทุกทาง ทำให้ผู้บำเพ็ญจำนวนมากค้นพบได้

แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงมีความร้ายกาจในด้านการควบคุมวิญญาณเป็นอย่างยิ่ง ทำให้กลิ่นอายไม่รั่วไหลเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังพินิจภายในกายตนอย่างกระจ่างแจ้ง

“อืม วิญญาณแท้สายหนึ่งของข้าก่อนหน้านี้กลับชาติมาเกิดภายใต้กฎเกณฑ์สูงสุดของดินแดนจิตโลกาแห่งนี้อย่างแท้จริงแล้ว แทรกเข้าไปในวิญญาณดวงนี้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึงพอใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าเมื่อเทียบกันแล้ววิญญาณจะอ่อนแอกว่าตัวเขาในอดีตเป็นอย่างมาก แต่ก็มีระดับเทพขั้นสุดยอด ทั้งยังเป็นระดับจิตใจระดับขั้นที่สามอีกด้วย

“ร่างกายนี้ของข้าหรือ”

ตงป๋อเสวี่ยอิงพินิจดูร่างกายขนาดเล็กภายในตัวอ่อนของตน ตอนนี้ร่างกายขนาดเล็กก็มีมือเท้าครบสมบูรณ์แล้ว เมื่อมองดูอวัยวะเบื้องล่างแล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมาในทันใด “ยังดี…ที่เป็นบุรุษ”

ถึงอย่างไรเขาก็ยังมีความทรงจำ หากกลับชาติมาเกิดเป็นอิสตรี เขาก็อาจจะรับไม่ได้ กลัวว่าจะต้องควบคุมตนเองให้เปลี่ยนแปลงเพศ แต่ผู้บำเพ็ญที่แกร่งกล้าต่างก็สามารถพินิจดูตัวอ่อนภายในครรภ์ได้ ถ้าหากตรวจพบว่าตัวอ่อนตัวหนึ่งเป็นเด็กผู้หญิง แล้วในภายหลังแปรเปลี่ยนเป็นเด็กผู้ชาย เช่นนั้นก็จะต้องก่อให้เกิดความสงสัยอย่างแน่นอน

“พลังชีวิตของร่างกายนี้ของข้าแข็งแกร่งทีเดียว ยามที่ยังเป็นเพียงแค่ตัวอ่อน ความแข็งแกร่งของพลังชีวิตก็เทียบเคียงได้กับเทพโลกาแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงแอบประหลาดใจ ถึงแม้ว่าพลังชีวิตจะแข็งแกร่ง แต่สำหรับร่างกายนั้นก็นับได้ว่าเป็นเพียงแค่ระดับเทพเท่านั้น แต่ยังอยู่ระหว่างการเจริญ เชื่อมั่นว่าน่าจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

“ดูเหมือนว่าจะยังห่างจากกำหนดคลอดอีกเป็นระยะเวลานานทีเดียว พลังชีวิตในตอนนี้ก็แข็งแกร่งถึงเพียงนี้แล้ว เจริญเช่นนี้ต่อไป ยามที่ถือกำเนิด อย่างน้อยก็คงเป็นเทพโลกาแล้วกระมัง หรือแม้กระทั่งเป็นเทพแท้ก็ได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงมีความไม่อยากเชื่ออยู่บ้าง

เทพแท้หรือ

ทางด้านของตนนั้น ตามปกติแล้วเมื่อเพิ่งถือกำเนิดขึ้นมาในโลกทิพย์ก็เป็นเพียงแค่ขั้นเหนือธรรมดาเท่านั้น ต่อให้เป็นบุตรชายบุตรสาวของเทพจักรวาล ก็มิอาจถือกำเนิดออกมาแล้วเป็นเทพแท้เลยได้

“ตามคำบอกเล่าของหยวน พื้นฐานของดินแดนจิตโลกานั้นล้ำลึกกว่าทางอากาศอันสับสนอลหม่านมากมายนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ ทายาทในยามที่เป็นตัวอ่อนก็แข็งแกร่งเช่นนี้แล้ว สายโลหิตก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ย่อมมิใช่ว่าเป็นเพียงแค่สายโลหิตเท่านั้น ถึงอย่างไรลูกหลานเทพจักรวาลของทางด้านอากาศอันสับสนอลหม่านก็เป็นผู้ที่บำเพ็ญขึ้นมาในภายหลัง เกรงว่าจะต้องมีเคล็ดลับบางอย่าง

เช่นสิ่งมีชีวิตแห่งห้วงอากาศ ก็มีสิ่งมีชีวิตแห่งห้วงอากาศที่มีความพิเศษบางส่วนที่พอถือกำเนิดขึ้นมาแล้วก็เป็นเทพอากาศเลย พวกที่อ่อนแอหน่อยก็มีพวกที่เกิดมาแล้วเป็นผู้ปกครองเทพแท้

ก่อนหน้านี้ก็มีผู้บำเพ็ญเคยศึกษาว่าสามารถทำให้บุตรชายหญิงของตนเมื่อถือกำเนิดขึ้นมาแล้วเหมือนกับพวกสิ่งมีชีวิตแห่งห้วงอากาศ เป็นเทพแท้หรือเทพอากาศเลยได้หรือไม่!

“หรือว่าดินแดนจิตโลกาก็พัฒนาเคล็ดลับที่คล้ายกันนี้ขึ้นมาเช่นกัน” ทันใดนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไม่คิดอีกต่อไป รอหลังจากที่ถือกำเนิดแล้วตนเชื่อว่าเพียงไม่นานก็จะสามารถเข้าใจข้อมูลเหล่านี้ได้เอง

“พินิจภายใน”

ตงป๋อเสวี่ยอิงเริ่มต้นตรวจตราร่างกายของตนโดยละเอียด

วิญญาณระดับจิตข้าคือจิตฟ้า ถ้าหากปรารถนา เขามองผู้อื่นเพียงปราดเดียว ความมุ่งมาดที่แฝงอยู่ในแววตาก็สามารถโจมตีสังหารผู้ปกครองเทพแท้ได้อย่างง่ายดายแล้ว วิญญาณนี้ยังพินิจภายในร่างกายของตน ก็ย่อมมองได้อย่างละเอียดลออเป็นอย่างยิ่งอยู่แล้ว

“ในหยาดโลหิตของข้าอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงวิเคราะห์โดยละเอียดอย่างต่อเนื่องแล้วก็ค้นพบอย่างรวดเร็ว

หยาดโลหิตของตน ส่วนประกอบภายในอนุภาคนั้นซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง

คล้ายกับประกอบขึ้นจากรูปแบบสามมิติสายแล้วสายเล่า มีบางส่วนที่มีอยู่มากมาย มีบางส่วนที่เป็นแกนหลัก

ภาพค่ายกลสามมิติเหล่านี้

บ้างก็ใหญ่โตและกระจ่างชัด บ้างก็เล็กจ้อยและอ่อนแอ แต่ก็มีภาพค่ายกลขนาดเล็กบางส่วน…ที่กลับมีจินตภาพที่โบร่ำโบราณและห่างไกลเป็นที่สุด นั่นเป็นจินตภาพที่ลึกล้ำยิ่งกว่าเคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดแปรที่สิบและบุปผาผลาญทำลายเก้าใบที่ตนคิดค้นออกมาในตอนนั้นเสียอีก ถึงแม้ว่าภาพค่ายกลสามมิติที่มีขนาดใหญ่ที่สุดจะกระจ่างชัดเป็นที่สุด แต่ในทางกลับกันจินตภาพนั้นกลับอ่อนแอยิ่ง ตงป๋อเสวี่ยอิงประเมินว่าก็เป็นเทพอากาศขั้นกำเนิดหรือว่าระดับขั้นรวมเป็นหนึ่งกระมัง

เหตุผลที่ประเมินได้อย่างคลุมเครือเช่นนี้ก็เป็นเพราะตงป๋อเสวี่ยอิงไม่มีความเข้าใจในความเร้นลับของกฎเกณฑ์ของดินแดนจิตโลกา เขาเพียงแค่อาศัยประสบการณ์ผ่านความรู้สึกที่ภาพค่ายกลทำให้ตนรู้สึกแล้วทำการประเมินเช่นนี้ออกมา

“สายโลหิต นอกจากนี้ ยังมีสิ่งที่แฝงเร้นอยู่ในสายโลหิตอีกเป็นอันมากด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงอัศจรรย์ใจ

ระบบการบำเพ็ญสายโลหิต ณ แห่งหนที่ตนจากมา ก็เป็นระบบที่ใหญ่มหึมาเป็นอย่างยิ่ง! เขาก็ย่อมเคยศึกษามาบ้างเล็กน้อย เข้าใจว่าร่างกายร่างนี้ของตนมีสิ่งที่แฝงเร้นอยู่ในสายโลหิตมากมาย

จินตภาพที่โบร่ำโบราณและห่างไกลอันสมบูรณ์แบบพรรค์นั้น ตนเองประเมินว่าเหนือกว่าระดับชั้นที่เก้าขั้นสุดยอด จะต้องเป็นสายโลหิตของเทพจักรวาล มีด้วยกันถึงแปดประเภท! ทว่าต่างก็อ่อนแอเป็นอย่างยิ่งด้วยกันทั้งสิ้น  คาดว่าคงจะผ่านไปหลายชั่วอายุคนแล้ว

ในทางกลับกันสายโลหิตที่ชัดเจนที่สุดคือสายโลหิตที่ค่อนข้างอ่อนแอ

“ร่างกายนี้ของข้าเหมาะสมกับระบบการบำเพ็ญสายโลหิต” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบยินดี ระบบการบำเพ็ญสายโลหิตนั้นง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง เช่นสิงหั่วสวินอี ลูกศิษย์ของตน ตอนนั้นก็ไปถึงขั้นรวมเป็นหนึ่งอย่างรวดเร็วด้วยความผ่อนคลายยิ่ง จักรพรรดิสิงหั่ว บิดาของเขา เป็นขั้นอลวน เพราะสิงหั่วสวินอีเป็นบุตรในไส้ของตน สายโลหิตของบิดาเขาที่แฝงอยู่ในร่างของเขาก็จะต้องเข้มข้นเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงบำเพ็ญได้อย่างรวดเร็ว

สำหรับตน…

ก็ย่อมต้องเอนเอียงไปทางสายโลหิตเทพจักรวาลอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าจะอ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง แต่ตนเองมีระดับขั้นสูงส่ง! ถึงแม้ว่าความเร้นลับของกฎเกณฑ์ของโลกนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก แต่มีพื้นฐานของก่อนหน้านี้อยู่ การจะบำเพ็ญขึ้นมานั้นก็ยังค่อนข้างง่ายดาย ระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์ยกระดับได้ยากยิ่ง ระบบการบำเพ็ญสายโลหิตของตนนั้นจะต้องยกระดับขึ้นอย่างรวดเร็วแน่นอน

“บำเพ็ญระบบการบำเพ็ญสายโลหิตไปก่อน ให้พลังยุทธ์พุ่งทะยานขึ้น เช่นนี้วิญญาณก็ยิ่งแกร่งกล้าขึ้น! พอวิญญาณแกร่งกล้าแล้ว ความเร็วในการวิวัฒน์และหยั่งรู้ก็จะสามารถพุ่งพรวดขึ้นไปได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงไตร่ตรอง

เคยชินกับความเร็วในการคิดไตร่ตรองยามเป็นขั้นอลวนแล้ว ขณะนี้เป็นเพียงแค่วิญญาณระดับเทพขั้นสุดยอด (พื้นฐานระดับจิตใจระดับขั้นที่สาม) เมื่อเทียบกันแล้วความเร็วในการคิดไตร่ตรองก็ช้ากว่าไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า

การลับมีดมิได้ถ่วงเวลาให้งานช้าลง

สำหรับตนแล้วระบบการบำเพ็ญสายโลหิตก็คือการลับมีด! ถึงอย่างไรระบบการบำเพ็ญสายโลหิตก็ถูกกำหนดมาแล้วว่าสูงที่สุดก็เป็นได้เพียงแค่ขั้นอลวนเท่านั้น

“ลองดูความเร้นลับของกฎเกณฑ์ของดินแดนจิตโลกาแห่งนี้ไปก่อนเถิดว่าแตกต่างกับที่ที่ข้าจากมาหรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงเริ่มรวบรวมสมาธิรับสัมผัสอย่างละเอียด

กฎเกณฑ์สูงสุดแผ่ปกคลุมทั่วทุกหนแห่ง แน่นอนว่าภายในตัวอ่อนนี้ก็มีกฎเกณฑ์ระลอกคลื่นอยู่ด้วยเช่นกัน

ภายใต้การรับสัมผัสของตงป๋อเสวี่ยอิง ระดับขั้นก่อนหน้านี้ของเขาสูงส่งก็จริง แต่กลับมิได้มีความเข้าใจในความเร้นลับของกฎเกณฑ์ของดินแดนจิตโลกาแห่งนี้เลยแม้แต่น้อย ก็ต้องเริ่มตระหนักรู้ใหม่ตั้งแต่ต้น

“โลกเทียม ห้วงอากาศ ระลอกคลื่น และค่ายสังหาร…” ตงป๋อเสวี่ยอิงเริ่มต้นรับสัมผัสจากสิ่งที่คุ้นเคยที่สุดก่อน

ก่อนหน้านี้ตนก็ถนัดทางด้านโลกเทียม ค่ายสังหาร วิถีระลอกคลื่น และวิถีสามสาย

แต่เพราะว่าวิชาลับผู้ท่อง ศาสตร์ลับสี่ภาพวาดของจักรพรรดิเก้าเมฆา ชุดเกราะเกล็ดของแม่ทัพโม่กู่ และการบำเพ็ญนับล้านล้านปีในทางเดินโลกาพิศวง… ต่างก็ทำให้การสั่งสมทางด้านห้วงอากาศของตงป๋อเสวี่ยอิงก็เข้มข้นเป็นอย่างยิ่ง นับอย่างจริงจังแล้ว ในทั้งสี่ด้าน โลกเทียมจัดเป็นลำดับที่หนึ่ง ห้วงอากาศต้องจัดเป็นลำดับที่สองแล้ว ค่ายสังหารเป็นลำดับสาม ส่วนระลอกคลื่นจัดเป็นลำดับที่สี่

“โอ้…”

การรวบรวมสมาธิรับสัมผัสกฎเกณฑ์สูงสุดในครั้งนี้ ก็รับสัมผัสไปยาวนานถึงครึ่งเดือนกว่าๆ ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีการประเมินได้อย่างกระจ่างชัดแล้ว

…………………………………………………